วิธีแกะ แยกแยะ และย้อนรอย
[hide=5][hide=5]
Excel ถือเป็นเครื่องมือมหัศจรรย์ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าให้กับทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างมหาศาล จากตารางว่างเปล่าไม่มีอะไร กลับกลายมาเป็นตารางคำนวณพร้อมใช้งาน เพียงบันทึกเปลี่ยนแปลงตัวเลขใหม่ลงไป จะพบว่า Excel ช่วยคำนวณหาผลลัพธ์ที่ต้องการได้เสร็จในพริบตา แต่กว่าจะได้ผลลัพธ์ถูกต้องได้นั้น เราต้องทุ่มเทความพยายามและความอุตสาหะ สร้างสูตรผูกต่อกันไปทีละเซลล์ เริ่มจากเซลล์แรก ขยับไปทีละเซลล์ ทีละตาราง จากเดิมซึ่งเคยใช้พื้นที่ตารางไม่กี่เซลล์ กลับกลายเป็นแฟ้มงานขนาดใหญ่ ใช้พื้นที่คำนวณหลายตาราง หลาย Sheet บ้างก็ต้องส่งค่าเพื่อคำนวณข้ามแฟ้มงาน ซึ่งถ้าลองตีค่าหาต้นทุนของแต่ละแฟ้มที่เราสร้างขึ้น จะพบว่ามีมูลค่ามิใช่น้อย อย่างบางแฟ้มซึ่งลงทุนสร้างอย่างดิบดี สามารถตีค่าต้นทุนเป็นเรือนแสนหรือล้านบาทกันทีเดียว
[hide=3 Lock]ในช่วงแรกที่เริ่มใช้ Excel สร้างงาน มักมีข้อมูลไม่มากนัก ใช้พื้นที่เซลล์ไม่กี่เซลล์ พอเปิดแฟ้มขึ้นมาก็ยังสามารถเห็นพื้นที่ตารางใช้งานในจอภาพได้สบายๆ ครั้นพอใช้งานต่อไปเรื่อยๆ เมื่อตารางที่สร้างขึ้นมีขอบเขตตารางเกินกว่าที่หน้าจอจะแสดงได้ครบทั้งหมด ผู้ที่ใช้แฟ้มงานนี้จะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทีละน้อย ซึ่งถ้าผู้ที่เปิดแฟ้มงานมาใช้นั้น เป็นผู้ที่สร้างแฟ้มนั้นมากับมือคงพอจะเดาออกว่าเซลล์ไหนใช้ทำอะไร แต่หากเป็นคนอื่นที่ไม่คุ้นเคยกับแฟ้มนั้นมาก่อน จะรู้สึกเหมือนเปิดแผนที่โลกกางออกมาบนโต๊ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงจากเซลล์ใดก่อนดี
ครั้นเวลาผ่านไปสัก 6 เดือน พอหยิบแฟ้มเดิมที่ตนเองสร้างขึ้นมากับมือเปิดขึ้นมาใช้งานอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าตนเองจะสร้างแฟ้มนั้นมาเองก็ตาม แต่มักพบว่าตัวเองจำไม่ได้เสียแล้วว่าอะไรเป็นอะไร พอคลิกดูสูตรที่ตนสร้างขึ้น อาจสงสัยขึ้นมาทีเดียวว่า ทำไมเมื่อ 6 เดือนที่แล้วมา เราจึงเลือกใช้สูตร Choose ทั้งๆที่ตอนนี้เราคิดว่าน่าจะใช้สูตร IF แทนดีกว่า แต่พอสร้างสูตร IF ลงไปก็พบว่า สูตร Choose เดิมนั่นแหละดีกว่าอยู่แล้ว ยิ่งตารางมีสูตรสลับซับซ้อนมากเท่าใด จะยิ่งสับสนสงสัยมากขึ้นเท่านั้น หลายๆคนอาจตัดสินใจสร้างแฟ้มงานใหม่ตั้งแต่ต้นเลยดีกว่า เพราะถ้าจะแกะสูตรเก่าที่ตนทำไว้ คงต้องใช้เวลานานกว่าการสร้างใหม่เสียอีก แต่ใครจะมั่นใจได้บ้างว่า แฟ้มงานที่ลงทุนสร้างขึ้นใหม่ จะให้คำตอบถูกต้องเช่นเดียวกับแฟ้มเดิมที่เคยใช้กันมาก่อน
