อันนี้เป็นที่มาครับ ที่จริงก็ไม่อยากให้หรอกนะ เพราะได้มาจากบอร์ดภาพโป๊ เดี๋ยวจะโดนว่าหื่นอีก(ตอนนี้เวบอ้างอิงนี้ใช้ไม่ได้แล้วครับโพสนี้มันโดนลบไปแล้ว ปกติเวบพวกนี้มันจะลบโพสเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วด้วยแต่ผมจะทิ้งลิ้งค์ไว้ไม่เอาออกนะครับเพื่อยืนยันที่มา ตอนที่เจอข้อความนี้เป็นวันที่ 18 เม.ย 2550)

http://www.suysexy.com/webboard/subject.php?qs=27267

มีมาอีกแล้วครับท่านผู้อ่าน...

ท่านผู้อ่านท่านหนึ่ง ส่งเอกสารจำนวน 4 แผ่นมาให้ผม ด้วยวิธีการที่ไม่แตกต่างจาก "ท่านพันเอก" คือ ไม่ต้องรู้ว่าเธอเป็นใคร ฉันเป็นใคร ขอเพียงเรามีเป้าหมายตรงกัน เป็นอันใช้ได้

พร้อมกับเอกสาร 4 แผ่นที่ได้มาใหม่ มีจดหมายน้อยเขียนด้วยลายมือตัวบรรจง แสดงถึงความมีระเบียบวินัยของเจ้าของลายมือ ว่า

"เอกสารชุดนี้ ผมตรวจสอบแล้ว เป็นของจริง อยากให้ช่วยนำเสนอ เพื่อปกป้องงบประ มาณของกองทัพ ขอแสดงความนับถือ"

ผมขอเสียมารยาทที่จะไม่นำลายมือของท่านผู้หวังดี แสดง ณ ที่นี้ ด้วยเกรงว่าอาจจะเป็นร่องรอยหลักฐานปรากฎ เป็นแผนที่ทางเดินของผู้คิดร้ายให้ไปพบตัวท่าน อันจะนำอันตรายไปถึงท่านได้

แม้จะเป็นเอกสารการอนุมัติงบประมาณแบบไม่เข้าท่า ของกองทัพบก แต่ผมไม่กล้ายืนยันว่า ท่านผู้หวังดีท่านนี้เป็นทหารหรือไม่ เพราะท่านขออนุญาตไม่เปิดเผยตัวและอาชีพ ด้วยเหตุที่ตั้งใจมาเปิดเอกสารเพียงอย่างเดียว

เมื่อท่านแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าไม่ต้องการเปิดเผยตัว ผมก็ต้องรักษาความลับของท่านเป็นสุดยอด

จึงขอว่ากันเฉพาะเรื่องเอกสาร 4 หน้า เป็นวาระหลักก็แล้วกันครับ

เอกสารชุดนี้ เป็นบันทึกข้อความของส่วนราชการ สกร.ศปศ.คมช. เลขที่ คมช.0003.6/022 ลงวันที่ 31 มกราคม 2550 เรื่องขออนุมัติจัดทำรายการ "พรุ่งนี้ต้องดีกว่า" และขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เสนอโดย พล.ท.จริยะ ทองพับ หน.สกร.ศปศ.คมช. และ ผู้อนุมัติ คือ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ

หากจะเปรียบเทียบกับเอกสารแผนประชาสัมพันธ์เชิงลึกของ นายเชียรช่วง กัลยาณมิตร เอกสารชุดใหม่นี้ ดูจะด้อยค่าในเชิงตัวเลขมูลค่า แต่แอบแฝง หรือหมกเม็ดไว้ไม่น้อยกว่ากัน เท่าใดนัก

หาจะเปรียบเทียบความมีเหตุมีผล ความเหมาะสมของการใช้เงินแผ่นดิน เอกสารชุดใหม่ ก็ดูจะด้อยกว่า เพราะยังอยู่ในขั้นเตรียมการ เท่านั้น แต่ก็พอจะบ่งชี้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลได้ไม่แตกต่างกัน

หากจะเปรียบเทียบความสมบูรณ์ของเอกสาร ต้องยอมรับว่าเอกสารชุดใหม่ ดูจะด้อยกว่าเนื่องจากคนทำงานมีความระมัดระวังมากกว่า

เอกสารชุดใหม่ ผมตั้งชื่อว่า "เพื่อชีวิตพรุ่งนี้ที่ดีกว่าของคมช." เป็นการเปิดเผยถึงช่องทางหาประโยชน์จากงบประชาสัมพันธ์ของคมช. เป็นรูปรอยเดียวกับงบประชาสัมพันธ์เชิงลึก ของนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร มีสาระสำคัญคือ

