อ่านดูนะครับ..........
> >
> > จะบีบแตรไล่ทำไมนักหนาวะ กับอีแค่ผมจอดทับเส้นกากบาทเหลือง
> >
> > จริงๆ แล้วผมไม่ได้ตั้งใจหรอก
> > แต่ไม่นึกว่ารถข้างหน้าจะขยับไปได้แค่นั้น
> > คุณก็รีบ ผมก็รีบ ใครๆ ก็รีบกันทั้งนั้น เอ้า เอาเข้าไป บีบเข้าไป
> > มันยังบีบแตรอีกนับสิบครั้ง ผมหันไปมอง ช่างเถอะ!
>มันก็แค่ไอ้แท็กซี่คันหนึ่ง
>
> > ท่าทางคนขับคงจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
> > ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ตอนหลังก็ดูจะโวยวายโหวกเหวกไม่แพ้กัน
> > จะรีบไปไหนนักหนาวะ แต่โดนเข้าไปหลายครั้งก็อายเหมือนกันแฮะ
> > เสียงแตรที่ดังสนั่นทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองที่ผมเป็นตาเดีย
> > ว
> > แล้วจะให้ทำไงล่ะ ผมมองซ้ายมองขวา รถติดออกอย่างนี้จะถอยหลังก็ไม่ได้
> > รถคันหลังก็จ่อมาซะติด จะขยับไปข้างหน้าก็อย่าหวัง ช่างมันเถอะ
>ทนอายเอาหน่อย
>
> > พอเถอะวะ จะบีบไปทำไม ออกจากซอยได้ก็ต้องมาติดไฟแดงด้วยกันอยู่ดี
> > ทั้งคนขับและผู้โดยสารชี้โบ้ชี้เบ้มาที่ผม จะว่าอะไรผมก็ไม่เข้าใจหรอก
> > ตาของผมกับตาของคนขับแท็กซี่ประสานกันเข้าอย่างจัง ทำไงดีล่ะ
> > เห็นทีงานนี้ต้องกวนตีนกันแล้ว
> > ผมยกนิ้วกลางให้พร้อมกับเหยียบคันเร่งกระชากรถออกจากสี่แยก
> > ขยับไปได้นิดเดียว แท็กซี่คันนั้นก็ปาดแทรกรถคันที่ตามหลังผมทันที
> > เอาวะ
> > งานนี้เป็นไงเป็นกัน ผมคิด
> >
> > แท็กซี่คันนั้นยังบีบแตรและเปิดไฟสูงต่ำไล่ผมมาตลอด มันแน่งานนี้
> > ถนนช่วงนี้ถึงแม้การจราจรจะค่อนข้างคับคั่ง
> > แต่จริงก็ไม่เหลือวิสัยหากผมจะหลีกทางให้มันแซงขึ้นไปข้างหน้า
> > แต่ถ้าลองเล่นกันถึงขั้นนี้แล้ว
> > ก็เห็นที่จะต้องตามกวนตีนกันไปให้ถึงที่สุด
> > ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีว่าผมขับรถเร็วขนาดไหน
> > รู้แต่ว่าผมทำทุกวิถีทางที่ไม่ให้มันแซงหน้าไปได้
> > ถ้าเผลอปล่อยให้แซงหน้าได้เมื่อไหร่ ผมจะเร่งแซงกลับไปดักหน้าไว้ทุก
ครั้ง
> > ต้องให้บทเรียนไอ้คนพวกนี้บ้าง
> > ผมเบื่อเต็มทนกับพวกแท็กซี่ที่จอดรับส่งผู้โดยสารไม่เลือกที่
> > คิดอยากจะจอดตรงไหนก็จอด
> > ที่รถรามันติดกันยาวเหยียดอยู่ทุกวันนี้ ก็ไอ้พวกนี้แหละเป็นส่วนหนึ่ง
> > ต้องเล่นซะบ้างจะได้เข็ด
> > แท็กซี่คันนั้นยังใช้ความเร็วอยู่เหมือนเดิม
> > แซงซ้ายแซงขวาปาดหน้าปาดหลังเค้าไปทั่ว
> > ผมหลับตานึกถึงผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในนั้น ป่านนี้คงหายใจไม่ทั่วท้อง
แน่ๆ
> > ทำไมถึงได้รีบขนาดนี้วะ
> > ผมเหยียบคันเร่งจนมิดแซงรถคันโน้นคันนี้แล้วก็ไปปาดหน้ามันอีกครั้ง
> > แล้วก็ชลอความเร็วกันท่าไม่ให้มันแซงผม ก็ได้ผล
> > มันทั้งบีบแตรทั้งเปิดไฟไล่ใส่ผม ช่าง บีบแตรไล่กูนัก กูจะกันท่า
> > ไปตลอดอย่างนี้แหละ อีกแค่สองแยกก็จะถึงที่หมายของผมแล้ว
> >
> > วันนี้ผมลางานครึ่งวันเพื่อมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งนี้ จริงๆ
> > แล้วผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก เวลาของผมยังมีเหลือเฟือ
> > กวนตีนกันอีกซักพักเวลาก็ยังเหลือแหล่
> > ไอ้การตรวจร่างกายสมัยนี้ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรนักหนา
> > เถลไถลไปโน่นไปนี่ก็ยังกลับไปทำงานช่วงบ่ายได้ทัน รถติดไฟแดงอีกแล้ว
> > ท่าทางจะติดยาวเสียด้วย แท็กซี่ที่ตามหลังผมมาติดๆ ปาดเข้าเลนซ้าย
> > ก่อนจะแซงหน้าผมไป
> > คนขับหันมามองผมแล้วก็ส่ายหน้าเหมือนกับรำคาญผมเต็มประดา
> > ผมหักพวงมาลัยตาม จากนั้นรถก็ค่อยๆ เขยิบทีละนิดไปตามจังหวะสัญญาณไฟ
> > มันพยายามแทรกรถคันอื่นๆ เพื่อที่จะไปอยู่แถวหน้าสุด
>ผมปาดรถเข้าช่องว่างตามไป
> > จังหวะนั้นเลนขวาว่าง
> > ผมเหยียบคันเร่งปาดเข้าขวาแล้วปาดเข้าซ้ายตัดหน้ารถแท็กซี่ไปนิดเดียว
> > เสียงเบรกของมันดังสนั่น แต่นาทีนี้ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
> > งานนี้มันต้องทำให้รู้สึกกันบ้าง เหลืออีกนิดเดียวผมก็จะถึงที่หมายแล้ว
> > หลังจากนั้นเอ็งจะไปไหนก็ไปเหอะ หลุดจากไฟแดง
> > รถของเราทั้งสองคันก็ปราดออกจากสี่แยกพร้อมๆ กัน
> > ยังไงซะผมก็ไม่ยอมให้มันขึ้นหน้าหรอก
> > เสียงแตรของแท็กซี่ดังไล่หลังมาไม่ขาดระยะ
> >
> > ถึงซะที คราวนี้ จะไปไหนก็ไปเถอะ ผมเลี้ยวซ้ายเข้าโรงพยาบาล
> > รับบัตรจอดรถจากยามแล้วแล่นเข้าสู่ลานจอด มันยังตามมาติดๆ
> > ยังไม่เลิกเหรอวะ
> > ผมคิด เอาก็เอา ที่ล็อคเกียร วางอยู่บนเบาะหลัง
>ผิดนักก็คงได้ฟาดกันมั่งหรอก
> > ผมขับรถเข้าที่จอด เปิดและปิดประตูรถอย่างแรงเหมือนไม่กลัวว่ามันจะพัง
> > แท็กซี่ที่ตามมาก็จอดพร้อมๆ กันกับผม
> >
> > ประตูแท็กซี่ทั้งสี่ด้านเปิดผลัวะออกมาทั้งๆ ที่รถยังจอดไม่สนิทด้วยซ้ำ
> > ในทันใดนั้น ผมได้แต่ยืนตะลึง แขนซึ่งถือที่ล็อกเกียร
> > เตรียมจะประจันบานตกลงมาข้างตัวเหมือนจะหมดแรง ไม่น่าเชื่อ
> > ทุกสิ่งทุกอย่างในรถคันนั้นเต็มไปด้วยเลือด ทั้งบนเบาะ
> > ที่บานประตูด้านใน
> > ไม่เว้นกระทั่งบนเสื้อของคนขับแท็กซี่
> > ผู้ชายสูงอายุแต่งตัวมอมแมมคนนึงถูกอุ้มอย่างทุลักทุเลลงมาจากรถ
> >
>เลือดเปรอะอยู่ทั้งบนลำตัวและใบหน้าของเขาและบนเนื้อตัวของหญิงสาวทั้งสองค
>นที่คอ
>ประคองอยู่
> > เธอทั้งคู่ร้องไห้เสียงดัง
> >
>โชเฟอร์เท็กซี่ที่ผมคาดว่าคงจะเปิดประตูเข้ามาลุยกับผมรีบวิ่งเข้าไปช่วยปร
>ะคองชา
>สูงอายุ
> >
>ผมยืนมองจนบุรุษพยาบาลวิ่งเข้ามาและนำชายคนนั้นขึ้นรถเข็นพร้อมทั้งปั้มหัว
>ใจกันพ
>ลวัน
> > ตลอดเวลานั้น ผู้หญิงทั้งสองคนเกาะราวรถเข็นไม่ยอมห่าง
> > ผมได้แต่ยืนงงทำอะไรไม่ถูก
> >
> > คนแก่คนนั้นเขาจะโดนอะไรมาก็เถอะ ถูกยิง ตกตึก หรือรถชน
>แกคงจะมีโอกาสรอดแน่ๆ
>
> > ถ้ามาถึงโรงพยาบาลได้เร็วกว่านี้ นี่ถ้าผมไม่แกล้งเขา ลุงแกอาจจะรอด
> > เขาอาจจะมาถึงที่นี่ซักสิบนาทีก่อนหน้านี้ นั่นก็ยังดี ลุงอาจจะรอด
> > ผมคิด
> > ลุงคงจะรอด
> > ทำไม ไม่เปิดกระจกมาบอกกรูซักคำวะ ผมแช่งชักหักกระดูกคนขับแท็กซี่
> > ในขณะนั้นผมไม่ได้คิดถึงความเลวของตัวเองซักนิด นาทีนั้นผมสับสนอยาก
อ้วก
> > ไม่มีแรงจะพยุงตัวเองไว้ได้ ผมเปิดประตูกลับเข้าไปในรถ
> > แว่บนั้นผมเห็นคนขับแท็กซี่เดินเข้ามาหา ช่าง อยากจะทำอะไรกรูก็ทำ
> > กรูไม่มีกะจิตกะใจจะสู้อีกแล้ว ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย
> > ผมได้ยินเสียงคนขับแท็กซี่ดังแว่วเข้ามา
> > มันทำให้ผมรู้สึกเย็นเยือกไปถึงขั้วหัวใจว่า
> >
> >" พี่รู้ไหม ลุงแกตายแล้ว เพราะพี่นั่นแหละ"
> >
> > นั่นเป็นเสียงสุดท้าย ก่อนที่ผมจะซบหน้าลงกับพวงมาลัยและร้องไห้