ยิ่งกว่านั้น เนื่องด้วยความหวงแหนแฟ้มงานที่ตนเสียเวลาลงทุนสร้างขึ้นเองกับมือ จึงใช้คำสั่ง Protect Sheet กับ Protect Workbook ไว้ แต่กลับกลายเป็นว่า พอพิมพ์รหัสผ่านที่ตนจำได้ลงไป ไม่สามารถ Unprotect คืนกลับมาให้ใช้งานได้อย่างเดิมเสียแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตนลืมรหัสที่เคยใช้ หรือตอนที่พิมพ์รหัสเพื่อ Protect คราวก่อนนั้น เผลอพิมพ์รหัสตัวเล็กเป็นตัวใหญ่ หรือไม่ได้สังเกตว่า ขณะที่พิมพ์รหัสนั้นกำลังใช้แป้นพิมพ์ภาษาใด ตนต้องทิ้งงานที่สร้างขึ้นเองมากับมือเพียงเพราะถอดรหัสที่ป้องกันไว้ไม่ได้เพียงแค่นี้เอง
ครั้นถึงคราวที่เพื่อนร่วมงานลาออกไปทำงานที่อื่น หัวหน้ามักขอให้นำแฟ้มงานของเพื่อนคนที่ลาออกไปกลับมาใช้งานต่อ นี่เป็นเพราะเสียดายเท่านั้นเอง โดยหารู้ไม่ว่า แฟ้มงานที่ตนเองนำของคนอื่นมาใช้งานต่อมีบางส่วนที่สร้างสูตรคำนวณไว้ผิด ถ้าคนที่ลาออกไปเขาจำใจต้องลาออกไปเพราะมีปัญหากับที่ทำงาน เขาอาจสร้างสูตรล่อเหยื่อไว้ก็ได้ ทำให้ช่วง 6 เดือนแรกยังคำนวณถูกต้อง ผู้ใช้งานจะได้ตายใจ แต่พอเลยระยะเวลาที่กำหนด สูตรที่เขาสร้างไว้จะเริ่มแผลงฤทธิ์ ถ้าเปิดแฟ้มของเขาขึ้นมาใช้งานในช่วงเวลา 5-6 โมงเย็น สูตรที่เขาวางยาไว้จะให้คำตอบผิดเพี้ยนไปจากเดิม
ขั้นตอนการแกะแฟ้มโดยทั่วไป
1. จัดทำสำเนาแฟ้มต้นฉบับเก็บไว้ และพยายาม Save ผลจาการแกะแต่ละขั้นเก็บเป็นแฟ้มชื่อใหม่
2. สั่ง Tools > Protection > Unprotect Workbook / Sheet
3. สั่ง Format > Sheet > Unhide เพื่อเปิด Sheet ที่อาจซ่อนไว้ออกมาให้เห็นครบทั้งหมด
4. ในแต่ละ Sheet ให้เลือกตารางทั้งหมดแล้วคลิกขวา สั่ง Unhide หรือจะสั่ง Format > Row/Column > Unhide เพื่อเลิกการซ่อน Row และ Column
5. เปลี่ยนรูปแบบในแต่ละเซลล์ให้เป็น General โดยสั่ง Format > Cells > Number > Type > General
6. เปลี่ยนสีตัวอักษรเป็นสีดำและสีพื้นให้เป็นสีขาว เพื่อแสดงค่าที่บันทึกให้เห็นทั้งหมด
7. เลิกกำหนดให้ค่าในเซลล์ชิดซ้าย ชิดขวา หรืออยู่กลางเซลล์ เพื่อให้เห็นตัวเลขชิดขวา และตัวอักษรชิดซ้ายตามปกติ
8. ในแต่ละ Sheet ให้ตรวจสอบคำสั่ง Tools > Options > Transition ว่าไม่ได้กาช่อง Transition formula evaluation เพื่อเลิกใช้ตัวอักษรในการคำนวณ และจะได้เห็นค่า Error ถ้ามีสูตรคำนวณเกี่ยวข้องกับตัวอักษร
9. กดปุ่ม F5 > Special แล้วเลือกค้นหาข้อมูลประเภทต่างๆ แล้วเปลี่ยนสีเซลล์ให้เห็นกลุ่มข้อมูลประเภทต่างๆแยกออกจากกัน
10. สำหรับเซลล์ที่เป็นสูตร ใช้คำสั่ง Tools > Auditing หรือ Formula Auditing เพื่อค้นหาและทำแผนที่เซลล์ต้นทางหรือปลายทางในการส่งค่าต่อเนื่อง
