Page 5 of 6 FirstFirst ... 3456 LastLast
Results 41 to 50 of 51

Thread: รวมสาระโพสเรื่อยๆ

  1. #41
    Junior Member
    Join Date
    Sep 2007
    Posts
    6


    ข้อความแจ้งปัญหาใน Dos ครับ

    Abort,Retry,Fail ?
    จาพบได้กรณืไดร์ฟไม่มีแผ่นดิสก์อยู่แร้วเรียกใช้ข้อมูลจากไดร์ฟนั้น การแก้ไขก้อนำแผ่นดิสก์ที่ต้องการไปใส่
    กดปุ่ม R การทำงานจาทำต่อไปจากงานที่ค้างอยู่
    กดปุ่ม A รอรับคำสั่งจาไปอยู่ในไดร์ฟล่าสุด
    กดปุ่ม F เมื่อต้องการยกเลิกการทำงาน
    Bad command or file name ใช้คำสั่งผิดหรือไฟล์ที่เรียกใช้งานนั้นไม่สามาดเรียกใช้ได้ การแก้ไข ตรวจสอบว่าบรรทัดคำสั่งว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น พิมคำสั่งและชื่อไฟล์ถูกต้องป่าว
    File not found
    ไม่สามาดหาไฟล์นั้นพบ อาจจาไม่มีไฟล์นั้น
    Insufficient memory
    หน่วยความจำไม่พอต่อความต้องการของโปรแกรม
    Out of memory
    โปรแกรมเริ่มทำงานไปแร้วบางส่วนแล้วหน่วยความจำไม่พอ ระบบจึงต้องแจ้งให้ทราบ
    Directory already exits
    เกิดขึ้นเมื่อสร้างไดเร็คทอรี่แร้วไปซ้ำกับชื่อที่มีอยู่แร้วในพาธเดียวกาน
    Duplicate file name ot file not found
    ถ้าเปลื่ยนชื่อไฟล์ไปซ้ำกับชื่อที่มีอยู่จาทำไม่ได้
    InSufficient disk space
    เกิดขึ้นเมื่อดิสก์ไม่เพียงพอต่อการเกบข้อมูล แก้โดย ลบไฟล์หรือหาดิสก์อื่นมาเกบแทน

  2. #42
    Member
    Join Date
    Aug 2007
    Location
    Thailand
    Posts
    79


    Talking

    พอดีผมไปเจอเรื่อง วาซาบิ .... เลยเอามาเพิ่มให้ทุกๆ ท่านได้อ่านกันครับผม จะได้รู้ประโยชน์และความเป้นมาของมัน ท่านๆที่ชอบทานอาหารญี่ปู่น โดยเฉพาะ ซูชินี่ ได้ใจไปเลยครับผม ^^

    เกร็ดความรู้ : วาซาบิ!!

    "วาซาบิ" กล่าวกันว่าวาซาบิเป็นอาหารประจำชาติญี่ปุ่น ถ้าบนโต๊ะอาหารบ้านเราก็คงะมีพริกน้ำปลาเพื่อเพิ่มรสชาติขออาหาร เช่นเดียวกันคนญี่ป่นก็จะต้องเพิ่มรสชาติด้วยวาซาบิ
    คนญี่ปุ่นนิยมกินวาซาบิกับปลาดิบ ข้าวปั้นญี่ปุ่นหรือโซบะบางชนิด การบริโภควาซาบิที่ถูกวิธีก็คือควรทาวาซาบิลงบนเนื้อปลาดิบแล้วจุ่มเนื้อปลาดิบ
    <div align="center">[SIZE=1][color=#33CCFF]+ :: A little knowledge is dangerous. การรู้เรื่องอย่างนึ่งเพียงน้อยนิดอาจจะทำให้พลาดพลั้งได้ :: +[/color][/SIZE]</div>

  3. #43
    Member boat77592's Avatar
    Join Date
    Dec 2008
    Location
    Bangkok
    Posts
    45


