เห็ดพิษปริศนา
เออร์เนสท์ บรามาห์
ในช่วงเดือนพฤศจิกายนไม่กี่ปีมานี้ ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ซึ่งสนใจข่าวแปลกๆ ที่ไม่ค่อยสลักสำคัญ อาจจะได้ติดตามเรื่องโศกนาฏกรรมของเด็กนักเรียนแห่งเซนต์แอ็บบอตส์ซึ่งตกเป็นข่าวพาดหัวว่า “เด็กกินเห็ดมรณะถึงตาย” “เห็ดพิษสังเกตได้หรือไม่” หรือพาดหัวอื่นๆ ที่เร้าใจพอกัน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตายของชาร์ลี วินโพลนั้นไม่ยุ่งยากซับซ้อน และบรรดาลูกขุนผู้สาบานตนมาทำหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริงต่างก็ไม่ลังเลที่จะให้คำตัดสินสอดคล้องกับหลักฐานทางการแพทย์ พยานที่สำคัญมีเพียงสองคน ได้แก่คุณนายดูพรีนและนายแพทย์โรเบิร์ต วิลเบอร์ฟอร์ซ สลาร์ก ทุกๆ แง่มุมของการไต่สวนซึ่งต่างยอมรับกันว่าทำไปแค่พอเป็นพิธีนั้นสามารถเสร็จสิ้นได้ภายในเวลาสองชั่วโมง หากไม่มีบางคนสอดจมูกเข้ามาโต้แย้ง จนทำให้ถ่วงบทสรุปอันมิอาจเลี่ยงได้ต้องเนิ่นช้าออกไปและจำเป็นต้องเลื่อนการพิจารณา
ไอรีน ดูพรีนให้การว่า เธอเป็นภรรยาม่ายของนายแพทย์ อาศัยอยู่กับน้องชายที่เฮเซลเฮิร์สต์ ถนนเชสเสต เซนต์แอ็บบอตส์ ผู้ตายซึ่งอายุสิบสองปีเป็นหลานชายของเธอ เขาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพี่น้องและอยู่ในความปกครองของศาล ซึ่งศาลได้แต่งตั้งให้เธอเป็นผู้ดูแล โดยให้ค่าเลี้ยงดูและค่าใช้จ่ายในการศึกษาตามที่เหมาะสม และแน่นอนทีเดียว ค่าใช้จ่ายนี้จะยุติลงพร้อมกับการตายของหลานชายเธอ
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ คุณนายดูพรีนอธิบายว่าหลานของเธอป่วยเป็นไข้หนักมาสองสามวัน ซึ่งเธอเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเรียกหมอมาดูอาการเพราะคิดว่าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา เธอไม่ให้เขาไปโรงเรียนและให้พักผ่อนอยู่แต่ในห้องนอนเท่านั้น เมื่อวันพุธก่อนซึ่งเป็นวันก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้นเขาอาการดีขึ้นมาก ชีพจรเต้นดีและอุณหภูมิร่างกายเป็นปกติ แต่เนื่องจากอากาศยังเย็นอยู่มาก เธอจึงให้เขานอนพักต่อไปเพื่อเป็นการระวังไว้ก่อน เขารับประทานอาหารได้พอสมควร แต่ไม่สนใจอาหารกลางวันที่เตรียมไว้ ก่อนออกไปข้างนอกเธอจึงถามเขาว่า อยากกินอะไรเป็นพิเศษในมื้อเย็นหรือไม่ เขาบอกว่าอยากกินเห็ดซึ่งเป็นอาหารที่เขาโปรดปราน
“ฉันหัวเราะแล้วก็ดึงหูแก” คุณนายดูพรีนพูดต่อ เห็นได้ว่าเธอสะเทือนใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น “แล้วฉันก็ถามแกว่า นั่นน่ะเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนป่วยแล้วรึ แต่ไม่ได้คิดอะไร ก็เลยออกไปหาเห็ดให้แก ฉันไปถามหลายร้าน ทุกคนก็บอกว่าเห็ดไม่มีแล้ว จนในที่สุดก็ไปเจอเหลืออยู่นิดหน่อยที่ร้านขายผักของนายแล็กคิงตันที่ถนนปาร์ก ฉันซื้อมาแค่ครึ่งปอนด์เท่านั้นเพราะพวกเราไม่ชอบกินกัน มีแต่ชาร์ลีคนเดียวที่โปรดปรานเห็ด ฉันคิดว่าเห็ดพวกนั้นดูแห้งๆ แล้วยังออกจะแพงไปสักหน่อยด้วย”
คงไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้อีกนอกจากว่าความตายของเด็กชายผู้โชคร้ายเกี่ยวพันกับเห็ดพวกนั้น หลังอาหารเย็น เมื่อคุณนายดูพรีนขึ้นไปชั้นบนก็พบว่าเขากำลังนอนหลับสนิท เธอยกถาดอาหารออกมาเงียบๆ ดับตะเกียงแล้วปิดประตูห้องโดยไม่ได้ส่งเสียงรบกวนเขาแต่อย่างใด กลางดึกคืนนั้นมีบางอย่างปลุกให้เธอตกใจตื่นขึ้น เธองุนงงอยู่สักครู่ แล้วเสียงประหลาดจากห้องของหลานชายก็ทำให้เธอต้องเดินไปดู เมื่อเปิดประตูเข้าไปเธอก็พบกับภาพที่น่าสยดสยองจ หลานชายของเธอนอนชักอยู่บนพื้นห้อง ดวงตาของเขาเบิกกว้างและม่านตาขยายเต็มที่ มือข้างหนึ่งกำผ้าปูที่นอนที่เขาดึงลงมาด้วย อีกมือหนึ่งถือขวดเปล่าใส่น้ำที่วางอยู่ข้างตัว เธอร้องขอความช่วยเหลือดังๆ จากนั้นน้องชายเธอกับคนรับใช้ก็เข้ามา เธอสั่งให้คนรับใช้ไปหยิบใบมัสตาร์ดจากตู้ยา และบอกให้น้องชายไปตามหมอที่อยู่ใกล้ที่สุดมา เธออุ้มชาร์ลีกลับขึ้นไปบนเตียงดังเดิม แต่หลานชายเสียชีวิตลงก่อนที่หมอจะมาถึง ซึ่งกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงทีเดียว
คุณนายดูพรีนตอบข้อซักถามว่าเธอไม่ได้เห็นหลานชายอีกเลยตั้งแต่ยกถาดอาหารออกมา จนกระทั่งที่เข้าไปเจอว่าเขาไม่สบายมาก คนเดียวที่ได้เห็นเขาช่วงก่อนตายไม่กี่ชั่วโมงคือฟิลิป เลาด์แฮม น้องชายของเธอซึ่งเป็นคนยกถาดอาหารขึ้นไปให้ เมื่อฟิลิปกลับลงมาข้างล่างก็บอกกับเธอว่า “ดูท่าทางหลานจะสดชื่นขึ้นพอสมควรแล้วล่ะ”
นายแพทย์สลาร์กคือพยานคนต่อไป เขาให้การว่าเมื่อเช้ามืดวันพฤหัสบดี ประมาณตีสามสิบห้านาที สุภาพบุรุษซึ่งตอนนี้เขาทราบแล้วว่าเป็นฟิลิป เลาด์แฮม ได้มาตามตัวเขาให้ไปยังเฮเซลเฮิร์สท์โดยด่วน เขาเข้าใจว่าคนป่วยมีอาการชัก จึงจัดหาของที่จำเป็นต้องใช้ไป แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าคนไข้เสียชีวิตแล้ว จากที่ได้ตรวจสอบและได้รับการบอกเล่า เขาจึงวินิจฉัยโดยไม่ลังเลว่าเกิดจากเห็ดพิษ เขาไม่มีเหตุผลให้สงสัยอาหารชนิดอื่นนอกจากเห็ด และอาการต่างๆ ก็บ่งชี้ไปที่บิวรีน ซึ่งเป็นสารอันตรายที่อยู่ในเห็ดอะแมนิตา บิวรอยด์ หรือที่นิยมเรียกกันว่าหมวกดำ เนื่องจากรูปร่างที่คล้ายหมวกของผู้พิพากษาเมื่อจะตัดสินโทษประหารชีวิต อีกทั้งยังมีอันตรายร้ายกาจเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า พิษของมันรุนแรงถึงขั้นคร่าชีวิตคนกินได้
นายแพทย์สลาร์กให้การต่อไปว่า เห็ดหมวกดำจะแสดงลักษณะเด่นของมันต่อเมื่อโตเต็มที่แล้ว แต่กว่าจะโตถึงระยะนั้นมันจะมีลักษณะหลายประการคล้ายกับ อะการิคัส แคมเพสทริส หรือเห็ดธรรมดาทั่วไป จริงอยู่ว่าหนวดของมันสีซีดกว่าที่คาดไว้ และมีรายละเอียดเฉพาะอื่นๆ อีกที่ต่างออกไปเล็กน้อย แต่คนเก็บเห็ดก็อาจเผลอมองข้ามไปได้ การแยกแยะว่าเห็ดชนิดไหนกินได้กับเห็ดชนิดไหนเป็นพิษนั้นเป็นเรื่องยาก กระทั่งในปัจจุบันนี้คนก็ยังไม่ได้เข้าใจกันอย่างถ่องแท้นัก โดยส่วนตัวแล้ว เขาเองไม่เชื่อว่าเห็ดจะเป็นสาเหตุของการตายเพราะถูกพิษดังในหลายๆ กรณีที่เคยพบกันมา ภายหลังการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เขาก็พอใจกับผลซึ่งล้วนบ่งว่าเป็นหนึ่งในเห็ดพิษที่ถูกเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ว่าเป็นเห็ดกินได้ ซึ่งการทดลองนั้นทำโดยเตรียมแปลงเพาะขึ้นแล้วปลูกส่าเห็ดลงไป และจะได้ผลออกมาเป็นสิ่งที่มีลักษณะคล้ายเห็ด แต่เป็นสิ่งที่มีพิษร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มองในอีกด้านหนึ่ง ส่วนประกอบที่เป็นอันตรายของเห็ดพิษหลายชนิดจะสลายไปในขั้นตอนการปรุงอาหาร ทุกวันนี้นอกจากการระบุสายพันธุ์ของพวกมันอย่างชัดเจนแล้ว เรายังไม่มีวิธีง่ายๆ ที่จะแยกแยะเห็ดดีกับเห็ดพิษ การทดสอบด้วยเกลือและช้อนเงินเป็นเรื่องไร้สาระที่ยิ่งลืมได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น บรรดาเห็ดที่พบในป่าหรือตามต้นไม้หรือพุ่มไม้ควรจะถูกสงสัยไว้ก่อน
การให้ปากคำของนายแพทย์สลาร์กเป็นการสรุปคดีในด้านของพยานที่ถูกศาลออกหมายเรียก แต่ก่อนที่จะกล่าวกับคณะลูกขุน เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพก็ประกาศว่ามีอีกผู้หนึ่งที่ปรารถนาจะให้การ ศาลไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธพยานหลักฐานเพิ่มเติม และเนื่องจากในคำให้การของพยานก็ได้พาดพิงถึงบุคคลคนนี้ เขาจึงควรจะได้ตอบโต้ต่อสาธารณชนเช่นกัน