11. ถ้าเมนู Edit > Links ทำงานได้ แสดงว่ามีสูตร Link ข้ามแฟ้ม ให้ค้นหาชื่อแฟ้มต้นทางว่าอยู่ในเซลล์ใด โดยสั่ง Edit > Find > ชื่อแฟ้มต้นทาง ทั้งนี้อาจมีสูตร Link ซ่อนอยู่ในเมนู Insert > Name > Define, Format > Conditional Formatting, Data > Validation, หรือเป็น Macro ที่ Assigned ให้กับปุ่ม
12. สั่ง Tools > Options > View > Formulas เพื่อแสดงสูตรในแต่ละเซลล์แล้วสั่งพิมพ์
วิธีถอดรหัสป้องกัน Workbook และ Sheet
ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์กันก่อนว่า แฟ้มที่เราจะนำมาถอดรหัสป้องกันนั้น ต้องเป็นแฟ้มงานของคุณเอง หรือเป็นแฟ้มที่คุณมีสิทธิ์เป็นเจ้าของตามกฎหมาย หรือเป็นแฟ้มที่เจ้าของเขาไม่หวงห้าม ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่า งานใดที่ผู้สร้างสรรค์ที่เป็นลูกจ้างสร้างขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์ งานนั้นให้ผู้สร้างสรรค์เป็นเจ้าของ แต่เจ้าของบริษัทผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์นำแฟ้มงานไปเผยแพร่ได้ ส่วนขอบเขตและความหมายของการนำไปเผยแพร่จะเป็นอย่างไรนั้น เห็นทีจะต้องขอความเห็นของนักกฎหมาย ซึ่งเท่าที่เห็นปฏิบัติกันนั้น ผู้ว่าจ้างมักกำหนดในสัญญาว่าจ้างกันไว้ก่อนเลยทีเดียวว่า งานใดที่พนักงานสร้างขึ้นโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ พนักงานให้สิทธิแก่บริษัทผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์ใช้งานเช่นเดียวกับพนักงาน
โปรแกรมที่ใช้ถอดรหัสป้องกันแฟ้มงานหรือที่เรียกกันว่า โปรแกรม Password Recovery นั้น ปัจจุบันเปิดให้ Download จากอินเตอร์เน็ตจากรายชื่อเว็บต่อไปนี้ นำมาใช้ถอดรหัสที่ยาว 2-3 ตัวอักษรได้ฟรี แต่ถ้ารหัสยาวกว่านั้น จำต้องจ่ายเงินซื้อโปรแกรมถอดรหัสมาใช้กัน เว็บบางแห่งจะรับบริการถอดรหัสให้โดยคิดค่าบริการเพียงเล็กน้อย อาทิเช่น
* AccessData
http://www.accessdata.com/
* Crak Software
http://www.crak.com/
* Elcomsoft
http://www.elcomsoft.com/ae97pr.html
* Erlandsen Data Consulting
http://www.erlandsendata.no/english/downloads/tools.htm
* Excel Key
http://www.lostpassword.com/excel.htm
* Excel Password Remover
http://www.elkraft.ntnu.no/~huse/xlpassword.htm
* Fast Data Recovery Lab
http://www.fdrlab.com/
* Intertek
http://www.intertek.org.uk/
* MSOfPass97
http://www.lostpassword.com/msofpass97.htm
* Password Crackers Inc.