    เผอิญไปเจอ สิ่งน่าจะมีประโยชน์มาคับ

    1) Answer the phone by LEFT ear ฟังโทรศัพท์โดยใช้หูซ้าย

    2) Do not drink coffee TWICE a day อย่าดื่มกาแฟถึง 2 ครั้งต่อวัน

    3) Do not take pills with COOL water อย่ากินยาพร้อมกับน้ำเย็น (ใส่น้ำแข็ง)

    4) Do not have HUGE meals after 5pm. อย่ากินอาหารมื้อใหญ่ หลังจาก 5 โมงเย็นไปแล้ว

    5) Reduce the amount of OILY food you consume ลดปริมาณอาหารประเภทไขมัน ลงจากที่เคยกินซะบ้าง

    6) Drink more WATER in the morning, less at night ดื่มน้ำให้มากในตอนเช้า และลดน้อยลงในตอนกลางคืน

    7) Keep your distance from hand phone CHARGERS อยู่ห่าง ๆ จากการชาร์ตแบตโทรศัพท์มือถือ

    8) Do not use headphones/earphone for LONG period of time อย่าใช้อุปกรณ์หูฟังเป็นเวลายาวนาน

    9) Best sleeping time is from 10pm at night to 6am in the morning เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนอนพักผ่อน คือ 22.00-06.00 น.

    10) Do not lie down immediately after taking medicine before sleeping อย่าล้มตัวนอนทันทีหลังจากกินยาก่อนนอน

    11) When battery is down to the LAST grid/bar, do not answer the phone as the radiation is 1000 times.

    เมื่อโทรศัพท์เหลือแบตเตอรี่ถึงขีดสุดท้าย , พยายามอย่าใช้เพราะมันจะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าถึง 1 000 เท่าตัว
    MECHATRONICS OF KMUTT

  4. #44
    Junior Member
    Join Date
    Jun 2009
    Posts
    24


    งานที่ผมทำอยู่เครียดมากคับ เลยลองหาบทความอ่านวิธีแก้ความเครียด เห็นว่าบทความนี้พออ่านแล้วรู้สึกดีขึ้นเลยนำมาฝากคับ