สกร.ศปศ.คมช. ร่วมกับศูนย์ราชการใสสะอาด กรมประชาสัมพันธ์ จัดทำรายการสารคดีสั้นทาง..ทัศน์รายการ "พรุ่งนี้ต้องดีกว่า" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สื่อ..ทัศน์ของรัฐ / ภาคเอกชน สนับสนุนแผนงานประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของคมช. เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของสังคม ด้วยการนำเอาแนวทางในการบอกเล่าถึงข้อเท็จจริง ที่มีเหตุมีผลอันประกอบด้วย คุณธรรม จริยธรรม และหลักธรรมาภิบาล เกี่ยวกับการปฏิรูปการปกครองของไทยได้อย่างถูกต้อง

อ่านถึงตรงนี้ ก็ต้องหยุดพักสักนิด แล้วคิดให้มากสักหน่อยว่า การจัดทำสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ชุด "พรุ่งนี้ต้องดีกว่า" ต้องเป็นงานที่ท้าทายผู้จัดทำอย่างมาก เนื่องจากจะต้องทำให้ประชาชนทั้งประเทศที่ได้ชม เชื่อและยอมรับว่า การรัฐประหาร การปล้นอำนาจ การใช้อาวุธและความรุนแรง เป็นการกระทำที่มีคุณธรรม จริยธรรม และถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล โดยมี การประพฤติ ปฏิบัติตัวของ คณะรัฐประหาร และ คมช. เป็นต้นแบบ

ต่อครับ .... รูปแบบรายการที่จะนำเสนอ จัดทำเป็นสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ ความยาวตอนละ 2 นาที จำนวน 75 ตอน เป็นการนำเนื้อหา จากสมุดปกขาว ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิรูปการปกครอง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดแบ่งย่อยออกเป็น 5 ชุด ชุดละ 15 ตอน ประกอบด้วย รักเธอประเทศไทย เมกกะโปรเจ็ค ผลประโยชน์ทับซ้อน มรดกของลูกหลาน และ แผ่นดินเดียวกัน สำหรับงบประมาณค่าผลิตรายการตอนละ 30,000 .. รวม 75 ตอน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,250,000 .. (สองล้านสองแสนห้าหมื่น..ถ้วน) รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย

สกร.ศปศ.คมช. พิจารณาแล้วเห็นว่าการจัดทำรายการสารคดี..ทัศน์รายการ "พรุ่งนี้ต้องดีกว่า" เป็นรายการที่ให้ความรู้ความเข้าใจแก่สังคม โดยนำเอาสาระสำคัญของสมุดปกขาวของคมช. มาขยายผล รวมทั้งการเสริมสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการปกครองของไทย และรายงานความคืบหน้าการทำงานของรัฐบาลและคมช. ซึ่งจะส่งผลดีต่อการปฏิรูปการปกครองและการบริหารประเทศ แต่เนื่องจาก ศปศ.คมช. ไม่มีงบประมาณสำหรับดำเนินการดังกล่าว จึงเห็นสมควรขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก สลธ.คมช. จำนวน 2,250,000 .. เพื่อดำเนินการต่อไป

สาระสำคัญของบันทึกข้อความ เพื่อจะใช้เงิน 2,250,000 .. มีเพียงเท่านี้ และได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งสวมหมวก ผู้ช่วยเลขาธิการคมช. อีกหนึ่งใบ จึงไม่ต้องลังเลสงสัยว่า สำนักงานเลขาธิการคมช. จะอนุมัติงบจำนวน 2,250,000 .. นี้หรือไม่

หากอ่านเพียงเท่านี้ ก็จะเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วอะไรเป็นข้อชวนสงสัยที่ "ประดาบ" จะต้องเอามาเล่าเป็นเรื่องเป็นราวให้ดูน่าสนใจและตื่นเต้น

มันต้องมีเหตุผลสิครับ

1. บันทึกขออนุมัติฉบับนี้ เป็นการขออนุมัติจัดทำสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ ความยาว 2 นาที จำนวน 75 ตอน รวมเป็นเงิน 2,250,000 ..