http://www.pwcrack.com/
* PWD Service
http://www.pwdservice.com/
* PW Finder
http://www.pwfinder.com/
การถอดรหัสโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ระดับ กล่าวคือ
1. รหัสป้องกันการเปิดแฟ้ม ซึ่งใช้ในการเปิดแฟ้มขึ้นใช้งาน ถ้าใส่รหัสผิด จะไม่มีทางเปิดแฟ้มขึ้นใช้งานเลยทีเดียว รหัสระดับนี้ถือเป็นรหัสที่ถอดได้ยากที่สุด เนื่องจากบริษัทไมโครซอฟท์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นความลับ เปิดเผยแต่เพียงว่าใช้วิธีสลายตัวรหัสเข้ากับเนื้อหาของแฟ้ม ทำให้ไม่สามารถใช้โปรแกรม Editor ใดค้นหาตัวรหัสได้เลย ทำให้โปรแกรมถอดรหัสต้องใช้วิธีที่เรียกว่า Brutal Force สุ่มรหัสทีละตำแหน่งทีละตัวอักษรหรือตัวเลขไปเรื่อยๆ อาจใช้เวลาเป็นวันกว่าจะสุ่มเจอรหัสป้องกัน
2. รหัสป้องกันการแก้ไข Workbook หรือแก้ไข Sheet เทคนิคการใช้รหัสระดับนี้สามารถค้นหารายละเอียดได้จาก chicago.sourceforge.net/devel/docs/excel/encrypt.html และสามารถใช้ VBA ช่วยในการถอดรหัสได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะโปรแกรม Excel Password Remover จาก http://www.elkraft.ntnu.no/~huse/xlpassword.htm เปิดให้ Download Password.xla นำมาใช้ถอดรหัสได้ฟรี
วิธีใช้ Excel Password Remover (Password.xla)
1. Unzip นำแฟ้ม Add-In ชื่อ Password.xla มาเก็บไว้ที่ Folder ใดก็ได้
2. เปิด Excel แล้วสั่ง Tools > Add-Ins > Browse ค้นหาและเลือกชื่อแฟ้ม Password.xla จากนั้นกดปุ่ม OK จะพบว่า Password remover ปรากฏอยู่ในรายชื่อ Add-Ins Available และถูกกาไว้
3. กดปุ่ม OK เพื่อเสร็จขั้นตอนการ Load Add-Ins ขึ้นมาใช้งานในเครื่อง PC นั้นๆ จะพบหน้าจอของ Password remover เปิดขึ้น แสดงว่าพร้อมใช้งานแล้ว ให้กดปุ่ม OK
4. เปิดแฟ้มที่ต้องการถอดรหัส จากนั้นสั่ง Tools > Unprotect Sheet หรือ Unprotect Workbook ซึ่งในขณะที่โปรแกรมกำลังพยายามถอดรหัสอยู่นั้น จะมีระยะเวลาที่ใช้แสดงขึ้นตรงหัวมุมซ้ายล่างของจอ
5. รอสักพัก อาจจะนานหรือเร็วขึ้นกับรหัสผ่านที่กำหนดยาวหรือสั้น เมื่อโปรแกรมถอดรหัสเสร็จแล้วจะเปิดหน้าจอขึ้นมาบอกว่าเสร็จแล้ว ให้กด OK เพื่อทำงานอื่นต่อไป
เทคนิคที่ใช้ในการกำหนดรหัสรหัสป้องกันในระดับ Workbook และ Sheet
ข้อมูลจาก chicago.sourceforge.net/devel/docs/excel/encrypt.html
Workbook Encryption
The 1Table structure contains three 16 byte numbers:
* A random salt.