เพราะเหตุนั้นนายแล็กคิงตันจึงได้ขึ้นไปที่คอกพยานและสาบานตน เขากล่าวว่าตนเองเป็นพ่อค้าขายผักและผลไม้ ตั้งร้านค้าอยู่ที่ถนนปาร์ก เซนต์แอ็บบอตส์ เขาจำได้ว่าคุณนายดูพรีนแวะมาที่ร้านเมื่อสองวันก่อน ในตะกร้าที่เธอเลือกหยิบเห็ดไปนั้นมีเห็ดอยู่เล็กน้อยประมาณหกปอนด์ ได้มาจากชาวไร่หมู่บ้านใกล้ๆ ซึ่งเขาเคยรับซื้อไว้บ่อยๆ และขายหมดโดยไม่เคยมีใครกินแล้วมีอาการเจ็บป่วย การถูกพาดพิงถึงในคดีประเภทนี้จึงเป็นเรื่องร้ายแรงมากสำหรับอาชีพพ่อค้าของเขา เป็นเหตุผลที่เขาต้องมาในวันนี้ ผลที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่แค่เห็ดเท่านั้น คนจะไม่อยากซื้อของใดๆ จากร้านเขา ถ้าเขาถูกโจษจันว่าขายสินค้าไม่ดี
ณ จุดนี้เจ้าหน้าที่ศาลได้ขัดจังหวะโดยบอกว่า นายแล็กคิงตันได้ชี้ให้ลูกขุนเห็นแล้วว่า ในกรณีที่พบว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะเห็ดหรือสิ่งใดก็ตามที่อยู่ในเห็ดนั้น ก็ไม่มีหลักฐานให้คิดเป็นอย่างอื่นได้นอกเสียจากว่าเป็นอุบัติเหตุโดยแท้
นายแล็กคิงตันกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ แต่ก็กล่าวว่าความรู้สึกไม่ดีจะยังไม่หายไปไหน เขาค้าขายในเซนต์แอ็บบอตส์มายี่สิบเจ็ดปีแล้ว และในระหว่างนั้นเขาได้ขายเห็ดไปเป็นตันๆ โดยไม่เคยถูกร้องเรียนใดๆ เลยสักครั้ง เมื่อถูกซักถามเขาก็ยอมรับว่า ไม่ได้ตรวจสอบเห็ดทุกดอกในจำนวนครึ่งปอนด์ที่ได้ขายให้คุณนายดูพรีน แต่เขาได้ชั่งน้ำหนักมันแล้ว จึงมั่นใจว่าถ้ามีเห็ดพิษปะปนอยู่เขาจะต้องเห็นแน่ๆ ตัวการอาจจะเป็นอุปกรณ์ปรุงอาหารก็ได้ไม่ใช่หรือ
นายแพทย์สลาร์กส่ายหน้า เป็นที่เข้าใจว่าเขาไม่อาจยอมรับความเห็นข้อนั้น
นายแล็กคิงตันจึงถามต่อไปว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ตายซึ่งย่อมเป็นเด็กชอบผจญภัยและซุกซนเช่นเด็กชายส่วนใหญ่ รู้สึกดีขึ้นในระหว่างที่ป้าของเขาไม่อยู่ และเนื่องจากถูกจำกัดให้อยู่แต่ในบ้าน ก็เลยลุกขึ้นมากินอะไรที่เป็นสาเหตุของเรื่องเศร้านี้เข้าไป เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้กินยาไทรโอนอลหรือเวอร์โรนอล หรือยาอื่นที่ดูเหมือนขนมหวานเข้าไป นายแพทย์สลาร์กนั้นอาจจะหัวเราะได้ แต่ดูเหมือนว่าประเด็นนี้จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพยานผู้นี้มากทีเดียว
นายแพทย์สลาร์กขออภัยที่เขายิ้ม (เขาไม่ได้หัวเราะ) แล้วพูดเสียงขรึมว่าคดีนี้ร้ายแรงสำหรับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในการไต่สวน เขายอมรับว่าการอ้างถึงยาไทรโอนอลและเวอร์โรนอลขึ้นมาทำให้เขาลืมนึกถึงสภาพแวดล้อมไป และเขาขอแนะนำว่าในสถานการณ์เช่นนี้ บางทีเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพน่าจะสั่งให้มีการตรวจสอบศพโดยละเอียด
หลังจากได้ปรึกษากันแล้ว เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพก็กล่าวว่าในคดีส่วนใหญ่แล้ว การวิเคราะห์เช่นนี้ไม่ค่อยจำเป็นนัก แต่เมื่อผลปรากฏออกมาเช่นนี้ ก็เห็นควรให้มีการชันสูตรศพให้ละเอียดสมบูรณ์ ดังนั้นการไต่สวนจึงถูกเลื่อนออกไปก่อน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาผู้ที่ร่วมในการไต่สวนครั้งแรกถูกเรียกตัวไปรวมกันอีกครั้งในศาลาว่าการของเซนต์แอ็บบอตส์ซึ่งถูกใช้เป็นที่ตั้งของศาล มีพยานเพียงคนเดียวที่ขึ้นให้ปากคำ และคำชี้แจงของเขาเป็นการสรุปสั้นๆ ได้ใจความ