คำถามคือ มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ที่ กองทัพบก ซึ่งเป็นต้นสังกัดของสถานี ..ทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 จะต้องจ่ายเงินจ้างผู้อื่นมาจัดทำสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ ในเมื่อ ททบ.5 มีความสามารถที่จะจัดทำได้อยู่แล้ว

การเสนอตั้งงบประมาณจำนวนนี้ จึงมองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากว่ามีเจตนาที่จะใช้งบประมาณ หรือจัดสรรงบประมาณจำนวนนี้ให้แก่บริษัทเอกชน ที่ได้ติดต่อประสานงานกันไว้แล้ว

หากไม่ใช้ ททบ.5 จัดทำ คมช. ก็สามารถสั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ จัดทำสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ชุดนี้ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการนี้ เป็นการทำงานร่วมกันของ ศปศ.คมช. กับ กรมประชาสัมพันธ์

ในเมื่อมีหน่วยงานที่มีศักยภาพ มีความสามารถรองรับถึง 2 หน่วยงานแล้ว จึงไม่น่าจะต้องหาเหตุผลหรือความจำเป็นในการจ้างผู้อื่นมาจัดทำสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ 75 ตอนนี้ แทน เว้นเสียแต่จะได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว

2. เอกสารฉบับนี้ ขออนุมัติงบประมาณจัดทำสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ 2,250,000 .. ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเงินไม่มากนัก เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายหรือผลาญเงินกับภารกิจอื่นๆ ของ คมช. แต่ เมื่อตรวจสอบในรายละเอียดของสิ่งที่ส่งมาด้วย (เอกสารแผ่นที่ 3) จะพบว่ามีการหมกเม็ดไว้อย่างแนบเนียนมาก และสันนิษฐานได้ว่า ผู้จัดทำเอกสารชุดนี้ ต้องเป็นมืออาชีพ ที่ทำมาหากินกับการผลิตรายการ..ทัศน์มาเป็นเวลานาน จึงทิ้งรอย "เขี้ยว" ไว้น่ากลัวยิ่งนัก

เอกสารแนบการขออนุมัติงบประมาณจัดทำสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ แผ่นที่ 1 จาก 2 แผ่น หัวข้องบประมาณ เขียนไว้ว่า "ขอรับการสนับสนุนจากคมช. เป็นค่าผลิตรายการ ตอนละ 30,000 .. รวม 75 ตอน รวมเป็นเงินทิ้งสิ้น 2,250,000 .. (ส่วนค่าเผยแพร่ขึ้นอยู่กับการซื้อเวลาเผยแพร่ของแต่ละช่วงสถานี)"

ที่ผมบอกว่าหมกเม็ด ก็คือข้อความที่อยู่ในวงเล็บ นั่นล่ะครับ

ย้อนกลับมาที่การขออนุมัติงบประมาณ 2,250,000 .. อีกครั้ง งบประมาณจำนวนนี้ เป็นงบจัดทำ หรืองบผลิตสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ จำนวน 75 ตอน ตอนละ 30,000 ..

หมายความว่า เมื่อจ่ายเงินไปแล้ว 2,250,000 .. คมช.จะได้เทปสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ กลับมา 75 ตอน แต่ไม่สามารถไปออกอากาศ หรือ ฉายให้ประชาชมทาง..ทัศน์ ตามเจตนารมณ์ได้ เนื่องจากยังไม่มีงบประมาณสำหรับการซื้อเวลาเผยแพร่ทางสถานี..ทัศน์

ผู้จัดทำโครงการ จึงเขียน "สาระสำคัญ" ของการหาประโยชน์จากโครงการนี้ ไว้ในวงเล็บว่า ค่าเผยแพร่ขึ้นอยู่กับการซื้อเวลาเผยแพร่ของแต่ละช่วงสถานี

แนบเนียนมากๆ แนบเนียนจริงๆ สำหรับการตั้งงบหัวเชื้อไว้เพียง 2,250,000 .. เพื่อที่จะไปหากินอย่างเป็นกอบเป็นกำกับงบประมาณซื้อเวลาเผยแพร่ของสถานี..ทัศน์

ขณะนี้ คมช. อนุมัติงบประมาณ 2,250,000 .. ไปแล้ว การผลิตสารคดีสั้น 75 ตอน ก็เดินหน้าไปแล้ว หากคมช. ไม่เตรียมงบประมาณสำหรับการซื้อเวลาเผยแพร่ทาง..ทัศน์ ให้อีก ก้เท่ากับว่าการผลิตสารคดีสั้น 75 ตอน เป็นการสูญเปล่า เนื่องจากผลิตแล้ว ไม่ได้ออกอากาศเผยแพร่ให้ประชาชนได้ชม

แต่หากต้องการให้ประชาชนได้ชม เพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่คมช.ต้องการ ก็ต้องหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายเผยแพร่ทาง..ทัศน์ เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการประมาณการของผู้รู้ในแวดวง..ทัศน์ เชื่อว่า หากคมช. ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อเวลาเผยแพร่สารคดี ทุกสถานี..ทัศน์ จะต้องใช้งบประมาณสูงกว่างบจัดทำสารคดีสั้น ประมาณ 10 เท่า หรือไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน..