    หลีกเลี่ยงความเบื่อหน่ายหมดไฟในการทำงาน
    ถ้าคุณมีความรู้สึกหมดไฟ ไม่อยากทำงาน หรือเครียดมากเป็นเวลานานเป็นสัปดาห์ ความรู้สึกนี้จะมีผลต่อความสัมพันธ์ในทางอาชีพและในชีวิตส่วนตัวหรือในการทำมาหากินของคุณได้
    ความอัดอั้นตันใจที่มากล้น ความรู้สึกเมินเฉยต่อการงาน ความหงุดหงิดรำคาญใจเป็นเวลายาวนาน ความขุนเคืองใจ และมีความโน้มเอียงที่จะโต้เถียงเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวชี้บ่งถึงอาการหมดไฟในการทำงาน ซึ่งจำเป็นต้อง ได้รับการจัดการเยียวยาให้มันดีขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำกลยุทธในการต่อสู้ดังนี้
    • ดูแลตัวเองให้สุขภาพดี กินอาหารให้ครบห้าหมู่ กินให้ครบทุกมื้อรวมทั้งอาหารเช้า กินในขนาดที่พอประมาณ (ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม) นอนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอให้พอเหมาะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของท่านแข็งแรง สามารถสู้กับความเครียดทางกายและใจได้ดี
    • สร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนในที่ทำงานและนอกที่ทำงาน หาเพื่อนสนิทที่เราสามารถบ่นเรื่องคับข้องใจปรับทุกข์เรื่องการงานให้ฟังได้ ทำให้มีหนทางในการแก้ปัญหาที่ก่อความเครียดของเราได้ หลีกเลี่ยงการคบค้ากับคนที่เรามีความรู้สึกไม่ดี คนไม่จริงใจ ไม่เป็นกัลยาณมิตรเพราะจะยิ่งจะตอกย้ำความรู้สึกย่ำแย่ให้มากขึ้น ในมงคลสูตรก็กล่าวไว้ให้คบคนดี หลีกหนีคนพาล มองหากัลยาณมิตร
    • รู้จักลาพักผ่อน ลาพักร้อน วาเคชั่น บางคนอาจจะลาไปปฏิบัติธรรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน หรือปลีกวิเวก สำหรับคนที่ทำได้มันจะทำให้คลายเครียดลงได้มาก แน่นอน และสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ลาได้ไม่มากก็อาจจะมีการเบรคพักคลายเครียดชั่วครู่ในเวลาทำงานก็จะช่วยได้บ้าง
    • ในบางกรณีจำเป็นต้องฝึกการปฏิเสธ หัด “Say No” กับเพื่อนที่มาชวนไปทำโน่นทำนี้ที่ทำให้เราเครียด เช่น เป็นสาวเป็นแส้เที่ยวแร่ไปตามที่อโคจรไปนั่งตามผับตามบาร์ ดื่มเหล้าสูบยาซึ่งเป็นท่าทีเชิญชวนให้ หนุ่มเหน้าเข้ามาโอภาปราศรัยอยากได้ปลื้ม
    • หัดยับยั้งชั่งใจไม่โต้เถียงกับใครๆ โดยไม่เลือก พยายามใจเย็น มีสติ สัมปชัญญะ เถียงเฉพาะเรื่องที่มีความสลักสำคัญจริง (ไม่ใช่เรื่องทักษิณออกไป) แต่ที่ดีที่สุดคือหุบปากไม่เถียงกับใครเลย ทุกครั้งที่เถียงกันจะมีการหลั่งของฮอร์โมนความเครียดความดันเลือดพุ่งขึ้นทุกที
    • ทางออกของความเครียดที่ควรหัดมีไว้คือ การอ่านหนังสือที่เราชอบ ทำงานอดิเรกที่เรารัก ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาที่เราสนุก ทำให้รู้สึกชื่นมื่นเพราะเอนดอร์ฟิน (สารสร้างสุข) หลั่งออกมา


    ถ้าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่มีผลดีต่อคุณ ก็จำเป็นต้องหาที่พึ่ง เช่น เข้าหาปรึกษาพระที่เราเคารพนับถือ เอาธรรมะเข้าข่ม หรือใช้มืออาชีพอย่างนักจิตวิทยา หรือให้จิตแพทย์ช่วยก็จะดีไม่น้อยนะคับ อย่าลืมว่าความเครียดอาจจะทำให้ถึงตายได้ อย่าปล่อยให้มันเรื้อรังนะครับ

  5. #45
    Junior Member
    Join Date
    Aug 2009
    Posts
    4


    วิธีการป้องกันตัวจาก ไข้หวัด 2009 แบบง่ายๆ

    เวลา เราหายใจ พูด ไอ หรือจาม จะมีละอองฝอยของหยดน้ำลอยออกมาจากร่างกายของเราครับ (Droplets) หยดน้ำเล็กเหล่านี้สามารถลอยฟุ้งไปในอากาศได้ และในระหว่างที่มันยังไม่ระเหยไป เชื้อโรคที่อยู่ในนั้นก็ยังสามารถแพร่ไปยังคนรอบข้างได้อยู่ ซึ่งระยะอันตรายคือ 1 เมตร ส่วนระยะสำหรับการจามอาจจะไกลถึง 3 เมตร ดังนั้น ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานครก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่เราจะหลีกเลี่ยงละอองเหล่านี้ หากมันลอยออกมาจากปากของคนที่ป่วยแล้ว

  6. #46
    Junior Member
    Join Date
    Oct 2009
    Posts
    11


    ปลา-อาหารสมอง

    วารสาร American Journal of Clinical ฉบับเดือนพฤศจิกายน ได้ ตีพิมพ์ผลจากการศึกษาจากประเทศนอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการกินปลาอาจทำให้ฉลาดขึ้น เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 (omega-3 fatty acid) จากปลาอาจช่วยปรับปรุงกระบวนการคิดได้