นายแพทย์เฮอร์เบิร์ต อิงก์เพนนี นักพยาธิวิทยาที่ปรึกษาของโรงพยาบาลเซนต์มาร์ติน ให้การว่าเขาได้ตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ของผู้ตายแล้ว พบสารบิวรีนในปริมาณมากพอที่จะทำให้เด็กตายได้ และอาการที่นายแพทย์สลาร์กกับคุณนายดูพรีนอธิบายในการพิจารณาคดีครั้งก่อนก็สอดคล้องกับพิษของบิวรีน สารบิวรีนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ยกเว้นที่เป็นองค์ประกอบในเห็ดอะแมนนิตา บิวออไรด์ ซึ่งปริมาณเพียงเศษหนึ่งส่วนห้าเกรนก็สามารถทำให้ผู้ใหญ่ตายได้แล้ว พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เห็ดเพียงดอกเดียวสามารถทำให้ผู้ใหญ่ตายได้ถึงสามคน และสำหรับเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ป่วยร่างกายจะอ่อนแออยู่แล้ว พิษจะยิ่งรุนแรงขึ้นอีก เขาไม่พบสารที่เป็นอันตรายอื่นใดนอกเหนือจากนี้
นายแพทย์อิงก์เพนนีสรุปว่าเขารับรองความเห็นของเพื่อนร่วมงานของเขาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเห็ดธรรมดาและเห็ดพิษ หลังจากได้รับคำชี้แจงที่เข้าใจได้ง่ายจากเจ้าหน้าที่แล้ว คณะลูกขุนจึงไม่รีรอที่จะตัดสินไปตามหลักฐานทางการแพทย์
ข้อสรุปรับรู้กันล่วงหน้าแล้วสำหรับผู้ที่ทราบข้อเท็จจริงหรือติดตามการไต่สวนคดีอยู่ แต่กระนั้น อีกห้าวันต่อมาฟิลิป เลาด์แฮมก็ถูกจับและถูกตั้งข้อหาน่าตกใจว่าฆาตกรรมหลานชายของตัวเอง
ตอนนี้เองที่แม็กซ์ คาร์ราโดสปรากฎตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในโศกนาฏกรรมของวินโพล
สองสามวันหลังการจับกุมดังกล่าว นายคาร์ไลล์กำลังอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากหลายชั่วโมงมานี้ไม่มีงานใดที่เขาไม่ได้มอบหมายให้แก่ผู้ช่วยได้อย่างเหมาะสม ในตอนนี้เขากำลังมองหาการพบปะสมาคมอันจะช่วยหย่อนใจ หัวใจเมตตากรุณาของนายคาร์ไลล์จึงนึกไปถึงหลานสาวผู้อาศัยอยู่ที่โกรตส์ฮีธ
“เอลซีจะต้องดีใจมาก” เขาเห็นด้วยกับความคิดนั้น “อยู่ที่โน่นเธอคงไม่รู้ข่าวคราวโลกภายนอก ถ้าฉันไปถึงที่นั่นได้สักสี่โมง แล้วอยู่ที่นั่นสักสองชั่วโมงก็คงดี”
คุณนายเบลล์มาร์กนั้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ดูเหมือนว่าเธอจะประหลาดใจมากยิ่งกว่า และเบื้องหลังความประหลาดใจนั้นยังมีกระแสความตื่นเต้นแฝงอยู่ ซึ่งแม้แต่นายคาร์ไลล์ผู้เชื่อมั่นในตัวเองก็ยังรู้สึกว่ามากเกินไปสำหรับเขา เธอคงไม่อาจปิดบังสาเหตุไว้ได้นานนัก
“ลุงได้พบใครบ้างไหมคะ” นั่นเกือบจะเป็นคำถามแรกที่เธอถามเขา
“ลุงได้พบใครบ้างไหม” เขาทวนคำถามอย่างชัดถ้อยชัดคำเช่นเคย “อืม ไม่หรอก จะบอกว่าลุงพบใครเป็นพิเศษก็ไม่ได้ แน่นอนว่า…”
“หนูมีแขกมาเยี่ยมค่ะ แล้วเขาก็บอกว่าจะกลับมาดื่มน้ำชาด้วยอีก ทายสิคะว่าใคร แต่ลุงคงทายไม่ถูกหรอก คุณคาร์ราโดสไงคะ”
“แม็กซ์ คาร์ราโดส” ลุงของเธออุทานเสียงประหลาดใจ “หลานพูดจริงหรือนี่ คุณพระช่วย ลุงเกือบลืมไปแล้วว่าหลานรู้จักเขาด้วย หลายปีมาแล้วสินะ เจ้าแม็กซ์มันมาทำอะไรในโกรตส์ฮีทรึ”
“มันเป็นเรื่องแปลกมากค่ะลุง” คุณนายเบลล์มาร์กตอบ “เขาบอกว่าขึ้นมาหาเห็ดค่ะ”
“เห็ดรึ”
“ค่ะ เขาบอกว่าอย่างนั้น เขาถามหนูว่าพอจะรู้ไหมว่าป่าแถวนี้จะหาเห็ดได้ตรงไหน หนูเลยบอกว่ามีอยู่ที่หนึ่งตรงสโตนคัตเลน”
“แต่หลานไม่รู้รึ” คุณคาร์ไลล์ทำเสียงแตกตื่น “ว่าเห็ดที่ขึ้นในป่า หรือแม้แต่ที่ขึ้นตามต้นไม้น่ะเราต้องระวังไว้ก่อน หน้าตามันเหมือนกับเห็ดทั่วไป แต่ว่ามันอาจจะมีพิษนะ”
“หนูไม่รู้นี่คะ” หลานสาวยอมรับ “แต่ถ้ามันเป็นเห็ดพิษ หนูคิดว่าคุณคาร์ราโดสคงดูออก”
“การเข้าไปในป่าอย่างนั้นมันแปลกเอาการอยู่นะ บังเอิญว่าลุงเพิ่งหาข้อมูลเรื่องนี้มาหยกๆ แต่เอาเถอะ หลานบอกว่าเขาจะแวะมาอีกใช่ไหม”
“เขาถามว่าจะขอแวะมาดื่มน้ำชาตอนขากลับได้ไหม หนูก็เลยบอกว่า ต้องได้อยู่แล้วล่ะ”