* An MD5 hashed nonce, encrypted using RC4 with a key (K). This encrypted hash is stored as a second 16 byte number in 1Table.
* The nonce is encrypted using key (K) and MD5 hashed then stored as a third 16 byte number in 1Table.
The key (K) is calculated in the following way:
1. The password (expressed in Unicode) is MD5 hashed.
2. The first five bytes of the password hash are put into an array with the 1st 16 byte number (the salt) stored in the 1Table structure.
3. The salt is repeatedly concatenated with the password and then padded according to the MD5 algorithm.
4. The MD5 hash is taken.
5. The first five bytes of this hash are saved and then padded and MD5 hashed again.
6. The first five bytes of this hash along with a counter byte become the RC4 key for encrypting/decrypting the document.
The counter periodically re-keys the RC4 engine by incrementing the counter byte modulo 8. This key is first MD5 hashed before RC4 key scheduling. This hash is the key (K). There is a better way to recover the document. This is to recover the five byte value which is the document key, add the counter byte and decrypt the document.
Worksheet Protection
When an Excel sheet is being protected with a password, a 16-bit (two byte) long hash is generated. To verify a password, it is compared to the hash. Obviously, if the input data volume is great, numerous passwords will match the same hash. This can be easily reproduced:
Protect a sheet (Tools-Protection-Protect Sheet)
with the password "test" (no quotes)
Unprotect it with the password "zzyw" (again no quotes)
Here is the algorithm to create the hash value:
1. take the ASCII values of all characters shift left the first character 1 bit, the second 2 bits and so on (use only the lower 15 bits and rotate all higher bits, the highest bit of the 16-bit value is always 0 [signed short])
2. XOR all these values
3. XOR the count of characters
4. XOR the constant 0xCE4B
Example: The password is abcdefghij (10 characters)
* a -> 0x61 << 1 == 0x00C2
* b -> 0x62 << 2 == 0x0188
* c -> 0x63 << 3 == 0x0318
* d -> 0x64 << 4 == 0x0640
* e -> 0x65 << 5 == 0x0CA0
* f -> 0x66 << 6 == 0x1980
* g -> 0x67 << 7 == 0x3380
* h -> 0x68 << 8 == 0x6800
* i -> 0x69 << 9 == 0x5201 (unrotated: 0xD200)
* j -> 0x6A << 10 == 0x2803 (unrotated: 0x1A800)
ชุดคำสั่ง VBA ใช้สำหรับถอดรหัสป้องกัน Sheet
ข้อมูลจาก http://www.theofficeexperts.com/VBASamples/Excel02.htm
Sub PasswordBreaker()