    นอร์เวย์-ศึกษาในผู้สูงอายุจำนวน 2,000 คนพบว่ายิ่งบริโภคปลามากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคมากขึ้นเท่านั้น ผู้ที่บริโภคปลามากกว่า 10 กรัมต่อวัน มีผลการทดสอบสูงกว่าและมีกระบวนการคิดดีกว่ผู้บริโภคปลาต่ำกว่า 10 กรัมต่อวัน และผู้ที่ได้ผลการทดสอบสูงสุดคือผู้ที่บริโภคปลาประมาณ 75 กรัมต่อวัน

    เนเธอร์แลนด์-ศึกษาในประชากร 404 คน ที่มีอายุระหว่าง 50-70 ปี เป็นเวลากว่า 3 ปี พบว่าผู้ที่มีความเข้มข้นของกรดไขมันโอเมก้า-3 ในพลาสมาที่สูงกว่าระดับปกติจะมีการถดถอยของกระบวนการความคิดน้อยกว่า

    นิวซีแลนด์-ศึกษาในประชากรกว่า 2,400 คน พบว่าความเข้มข้นของกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดอีพีเอ (eicosapentaenoic acid, EPA) มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนี้ยังพบว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 มีส่วนต่อสุขภาพจิตด้วย

    ดอกเตอร์เออวิน โรเซนเบริ์ก (Irwin Rosenberg) จาก Friedman School of Nutrition Science and Policy มหาวิทยาลัยทัฟต์ บอสตัน บรรณาธิการร่วมมีความเห็นว่า การศึกษาทั้ง 3 นี้น่าสนใจมาก แต่เหล่านักวิจัยก็ยังไม่ได้ศึกษาความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการบริโภคกรด ไขมันโอเมก้า-3 กับกระบวนการทางความคิด และถึงแม้ว่าจะมีการศึกษามากมายที่สนับสนุนผลนี้ แต่การสุ่มตัวอย่างวิจัยยังคงต้องทำต่อไป

    การดื่มชาและกาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งที่ไต

    สำหรับ ผู้หลงใหลในชา กาแฟ คงจะยินดีมากขึ้น เมื่อผลการศึกษาจากวารสาร International Cancer ชี้ว่าการดื่มชา กาแฟ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่ไตได้
    นักวิจัยได้ศึกษางานวิจัยก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการศึกษาระยะยาวจำนวน 13 ผลงาน แต่ละงานวิจัยได้เก็บข้อมูลการบริโภคอาหารเป็นระยะเวลาติดต่อกันตั้งแต่ 7 ถึง 20 ปี ครอบคลุมตัวอย่างที่เป็นสตรีจำนวน 530,469 ราย และเป็นชาย 244,483 ราย พบว่าผู้ดื่มกาแฟ 3 แก้วขึ้นไปต่อวันจะลดโอกาสการเกิดมะเร็งที่ไตได้มากกว่าผู้ที่ดื่มวันละ1 แก้ว 16 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับผู้ที่ดื่มชา 1 แก้วต่อวัน (ขนาด 8 ออนซ์) จะลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้มากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มชา 15 เปอร์เซ็นต์





    แม้ว่านักวิจัยได้รวมปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มตัวอย่าง เช่น ความอ้วน การสูบบุหรี่ และความดันสูงแล้วแต่ก็ยังพบว่ากาแฟ และชามีส่วนทำให้โอกาสในการเกิดมะเร็งที่ไตลดลง ซึ่งอาจเป็นเพราะกาแฟ และชา ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันเซลล์ที่อยู่ในไตจากสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตราย และอาจเพิ่มความไวของร่างกายต่อฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลใน เลือด หรืออินซูลิน ซึ่งคาดว่าระดับของอินซูลินในระยะยาวอาจมีผลต่อความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ที่ไตได้