“จ้ะ จ้ะ” นายคาร์ไลล์เออออไปด้วย “เขาคงมีรถมาด้วย”
“ค่ะ รถสีเทาคันเบ้อเริ่ม คุณพาร์คินสันก็มาด้วยค่ะ”
นายคาร์ไลล์ประหลาดใจนิดๆ อย่างที่เคยเป็นบ่อยๆ กับพฤติกรรมของเพื่อนคนนี้ แต่เขาไม่ใช่คนชอบขบคิดเรื่องที่เขาไม่อาจทำความเข้าใจ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจเรื่องของคาร์ราโดสและพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของเขา กระทั่งมีเสียงรถยนต์ดังกระหึ่มขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของถนนในชนบท แล้วนักสืบสมัครเล่นตาบอดก็ปรากฏตัวขึ้นเกือบจะในทันที คาร์ไลล์มองหลานสาวเป็นเชิงไม่ให้พูดอะไร แล้วจึงลุกขึ้นเงียบๆ ไปยืนอยู่ที่ด้านในสุดของห้อง และดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่หายใจ
คาร์ราโดสทำท่ารับรู้การยิ้มแย้มต้อนรับของเจ้าของบ้านสาว จากนั้นก็พยักหน้าไปทางแขกขี้เล่นอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม
“ว่ายังไง หลุยส์” เขาเอ่ยขึ้น “เราพบกันจนได้นะ”
คุณนายเบลล์มาร์กตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็กลบเกลื่อนแผนการที่ล้มเหลวด้วยเสียงหัวเราะที่งดงามราวเสียงดนตรี
“วิเศษจริง” นายคาร์ไลล์ออกปากชมพลางก้าวออกมา
“แหม ไม่ถึงขนาดนั้น” คาร์ราโดสตอบมาแห้งๆ “ก็แม่สาวน้อยคนนี้แหละ” เขาหันไปทางคุณนายเบลล์มาร์ก “บอกว่าคุณมาเยี่ยมตอนที่เธอพาผมเข้ามา”
“จริงหรือเปล่าแม็กซ์” คุณคาร์ไลล์ถามออกมา “ที่ว่านายมาสโตนคัตเพื่อหาเห็ด”
“คุณนายเบลล์มาร์กบอกแกเหรอ”
“ใช่ เจอบ้างไหมล่ะ”
“พาร์คินสันเจอบางอย่างเหมือนเห็ดไม่มีผิดเลย”
นายคาร์ไลล์ชำเลืองมองหลานสาวเป็นเชิงอวดชัยชนะ
“ฉันอยากจะเห็นไอ้ที่นายเรียกว่าเห็ดนั่น นายรู้ไหมว่าอาจจะเรียกว่าโชคดีเลยนะที่ฉันมาเจอนายเข้า”
“ได้เจอแกมันก็ต้องเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว” คาร์ราโดสตอบ “เดี๋ยวแกก็จะเห็น มันอยู่ในรถน่ะ ให้ฉันพาแกกลับเข้าเมืองไหมล่ะ”
“ก็ถ้านายรีบกลับ ไม่ ไม่จ้ะเอลซี” เขาหันไปบอกหลานสาวที่กำลังประท้วง “ลุงไม่อยากเร่งแม็กซ์หรอกนะ แต่ลุงต้องรีบกลับทันทีหลังน้ำชา ลุงมีงานสำคัญเกี่ยวกับคดีที่เพิ่งจบไปต้องสะสางให้เสร็จ ตอนนี้ก็ได้เวลาเหมาะแล้วด้วย นายรู้เรื่องคดีวินโพลหรือเปล่าแม็กซ์”
“ไม่นี่” คาร์ราโดสตอบอย่างไม่สนใจ “แกรู้รึ”
“รู้สิ” คุณคาร์ไลล์ตอบอย่างหนักแน่น “ใช่ ก็พอจะถือว่ารู้นะ ที่จริงฉันเป็นคนรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับเลาด์แฮมเอง”
“งั้นเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมคะคุณลุง” เอลซีรบเร้า “หนูรู้แค่ที่อ่านเจอใน ดิ อินดิเคเตอร์ เท่านั้น”
นายคาร์ไลล์ส่ายหน้า ทำเสียงฮึมฮัม ทำท่าคิด แล้วก็ยอมแพ้
“แต่อย่าพูดไปเชียวนะเอลซี” เขากำชับ “พยานหลักฐานบางอย่างจะยังไม่ออกมาจนกว่าจะสัปดาห์หน้า เรื่องร้ายแรงเสียด้วย”
“คำเดียวก็ไม่พูดค่ะ” เธอยืนยัน “น่าตื่นเต้นจังเลย เล่าต่อสิคะ”
“คืออย่างนี้ คณะลูกขุนน่ะยึดถือตามพยานหลักฐานที่ถูกนำเสนออย่างเคร่งครัด และให้คำตัดสินว่าเป็นการตายโดยอุบัติเหตุ ซึ่งในสถานการณ์นี้มันแสดงให้เห็นถึงวิธีค้าขาย ความเอาใจใส่ ความรู้ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คนจะมองเกี่ยวกับคนขายเห็ดนั่น พ่อค้าขายผักชื่อแล็กคิงตันคนนั้นไง ลุงเห็นเขาแล้วนะ เขามีความอุตสาหะมากเชียวล่ะเพื่อจะหาพยานหลักฐาน และยืนยันว่าเขาไม่มีทางสะเพร่าอย่างร้ายแรงขนาดมองไม่เห็นสิ่งผิดสังเกตในตอนที่ชั่งเห็ดจำนวนน้อยนิดแค่ครึ่งปอนด์ได้”
“แต่ลุงหลุยส์คะ ก็คุณหมอบอกว่า…”
