เมือสัปดาก่อนแบงค์ชาติได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% โดยที่มีเหตุผลหลักเพื่อทำให้ค่าเงินบาทมันอ่อนลงกว่านี้ (ซึ่งเดี๋ยวนี้มันแข็งมาก แล้วก็ส่งผลต่อผู้ส่งออก อย่างที่ได้เคยบอกไปแล้วน่ะ) คำถามเกิดขึ้นมาทันทีว่า มันเกี่ยวไรกับค่าเงิน ไอ้เจ้าอัตราดอกเบี้ยเนี่ย ฟันธงเลยว่าเกี่ยว มันจะไปเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายเงินทุน อ้าวคราวนี้มีปัญหาแล้วดิว่า การเคลื่อนย้ายเงินทุนคือไร.... ตอบง่ายๆนะการเคลื่อนย้ายเงินทุนก็คือการที่เงินทุน(เงินกู้หรือเงินที่นำไปลงทุน) ไหลไปไหลมาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นธรรมดาว่าถ้าที่ไหนให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าก็จะไปที่นั้น ไอ้เจ้าผลตอบแทนเนี่ยแหละมันก็อิงตามอัตราดอกเบี้ย ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูงผลตอบแทนของประเทศนั้นก็สูง ถ้าอัตราดอกเบี้ยตำผลตอบแทนก็ต่ำ การที่ธนาคารแห่งประไทย หรือชื่อเล่นว่าแบงค์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็เพื่อใหเงินทุนไหลออกไปนอกประเทศเราบ้าง
แล้วมันเกี่ยวไรกับค่าเงิน ....เกี่ยวดิ การที่เงินไหลออกนอกประเทศก็ทำให้ความต้องการเงินบาทลดลง เมือความต้องการเงินบาทลดลงก็ทำให้เงินเรามีค่าลดลงหรือเรียกว่าค่าเงินอ่อนลงไงละครับ
ก็มีคำถามตามมาว่า นโยบายนี้ใช้ไปผลป่าว ...เรื่องนี้ไม่มีใครจะตอบได้มันเป็นเรื่องของอนาคต เราน่าจะถามว่า0.25%นั้นพอจะทำให้ค่าเงินอ่อนลงไหม แล้วมีนโยบายอื่นๆมาช่วยไหม แต่ยังไงก็เอาใจช่วยคนทำงานทุกคนนะครับ ให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เร็วๆนะ....จบ.....
เอามาจากบล๊อกผมเองครับ http://econ-society.blogspot.com/