    ดอกเตอร์จุง อุน ลี (Dr. Jung Eun Lee) หัวหน้าทีมวิจัยจากวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ฮาเวริ์ด บอสตัน (Harvard Medical School, Boston) ให้ความเห็นว่า แม้ว่าผล งานวิจัยไม่ได้แสดงให้เห็นโดยตรงว่าการดื่มชาหรือกาแฟนั้นสามารถลดโอกาสการ เกิดมะเร็งที่ไตได้ แต่นี่ก็เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้ผู้ผลิตเครื่องดื่มได้รับประโยชน์ในเชิง ธุรกิจ

    “การบริโภคกาแฟและชา อาจมีส่วนทำให้ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่ไตลดลง ในขณะที่การดื่มนม น้ำผลไม้ และโซดา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาต่อไปว่า กาแฟและชาช่วยต้านทานโรคได้อย่างไร” ดอกเตอร์จุง กล่าว

  7. #47
    Junior Member
    Join Date
    Oct 2009
    Posts
    11


    ปลา-อาหารสมอง

    วารสาร American Journal of Clinical ฉบับเดือนพฤศจิกายน ได้ ตีพิมพ์ผลจากการศึกษาจากประเทศนอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการกินปลาอาจทำให้ฉลาดขึ้น เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 (omega-3 fatty acid) จากปลาอาจช่วยปรับปรุงกระบวนการคิดได้



    นอร์เวย์-ศึกษาในผู้สูงอายุจำนวน 2,000 คนพบว่ายิ่งบริโภคปลามากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคมากขึ้นเท่านั้น ผู้ที่บริโภคปลามากกว่า 10 กรัมต่อวัน มีผลการทดสอบสูงกว่าและมีกระบวนการคิดดีกว่ผู้บริโภคปลาต่ำกว่า 10 กรัมต่อวัน และผู้ที่ได้ผลการทดสอบสูงสุดคือผู้ที่บริโภคปลาประมาณ 75 กรัมต่อวัน

    เนเธอร์แลนด์-ศึกษาในประชากร 404 คน ที่มีอายุระหว่าง 50-70 ปี เป็นเวลากว่า 3 ปี พบว่าผู้ที่มีความเข้มข้นของกรดไขมันโอเมก้า-3 ในพลาสมาที่สูงกว่าระดับปกติจะมีการถดถอยของกระบวนการความคิดน้อยกว่า

    นิวซีแลนด์-ศึกษาในประชากรกว่า 2,400 คน พบว่าความเข้มข้นของกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดอีพีเอ (eicosapentaenoic acid, EPA) มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนี้ยังพบว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 มีส่วนต่อสุขภาพจิตด้วย

    ดอกเตอร์เออวิน โรเซนเบริ์ก (Irwin Rosenberg) จาก Friedman School of Nutrition Science and Policy มหาวิทยาลัยทัฟต์ บอสตัน บรรณาธิการร่วมมีความเห็นว่า การศึกษาทั้ง 3 นี้น่าสนใจมาก แต่เหล่านักวิจัยก็ยังไม่ได้ศึกษาความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการบริโภคกรด ไขมันโอเมก้า-3 กับกระบวนการทางความคิด และถึงแม้ว่าจะมีการศึกษามากมายที่สนับสนุนผลนี้ แต่การสุ่มตัวอย่างวิจัยยังคงต้องทำต่อไป

    การดื่มชาและกาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งที่ไต

    สำหรับ ผู้หลงใหลในชา กาแฟ คงจะยินดีมากขึ้น เมื่อผลการศึกษาจากวารสาร International Cancer ชี้ว่าการดื่มชา กาแฟ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่ไตได้
    นักวิจัยได้ศึกษางานวิจัยก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการศึกษาระยะยาวจำนวน 13 ผลงาน แต่ละงานวิจัยได้เก็บข้อมูลการบริโภคอาหารเป็นระยะเวลาติดต่อกันตั้งแต่ 7 ถึง 20 ปี ครอบคลุมตัวอย่างที่เป็นสตรีจำนวน 530,469 ราย และเป็นชาย 244,483 ราย พบว่าผู้ดื่มกาแฟ 3 แก้วขึ้นไปต่อวันจะลดโอกาสการเกิดมะเร็งที่ไตได้มากกว่าผู้ที่ดื่มวันละ1 แก้ว 16 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับผู้ที่ดื่มชา 1 แก้วต่อวัน (ขนาด 8 ออนซ์) จะลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้มากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มชา 15 เปอร์เซ็นต์