“ใช่แล้ว เอลซีหลานรัก เรารู้ว่าหมอพูดว่าอะไร แต่จะผิดหรือถูกก็ตามทีเถอะ นายแล็กคิงตันได้นำเอาประสบการณ์และความรู้ที่ใช้ได้จริงของตนมาคัดค้านหลักทฤษฎีทั่วไปของแพทย์ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติก็คงไม่มีอะไรหรอก แต่บังเอิญว่านายแล็กคิงตันมีคนเช่าห้องเป็นพนักงานของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แถมยังมีเพื่อนบ้านเป็นเภสัชกรเข้าอีก ทั้งสามคนคุยปรึกษาเรื่องนี้กันหลายครั้ง แล็กคิงตันน่ะร้อนใจเพราะชื่อเสียงของเขาเสียหายไปแล้ว ข้างฝ่ายนักหนังสือพิมพ์ก็จะหาข่าว ส่วนเภสัชกรพยายามจะให้ความรู้ที่ตนมี สองสามวันผ่านไปก็มีการคิดโยงใยเหตุการณ์ขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องร้ายแรงหรือเรื่องไม่มีพิษมีภัยเลยก็ได้ ขึ้นกับว่าเรื่องที่เสนอมานั้นพัฒนาไปทางไหน หรือว่าจะทำกันด้วยวิธีใด ประเด็นสำคัญก็มีอยู่ว่า
“เงินค่าเลี้ยงดูชาร์ลีที่คุณนายดูพรีนได้รับมาจะสิ้นสุดลงเมื่อชาร์ลีตาย ตามที่เธอบอกกับคณะลูกขุน แต่ที่เธอไม่ได้บอกก็คือ เมื่อชาร์ลีมีบรรลุนิติภาวะ เขาจะได้รับมรดกเป็นเงินกว่าหมื่นห้าพันปอนด์ ตอนนี้เงินนั่นได้ถูกแบ่งออกเท่าๆ กันให้ญาติสนิทสองคนของชาร์ลี ซึ่งก็คือคุณนายดูพรีนกับฟิลิปน้องชายของเธอนั่นเอง
“ฐานะของคุณนายดูพรีนตอนนี้ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ฟิลิป เลาด์แฮมเองก็จนพอๆ กัน แล้วก็ไม่มีรายได้แน่นอน เขาเคยทำธุรกิจมาหลายอย่าง ตอนนี้ก็อายุปาเข้าไปสามสิบห้าแล้ว แต่วันๆ ยังมัวเขียนโคลงกลอนและวาดภาพสีน้ำ ซึ่งเท่าที่ทุกคนรู้มันไม่ได้สร้างรายได้ให้เลย
“ทั้งสามคนเห็นตรงกันว่า ฟิลิป เลาด์แฮมเป็นคนเอาอาหารมา ซึ่งอาหารเป็นตัวการสำคัญของเรื่องเศร้านี้
“มีหลักฐานชี้ชัดว่าฟิลิป เลาด์แฮมมีหนี้สินและกำลังต้องการใช้เงินด่วน มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวด้วย คิดว่าลุงคงไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้วนะเอลซี”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันคะคุณลุง” คุณนายเบลล์มาร์กถามอย่างกระหายใคร่รู้
“เรายังไม่รู้ แต่ข่าวลือบอกว่าหล่อนแต่งงานแล้ว ลุงก็ว่าน่าเสียดาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก ไม่สำคัญสำหรับหลานแน่ๆ เอลซี ต่อก็แล้วกันนะ
“คุณนายดูพรีนกลับมาจากซื้อของประมาณบ่ายสามโมงวันที่หลานชายของเธอตาย อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลาด์แฮมก็ออกจากบ้านไปสถานีรถไฟ ตีตั๋วไป-กลับไปอัสตัน เขาออกเดินทางตอนบ่ายสามโมงสี่สิบเอ็ดนาที และกลับถึงเซนต์แอ็บบอตส์ตอนห้าโมงสี่สิบสามนาที เขามีเวลาเกือบชั่วโมงที่จะทำธุระอะไรก็ตามในเมือง ว่าแต่มันคือธุระอะไรล่ะ
“เภสัชกรเพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่า ถึงแม้บิวรีนตามธรรมชาติจะเกิดขึ้นในรูปแบบนี้เท่านั้น แต่มันสามารถสกัดมาจากส่วนประกอบในเห็ดแล้วนำมาใช้เหมือนกับยาพิษเหลวชนิดอื่นๆ ได้ด้วย แต่มันเป็นสินค้าควบคุม ไม่มีขายทั่วไป ในลอนดอนก็อาจจะมีเภสัชกรไม่ถึงครึ่งโหลกระมังที่มีสารที่ว่านี้ ส่วนตัวเขาเองไม่มี และก็ยังไม่มีใครมาขอซื้อมาก่อน
“หลังจากได้ทฤษฎีข้อนี้มา ซึ่งก็ไม่ใช่หลักฐานที่น่าเชื่อถืออะไรเลย” นายคาร์ไลล์กล่าวต่อ “นักหนังสือพิมพ์หนุ่มก็เข้าไปหาบรรณาธิการของ เดอะมอร์นิง อินดิเคเตอร์ เพราะเขาเป็นผู้สื่อข่าวประจำเซนต์แอ็บบอตส์ แล้วถามว่าทางนั้นสนใจจะทำสกู๊ปคดีนี้ไหม ทั้งสามเกลอพยายามสืบค้นกันอย่างสุดความสามารถแล้ว บรรณาธิการก็เลยตัดสินใจจะลองตรวจสอบดูสักหน่อย แล้วก็มาขอลุงให้ช่วยสืบ นี่แหละสาเหตุที่ทำให้ลุงต้องเข้ามาเกี่ยว”
“แหม พวกหนังสือพิมพ์เขาหาข่าวกันแบบนี้เองเหรอคะ” คุณนายเบลล์มาร์กวิจารณ์ “หนูก็สงสัยอยู่บ่อยๆ”
“นั่นก็เป็นวิธีหนึ่ง” ลุงของเธอยอมรับ
“การพัฒนาแบบอเมริกันไงล่ะ” คาร์ราโดสผสมโรงด้วย “ทางโน้นเขาทำกันจนมากเกินด้วยซ้ำ”
“มันคงเลวร้ายมากนะคะ” เธอพูดขึ้น “แล้วยังวิธีการของตำรวจอีก ละครจากอเมริกาที่มาแสดงน่ะ…” สาวใช้ยิ้มแย้มยกน้ำชาเข้ามาให้ วงสนทนาจึงเห็นแก่นายคาร์ไลล์ เปลี่ยนมาคุยกันในเรื่องสามัญซ้ำๆ ซากๆ จนกระทั่งประตูปิดลงเมื่อสาวใช้ออกไป
“งานขั้นแรกของลุง” นายคาร์ไลล์พูดหลังจากช่วยจัดน้ำชา “คือหาให้ได้ว่ามีเภสัชกรคนไหนในลอนดอนขายบิวรีนในเวลาเดียวกับที่เลาด์แฮมไปลอนดอนอย่างรีบร้อน ถ้าไม่สำเร็จ สมมุติฐานความผิดนั่นก็ต้องตกไป แต่ถ้าสำเร็จ…มันก็สำเร็จจริงๆ เพราะที่ถนนเทร็นเนี่ยนเลยจตุรัสเคย์สเตอร์ ตรงถนนทอตแนมคอร์ตน่ะ เราเจอผู้ชายชื่อไลท์คราฟต์ซึ่งนึกออกทันทีว่าได้ขายบูรีนไปในวันนั้น บิวรีนจัดเป็นสารพิษ เขาจึงต้องจดบันทึกการขายไว้ด้วย สมุดบันทึกของไลท์คราฟต์เป็นหลักฐานที่ชัดเจนเชียวละ เมื่อวันพุธที่ 6 เดือนนี้ มีชายคนหนึ่งใช้ชื่อว่า ‘เจ.ดี.วิลเลียมส์’ พักอยู่ที่ ‘เลขที่ 25 คาลคอตต์เพลซ’ ซื้อบิวรีนไปสี่แดรม ไลท์คราฟต์ระบุว่าเป็นตอนสี่โมงครึ่ง ลุงไปดูที่เลขที่ 25 คาลคอตต์เพลซ เป็นหอพักเล็กๆ และไม่มีใครรู้จักคนชื่อวิลเลียมส์เลยสักคน”
จากน้ำเสียงเด็ดขาดของนายคาร์ไลล์ ฟังดูราวกับฟิลิป เลาด์แฮมถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้ว คุณนายเบลล์มาร์กจึงกล่าวชื่นชมไปตามที่อีกฝ่ายคาดหวัง
“ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ” คำชมออกมาในรูปนี้
“ตามกฎหมายแล้ว เภสัชกรจะต้องรู้จักคนซื้อหรือเปล่า” คาร์ราโดสถามขึ้นมา
“ใช่” นายคาร์ไลล์ยอมรับ “ตรงนั้นแหละที่ไลท์คราฟต์เพื่อนเราคงจะเจอปัญหานิดหน่อย แต่ก็อย่างที่เขาบอก - และเราต้องยอมรับว่าเขาพูดถูกนะ – ใครล่ะจะเป็นคนกำหนดนิยามคำว่า ‘รู้จัก’ ไลต์คราฟต์รู้จักคนเป็นร้อยที่เป็นลูกค้าประจำหรือมาซื้อเป็นครั้งคราว โดยไม่เคยรู้จักชื่อคนพวกนั้นเลย แล้วเขาก็จดชื่อที่อยู่ของลูกค้าประจำและพวกที่แวะมาเป็นครั้งคราวไว้มากมายแต่ไม่เคยเห็นหน้าตา นายเจ.ดี. วิลเลียมส์คนนี้โผล่เข้ามาทำท่าสนิทสนมเหมือนรู้จักไลท์คราฟต์ดี หน้าตาก็ดูคุ้นๆ ไลท์คราฟต์ก็เลยสรุปเอาง่ายๆ ว่าเป็นคนรู้จัก เอาละๆ แม็กซ์ ฉันพอจะเข้าใจว่ามันมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะเภสัชกรด้วยกัน ถ้าคนไหนทำตัวยุ่งยากก็อาจจะเสี่ยงต่อการเสียลูกค้า คนเราก็ต้องทำมาหากินกันทั้งนั้นนี่นะ”
‘ยกเว้นชาร์ลี วินโพล’ แม็กซ์ คาร์ราโดสคิดทว่าไม่ได้พูดออกมา “แล้วแกบังเอิญได้ไปสืบเรื่องบิวรีนที่ร้านอื่นบ้างหรือเปล่า” เขาถามคำถามนี้แทน
“เปล่า” คาร์ไลล์ตอบ “ถ้าไปถามก็คงได้ข้อเท็จจริงอื่นๆ ที่ช่วยบ่งชี้ แต่หลังจากที่ฉันเจอร้านนี้แล้ว ร้านอื่นก็ไม่สำคัญ นายถามทำไมรึ”
“ไม่มีอะไร ก็แค่ว่าแกไม่คิดหรือว่าจะโชคดีเกินไปหน่อยไหมที่หาเจอที่ร้านแรกเลย ถ้าเราเชื่อตามเจ้าหน้าที่ของเซนต์แอ็บบอตส์นะ”
“ก็อาจจะใช่ แต่เรื่องนั้นมันไม่ได้สำคัญกับเราแล้วนี่ สิ่งสำคัญคือเราเจอตัวฆาตกรที่ลงมือด้วยความโหดเหี้ยมและวางแผนไว้อย่างรอบคอบ แล้วยิ่งถ้าดูความสัมพันธ์กับคนตายด้วยแล้ว ฉันคิดว่าเขาเป็นฆาตกรอำมหิตเลือดเย็นที่สุดเท่าที่ฉันเคยกระชากหน้ากากมาเลยทีเดียว”
“เขาสารภาพแล้วเหรอคะลุง”
“สารภาพรึ เอลซีหลานรัก” นายคาร์ไลล์พูดพลางยิ้มอย่างสะกดใจ “ไม่หรอกหลาน เขายังไม่ได้สารภาพ - คนประเภทนี้ไม่มีวันสารภาพหรอก ตรงกันข้ามเสียอีก เขายืนกรานแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงว่าเขาบริสุทธิ์ ทำท่าโกรธแค้นใหญ่ ก็เขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ จากนั้นพอถูกถามว่าเขาทำอะไรบ้างในระหว่างสี่โมงสิบห้านาทีถึงห้าโมงเย็นวันนั้น พระเจ้าช่วยเถอะ หมอนั่นมั่นใจเหลือเกินว่าแผนของตนแน่นหนาดีก็เลยตอบแบบไม่เสียเวลาคิด ตอนแรกเขาปฏิเสธว่าไม่ได้ออกจากเซนต์แอ็บบอตส์ไปไหน จากนั้นก็เกิดจำได้ขึ้นมาว่าตอนบ่ายเขาเข้าเมืองไปซื้อของบางอย่าง ของอะไรล่ะ ก็เป็นพวกเครื่องเขียน แล้วเขาไปซื้อที่ไหน ร้านที่ถนนออกซ์ฟอร์ดซึ่งเขาจำชื่อไม่ได้ แล้วพอจะชี้ได้ไหมว่าร้านไหน เขาคิดว่าคงชี้ได้ เขาชี้ตัวพนักงานขายได้ไหม ไม่ เขาจำไม่ได้เลยสักนิด แล้วเขาเก็บใบเสร็จรับเงินไว้หรือเปล่า เปล่า เขาไม่เก็บใบเสร็จค่าซื้อของเล็กน้อยพวกนั้น แล้วเป็นเงินจำนวนเท่าไร ประมาณสามสี่ชิลลิง และราคาตั๋วไปกลับอัสตันราคาตั้งสามชิลลิงแปดเพนนี นั่นไม่เป็นการเดินทางที่ฟุ่มเฟือยไปหน่อยหรือ เขาตอบได้แค่ว่าเขาก็ทำไปแล้ว เครื่องเขียนราคาสามสี่ชิลลิงคงเป็นของที่ใหญ่พอสมควร เขาให้ทางร้านส่งมาให้รึ เปล่า เขาถือมาด้วย เขาใส่เครื่องเขียนราคาสามสี่ชิลลิงไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ มันอยู่ในห่อ มันใหญ่จนใส่กระเป๋าไม่ได้งั้นหรือ ใช่ มีพยานสองคนที่จะให้การว่าเขาไม่ได้ถือห่อของอะไรเลย ทั้งคู่เป็นชาวเมืองเซนต์แอ็บบอตส์ที่ขึ้นรถไฟตู้เดียวกันกับเขา แล้วเขาจะยังยืนกรานว่าไปซื้อเครื่องเขียนอยู่อีกหรือเปล่า เขาปฏิเสธที่จะพูดอะไรมากกว่านี้ นั่นเป็นสิ่งดีที่สุดที่เขาทำได้แล้ว”
“แล้วไลท์คราฟต์ชี้ตัวเขางั้นหรือ”
“เอ่อ ชี้ แต่เขาไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ก็มันล่วงเลยมาตั้งสองสัปดาห์เข้าไปแล้ว แล้วคนที่ไปซื้อยาพิษไปก็ไว้หนวด ของปลอมอยู่แล้ว แต่ไลท์คราฟต์ก็พูดว่ามีความคล้ายคลึงกัน รูปร่างก็ไปในแนวเดียวกัน”
“ถ้างั้นไลท์คราฟต์จะต้องโดนซักหนักแน่ตอนขึ้นศาล” เสียงคาร์ราโดสคล้ายนึกสนุกกับภาพในจินตนาการของตน
“ก็คงจะหนักพอๆ กับฟิลิป เลาด์แฮมลืมชื่อร้านนั่นแหละ แม็กซ์” คุณคาร์ไลล์โต้กลับด้วยความมั่นใจอันไร้ที่สิ้นสุดของเขา
คาร์ราโดสลุกขึ้น พร้อมกับยิ้มเป็นเชิงยอมรับการโต้ตอบอันเฉลียวฉลาดของสหาย
“เอาล่ะครับ คุณนายเบลล์มาร์ก ผมจะแสดงน้ำใจต่อคุณ” คาร์ราโดสกล่าว “ผมจะเอาตัวเขาไปแล้วปล่อยให้คุณจดจำคำตอบของเขาไว้ ส่วนคำแย้งของผมนั้นคงไม่ต้องพูดออกมาหรอก”
“คุณพระช่วย ห้าโมงครึ่งแล้วรึนี่” นายคาร์ไลล์ร้องขึ้นอย่างตกใจขณะยกนาฬิกาทองคำสวยหรูขึ้นมาดู “เรา…เอ่อ ลุงต้องไปแล้ว นายไปคิดเรื่องนั้นต่อในรถก็ได้นี่แม็กซ์”
“หวังว่าพวกคุณลุงคงจะไม่ทะเลาะกันนะคะ” เธอพึมพำ แล้วพูดต่อว่า “วันพิจารณาคดีจริงๆ เมื่อไหร่คะลุงหลุยส์”
“การพิจารณาคดีงั้นรึ อ๋อ ต้นเดือนมกราคมจ้ะ”
“หนูจะจำไว้ แล้วจะคอยตามข่าวค่ะ” เธอคงฝันเฟื่องไปว่าคุณลุงหลุยส์จะได้แสดงบทบาทสำคัญในวันนั้น อย่างไรก็ตามนายคาร์ไลล์ดูท่าจะพอใจ แต่หลังจากกล่าวอำลาและคนทั้งสองปิดประตูรถ คุณนายเบลล์มาร์กก็นึกฉงนว่ารอยยิ้มก่อนจากไปของแม็กซ์ คาร์ราโดสนั้นหมายถึงอะไร
พวกเขาเดินทางไปได้ไม่เท่าไหร่นายคาร์ไลล์ก็นึกถึงเห็ดที่น่าสงสัยขึ้นมาได้และขอดู อีกฝ่ายจึงหยิบเห็ดจำนวนเล็กน้อยออกมาให้ดู เขาพลิกดูมันอย่างกังขา
“สีมันซีดกว่าเห็ดธรรมดาว่ะแม็กซ์” เขาวางท่ารอบรู้“นายอย่าเสี่ยงเลย ฉันโยนทิ้งให้เอาไหม”
“อย่าเพิ่ง” คาร์ราโดสเอื้อมมือไปยึดมือของสหายคาร์ไลล์ไว้เงียบๆ “อย่าเพิ่งทิ้งสิ ฉันต้องใช้มันนะหลุยส์ ไม่เอาไปทำอาหารหรอกน่า นายพูดถูกที่ว่ามันมีพิษ ฉันแค่อยากจะศึกษาสำหรับ…คดีที่ฉันกำลังทำอยู่”
“คดีงั้นรึ นี่นายไม่ได้หมายความว่าเกิดเหตุเห็ดพิษขึ้นอีกรายนะ”