เนื่องจาก การเผยแพร่สารคดีสั้น 2 นาที ในสถานี..ทัศน์ มีราคาค่าเวลาตั้งแต่ 100,000 - 300,000 .. / 1 ตอน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเผยแพร่ และ สถานี..ทัศน์ที่เผยแพร่

หากออกอากาศ ช่อง TITV จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 100,000 .. / 1 ตอน จำนวน 75 ตอน คิดเป็นเงิน 7,500,000 ..

หากออกอากาศ ช่อง 9 จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 100,000 .. / 1 ตอน จำนวน 75 ตอน คิดเป็นเงิน 7,500,000 ..

หากออกอากาศ ช่อง 3 จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 200,000 .. / 1 ตอน จำนวน 75 ตอน คิดเป็นเงิน 15,000,000 ..

ผมหาข้อมูลมาเสนอให้เห็นค่าใช้จ่ายของการออกอากาศเพียง 3 สถานี ก็จะเห็นว่าต้องใช้งบประมาณ มากถึง 30,000,000 ..

ส่วน ช่อง 11 ช่อง 5 และ ช่อง 7 นั้น เนื่องจากเป็นสถานีของรัฐ และ ของกองทัพบก โดยตรง จึงมองโลกในแง่ดีว่าไม่ควรจะต้องเสียเงินซื้อเวลาเผยแพร่ เนื่องจากเป็นสถานีของตัวเอง

การซื้อเวลาเผยแพร่ทาง..ทัศน์ เป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ มีค่าคอม มิชชั่นตอบแทนผู้จัดซื้อ อยู่ที่ระดับ 15-30 %

ต้องไปคำนวณคาดการณ์กันเองว่ารายการนี้ จะมีเศษเงินตกหล่นอยู่เท่าไร และไปตกหล่นอยู่ในกระเป๋าของใคร

สำหรับค่าใช้จ่ายซื้อเวลาเผยแพร่สารคดีสั้นทาง..ทัศน์นี้ ผู้อ่านที่ไม่ได้อยู่ในวงการสื่อ วงการ..ทัศน์ อาจจะยังมองเห็นไม่ชัดเจนนัก ว่าเป็นช่องทางหาประโยชน์ได้อย่างไร

จากการสอบถามผู้รู้ที่คร่ำหวอดในวงการ..ทัศน์ ได้ความว่า ค่าจัดซื้อเวลาเผยแพร่ทาง..ทัศน์ หรือที่คนในวงการเรียกกันว่า ค่า Airtime นั้น เป็นช่องทางหารายได้ที่สำคัญที่สุดของผู้ผลิตรายการ..ทัศน์ และสถานี..ทัศน์ ซึ่งมีรายได้จาก 2 ทาง คือ

1. ..เวลาโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือที่คนในวงการเรียกว่า สปอตโฆษณา ซึ่งมีข้อกำหนดไว้ให้..เวลาเผยแพร่สปอตโฆษณาได้ 10 นาที ต่อ 1 ชั่วโมง

2. ..เวลาในรายการ หรือที่เรียกว่า "In program" ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเผยแพร่สารคดีสั้น ซึ่งการเผยแพร่สารคดีสั้นทาง..ทัศน์ เป็นเหมือน ขนมหวาน หรือรายได้เสริม ที่ได้กินฟรี เพราะไม่เบียดบังเวลาโฆษณาประชาสัมพันธ์ ด้วย ถือว่าเป็นของฟรีที่มีราคา เพราะฉะนั้นผู้ผลิตรายการ จึงสามารถลดราคาได้เต็มที่ ถึง 50% และอาจจะมากกว่า 50% ก็ได้ หากว่ามี "สัญญาใจ" ฉบับพิเศษต่อกันระหว่างผู้ซื้อและผู้.. ในการใช้จ่ายเงินงวดถัดไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารคดีสั้นที่เป็นนโยบายของรัฐบาล นั้น โดยปกติแล้ว เป็นหน้าที่ของสถานี..ทัศน์ ที่จะต้องให้ความร่วมมือเผยแพร่ต่อประชาชนอยู่แล้ว เพียงแต่รัฐบาล หรือ คมช. มีหนังสือขอความร่วมมือไปถึงสถานี..ทัศน์ ก็ไม่มี..ทัศน์ช่องไหน กล้าปฏิเสธ และต้องยินดีให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ

แต่ คมช.ก็ยังอุตส่าห์เลือกช่องทางนี้มาเป็นช่องทางในการทำมาหากินกันจนได้

เรื่องค่าเผยแพร่สารคดี 75 ตอนนี้ หากคมช. สุจริตใจ และปกป้องงบประมาณแผ่นดิน ไม่ให้รั่วไหล และหากผู้จัดทำโครงการไม่คิดหาประโยชน์อย่าง "ต่อเนื่อง" เราก็คงจะไม่ได้เห็น ข้อความ "ส่วนค่าเผยแพร่ขึ้นอยู่กับการซื้อเวลาเผยแพร่ของแต่ละช่วงสถานี" เป็นแน่แท้

"กรรม" คือเครื่องชี้เจตนา จริงๆ

การอนุมัติงบประมาณรายการนี้ มีเจตนาเช่นไร ก็คงได้เห็นกันแล้ว

ทั้งๆ ที่มีสถานี..ทัศน์อยู่ในมือตัวเองแท้ๆ ก็ยังคิดจะหาเรื่องใช้เงินแผ่นดิน ด้วยการจ้างผู้อื่นจัดทำรายการ..ทัศน์ และ ซื้อเวลาเผยแพร่อีก

มีของฟรีแต่ไม่คิดใช้ อยากใช้เงินให้สิ้นเปลือง เรื่องแบบนี้ที่คิดได้ทำได้ เพราะไม่ใช่เงินตัวเอง

ง่ายที่สุดที่จะปกป้องเงินแผ่นดิน สำหรับรายการนี้ก็คือ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา เรียก ผอ.ททบ. 5 หรือผู้อำนวยการสถานี..ทัศน์ช่อง 5 มาสอบถาม และสั่งการให้ทำ รัฐก็ไม่ต้องเสียเงิน 2,250,000 .. และ ที่จะติดตามต่อเนื่องมาอีก ซึ่งยังไม่รู้จบว่าเป็นเงินเท่าไร

การอนุมัติจ่ายเงินของ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ในครั้งนี้ จึงหนีไม่พ้นที่ท่านจะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่ร่วมกันผลาญเงินแผ่นดิน สนองความต้องการของตนเอง และพวกพ้อง

นี่ยังไม่นับรวมถึงเจตนาในการผลิตสารคดีสั้นทาง..ทัศน์ โดยมีเป้าหมายเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่ใช่การประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่อ้างกัน

แน่นอนว่าสารคดี 75 ตอนนี้ คงหนีไม่พ้น การยกย่อง สรรเสริญ คณะรัฐประหาร และคมช. ในฐานะวีรบุรุษของชาติ และให้ร้ายป้ายสี พ.ต.ท... .. เป็นสาระหลัก เพื่อให้ประชาชนซึ่งตามข้อมูลข่าวสารไม่ทัน เพราะถูกปิดหูปิดตา หลงเชื่อ ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับแผนการประชาสัมพันธ์เชิงลึกของคมช. ที่มีเป้าหมาย ลดทอนความน่าเชื่อถือของพ.ต.ท... .. และ ทำลายฝ่ายตรงข้าม ด้วยบุคคลที่สาม ทั้งทางลับ และเปิดเผย

น่าเสียดายที่วันนี้ ประชาชนกว่าครึ่งค่อนประเทศ รู้เช่นเห็นชาติ คมช.หมดแล้ว ไส้กี่ขด กี่ขด ถูกสาวออกมาให้เห็นกันหมดแล้วว่า เป็นบุคคลเช่นไร และองค์กรเช่นไร คำนึงผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม

การจัดทำโฆษณาชวนเชื่อชุด "พรุ่งนี้ต้องดีกว่า" จึงน่าจะเป็นการสูญงบประมาณเปล่า

เอกสารชุดนี้ ถือเสียว่าเป็น ของหวานตบท้าย แผนการประชาสัมพันธ์เชิงลึก ของคมช. ฉบับนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ก็ว่าได้

ท่านทั้งหลาย อ่านกันแล้ว เห็นกันแล้ว คิดกันอย่างไร ขอเชิญแสดงความคิดเห็นได้เลยครับ