'Author unknown but submitted by brettdj of www.experts-exchange.com
Dim i As Integer, j As Integer, k As Integer
Dim l As Integer, m As Integer, n As Integer
Dim i1 As Integer, i2 As Integer, i3 As Integer
Dim i4 As Integer, i5 As Integer, i6 As Integer
On Error Resume Next
For i = 65 To 66: For j = 65 To 66: For k = 65 To 66
For l = 65 To 66: For m = 65 To 66: For i1 = 65 To 66
For i2 = 65 To 66: For i3 = 65 To 66: For i4 = 65 To 66
For i5 = 65 To 66: For i6 = 65 To 66: For n = 32 To 126
ActiveSheet.Unprotect Chr(i) & Chr(j) & Chr(k) & _
Chr(l) & Chr(m) & Chr(i1) & Chr(i2) & Chr(i3) & _
Chr(i4) & Chr(i5) & Chr(i6) & Chr(n)
If ActiveSheet.ProtectContents = False Then
MsgBox "One usable password is " & Chr(i) & Chr(j) & _
Chr(k) & Chr(l) & Chr(m) & Chr(i1) & Chr(i2) & _
Chr(i3) & Chr(i4) & Chr(i5) & Chr(i6) & Chr(n)
ActiveWorkbook.Sheets(1).Select
Range("a1").FormulaR1C1 = Chr(i) & Chr(j) & _
Chr(k) & Chr(l) & Chr(m) & Chr(i1) & Chr(i2) & _
Chr(i3) & Chr(i4) & Chr(i5) & Chr(i6) & Chr(n)
Exit Sub
End If
Next: Next: Next: Next: Next: Next
Next: Next: Next: Next: Next: Next
End Sub
สิ่งที่แปลกในการถอดรหัสป้องกัน Sheet ก็คือ ถ้าเราใช้รหัส test เพื่อป้องกัน แต่สามารถใช้รหัส zzyw เพื่อถอดรหัสได้อีกรหัสหนึ่ง
วิธีเผยโฉม Sheet ที่ซ่อนไว้แบบสุดๆ
ตามปกติคำสั่งบนเมนู Format > Sheet > Hide จะช่วยซ่อน Sheet และใช้คำสั่ง Format > Sheet > Unhide เพื่อเลือกเปิดเผย Sheet ที่ถูกซ่อนอยู่ แต่รายชื่อ Sheet ซึ่งแสดงให้เห็นอยู่นั้นอาจไม่ใช่ Sheet ทั้งหมดที่ถูกซ่อนอยู่ก็ได้ เนื่องจากแต่ละ Sheet ยังถูกซ่อนแบบสุดๆได้อีกวิธีหนึ่งโดยผ่านโปรแกรม Visual Basic Editor
1. เปิดแฟ้มที่ต้องการตรวจสอบและ Unhide Sheet ขึ้นมาในโปรแกรม Excel
2. กดปุ่ม Alt+F11 เพื่อเปิดโปรแกรม Visual Basic Editor (VBE) ซึ่งตามปกติจะถูกติดตั้งพร้อมกับโปรแกรม Excel อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่แสดงตัวให้เห็น
3. ถ้าเปิดขึ้นมาแล้วไม่เห็นหน้า Windows ตามภาพข้างต้นแสดงขึ้นทางด้านซ้ายของจอ ให้ใช้เมนูของโปรแกรม Visual Basic Editor สั่ง View > Project Explorer และ View > Properties Window จะพบรายชื่อแฟ้ม Excel แสดงอยู่ใน Project Explorer
4. ใน Project Explorer ซึ่งแสดงรายชื่อแฟ้มอยู่นั้น ให้คลิกที่เครื่องหมายบวกด้านหน้าของชื่อแฟ้มเพื่อเปิดดูโครงสร้างภายในว่าประกอบด้วย Sheet ชื่อใดบ้าง
5. ใน Project Explorer ให้คลิกชื่อ Sheet จะพบว่า Properties Window ด้านล่างแสดงคุณสมบัติของ Sheet ที่ถูกคลิกเลือก
6. ใน Properties Window ให้คลิกลงไปในช่องด้านขวาของ Visible Property เพื่อเปลี่ยนจาก xlSheetVeryHidden กลับมาเป็น xlSheetVisible
7. กดปุ่ม Alt+F11 เพื่อกลับมายังโปรแกรม Excel จะพบว่าแฟ้มที่เปิดอยู่นั้นมี Sheet ที่ถูกซ่อนไว้แบบสุดๆ เปิดเผยตัวกลับมาเห็นเช่นเดิม
หมายเหตุ
* นอกจากนี้ยังมีวิธีลัดเพื่อเข้าสู่โปรแกรม Visual Basic Editor (VBE) โดยคลิกขวาที่ Sheet Tab > View Code
* ใน Properties Window ควรสังเกตช่อง ScrollArea Property ด้วยว่าไม่ได้ระบุตำแหน่งเซลล์ใดไว้ เพื่อทำให้สามารถใช้ Scroll Bar เลื่อนย้ายตำแหน่งพื้นที่แสดงบนจอได้ตามปกติ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าระบุ ScrollArea ไว้เป็น $A$1:$A$5 จะทำให้เราไม่สามารถขยับ Scroll Bar และไม่สามารถคลิกหรือใช้แป้นพิมพ์เลือกเซลล์นอกเหนือจากบริเวณเซลล์ A1:A5 ได้เลย
สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการใช้โปรแกรม Excel VBA ควรเขียนรหัสต่อไปนี้เพื่อใช้ซ่อน Sheet แบบ VeryHidden และเปิดเผย Sheet ทั้งหมดทั้งที่ซ่อนไว้ทั้งหมด
Sub ActiveSheetVeryHidden()
On Error Resume Next
ActiveSheet.Visible = xlVeryHidden
End Sub
Sub UnhideAllSheets()
On Error Resume Next
For Each ThisSheet In ActiveWorkbook.Sheets
ThisSheet.Visible = True
Next ThisSheet
End Sub
จงอย่าเชื่อในสิ่งที่มองเห็น
ประโยคหัวข้อข้างบนนี้จะสมบูรณ์ขึ้นหากเขียนเสียใหม่ว่า จงอย่าเชื่อในสิ่งที่มองเห็น และจงอย่ามองข้ามสิ่งที่มองไม่เห็น เนื่องจากเราสามารถทำให้ข้อมูลที่บันทึกไว้ในเซลล์หรือผลคำนวณซึ่งควรจะแสดงได้อย่างถูกต้อง กลับหายตัวไปหรือกลายเป็นค่าอื่น เช่น จากเดิมในเซลล์มีตัวเลขที่บันทึกลงไปเป็นเลข 123 แต่กลับแสดงค่าออกมาเป็นเลข 999 หรือแสดงเป็นค่าอื่นได้ตามแต่จะกำหนด
1. ถ้า Sheet ถูก Protect อยู่ ขอให้สั่ง Tools > Protection > Unprotect Sheet เสียก่อน เพื่อเปิดเผยเซลล์ที่ซ่อนไว้แบบ Hidden จากคำสั่ง Format > Cells > Protection > Hidden ซึ่งกันไม่ให้ Formula Bar แสดงค่าที่อยู่ภายในเซลล์
2. สั่ง Tools > Options > View > กาช่อง Row & column header เพื่อแสดงหัวตาราง แล้วตรวจสอบว่า Row และ Column เรียงต่อเนื่องกันหรือไม่ ถ้าพบว่าขาดหายไปให้สั่ง Format > Row > Unhide และ Format > Column > Unhide ทั้งนี้จงอย่ารีบเชื่อว่า Row และ Column ที่เห็นในตอนแรกที่เปิดแฟ้มเป็น Row และ Column ของจริง เพราะอาจเป็นแค่ภาพ Row หรือ Column Header ที่ถูกสร้างขึ้นเลียนแบบหัวตารางของจริงก็ได้
3. สำหรับบาง Sheet ซึ่งไม่ได้ใช้วิธี Hide Sheet แต่ใช้วิธีสร้าง Outline เพื่อจัดลำดับการซ่อน Row หรือ Column เป็นชั้นๆตามลำดับการคำนวณ ให้คลิกปุ่ม Show Outline Symbol บน Expert1 Toolbar เพื่อเปิดให้เห็นโครงสร้างของ Outline (ถ้ามี)
Expert1 Toolbar เป็นเมนูซึ่งติดตั้งเพิ่มเติมโดยใช้ Add-in ชื่อ Expert2000.xla สามารถ Download ฟรีได้จาก www.ExcelExpertTraining.com ส่วนผู้ที่เข้าอบรมหลักสูตรสุดยอดเคล็ดลับและลัดของ Excel ภาค 2 จะได้รับ Add-in ชื่อ Expert2004.xla
4. เลือกเซลล์ใดเซ