    แม้ว่านักวิจัยได้รวมปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มตัวอย่าง เช่น ความอ้วน การสูบบุหรี่ และความดันสูงแล้วแต่ก็ยังพบว่ากาแฟ และชามีส่วนทำให้โอกาสในการเกิดมะเร็งที่ไตลดลง ซึ่งอาจเป็นเพราะกาแฟ และชา ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันเซลล์ที่อยู่ในไตจากสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตราย และอาจเพิ่มความไวของร่างกายต่อฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลใน เลือด หรืออินซูลิน ซึ่งคาดว่าระดับของอินซูลินในระยะยาวอาจมีผลต่อความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ที่ไตได้

    ดอกเตอร์จุง อุน ลี (Dr. Jung Eun Lee) หัวหน้าทีมวิจัยจากวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ฮาเวริ์ด บอสตัน (Harvard Medical School, Boston) ให้ความเห็นว่า แม้ว่าผล งานวิจัยไม่ได้แสดงให้เห็นโดยตรงว่าการดื่มชาหรือกาแฟนั้นสามารถลดโอกาสการ เกิดมะเร็งที่ไตได้ แต่นี่ก็เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้ผู้ผลิตเครื่องดื่มได้รับประโยชน์ในเชิง ธุรกิจ

    “การบริโภคกาแฟและชา อาจมีส่วนทำให้ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่ไตลดลง ในขณะที่การดื่มนม น้ำผลไม้ และโซดา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาต่อไปว่า กาแฟและชาช่วยต้านทานโรคได้อย่างไร” ดอกเตอร์จุง กล่าว

  8. #48
    Junior Member
    Join Date
    Mar 2010
    Posts
    7




    มีใครเคยสังเกตบ้างมั้ยครับ
    ทำไมตัว n ที่อยู่ข้างหลังสุด ทำไมถึงต้องเป็นตัวเล็ก

    หลายคน พอเห็นแล้ว อาจอมยิ้มคิดในใจ “เออ จริงด้วยว่ะ”
    บางท่านตอนนี้อาจจะรีบวิ่งไปดูที่หน้าปากซอย
    “เฮ้ย มันจริงแน่รึเปล่าวะ มาหลอกกันเล่นรึเปล่า
    ทำไมตูเดินผ่านอยู่ทุกวันๆ ไม่เคยเห็น”
    ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
    ผมรับรองว่าคุณจะมองเห็นมันทุกวัน

    แล้วตกลง ทำไม n ถึงต้องเป็นตัวพิมพ์เล็กอยู่ตัวเดียวด้วย?
    แน่นอนครับ อันนี้มันก็ต้องมีที่มาของมัน
    ตำนานอันหนึ่งกล่าวไว้ว่า ผู้เป็นเจ้าของ 7-ELEVEn
    มีความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ย จึงได้เลือกใช้อักษร n ตัวเล็ก
    แทนที่จะเป็น N ตัวใหญ่ ทั้งนี้ก็เพราะ n เล็ก
    มีรูปร่างคล้ายกับแม่เหล็ก (ที่เป็นทรงเกือกม้า)
    จะได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตัวดูดเงินดูดทองเข้าร้าน
    คอยนำมาซึ่งโชคลาภความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ ให้แก่กิจการสืบไป

Page 5 of 6 FirstFirst ... 3456 LastLast

Members who have read this thread : 0

Actions : (View-Readers)

There are no names to display.

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •