ไอซีทีเตือนภัยอุปกรณ์แฮกข้อมูลแบบใหม่ขู่ทำผิดติดคุกยาว



ผอ.สำนักกำกับการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ชี้อุปกรณ์โจรกรรมข้อมูลบัตรเคดิตเรียกว่า "คีย์-ล็อกเกอร์" ขู่เอาผิดพวกติดตั้งถึงขั้นติดคุก ด้านผู้ประกอบการหวั่นทำบรรยากาศวงการอี-คอมเมิร์ซ (e-Commerce) เสื่อม แนะรัฐเข้มจับเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นตัวอย่าง

ภายหลังที่มีข่าวเตือนภัยเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์แฮกข้อมูลขนาดเล็กที่มีคน แอบไปติดตั้งตามเครื่องคอมพิวเตอร์ตามร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อโจรกรรมข้อมูล ลับ ข้อมูลบัตรเครดิตไปปลอมแปลงเอกสารนั้น



นายอารีย์ จิวรรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักกำกับการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ กระทรวงไอซีที ผู้ดูแลศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต ชี้แจงเรื่องอุปกรณ์แบบใหม่ตามกระแสข่าวผ่านกับไทยรัฐออนไลน์ อุปกรณ์ตัวนี้ออกมาแล้วประมาณ 4-5เดือน แต่ว่าคนไม่ค่อยทราบ เท่าที่ตรวจสอบไปหลายร้านทราบว่ายังไม่มีเจ้าอุปกรณ์นี้อยู่ โดยลักษณะการทำงานใครเข้าไปใช้เครื่องนั้นมันจะเก็บข้อมูลไว้หมด เรียกว่า "คีย์-ล็อคเกอร์" (Key-locker) เป็นอุปกรณ์ชิ้นส่วนอย่างหนึ่ง สมมุติว่าเราไปใช้รหัสบัตรเครดิต มันก็จะเก็บไว้ในตัวนั้นหมด ผู้ใช้ต้องระมัดระวังในการใช้งาน

"โดยเฉพาะคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะเป็นประจำ ที่สำคัญข้อมูลต่างๆ ที่ใช้นั้นเป็นความลับแนะนำว่าเวลาใช้เครื่องควรจะไปตรวจสอบข้างหลังเครื่อง สักหน่อยว่ามีอุปกรณ์อะไรต่อเสียบตรงบริเวณช่องยูเอสบี (US หรือไม่ ซึ่งหากไม่มีก็ใช้ได้ โดยจะสังเกตได้ง่ายๆ สมมุติว่าใช้งานโดยปกติที่ไม่ได้ใส่ข้อมูลที่เป็นความลับก็ไม่ต้องห่วงเท่า ไหร่"

ผอ.สำนักกำกับการใช้เทคโนโลยี กล่าวว่า หากพบการกระทำผิด โดยอาจจะเข้าข่ายความผิดมาตรา14 ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยอยู่ที่ข้อมูล ถ้าไปใช้ผิดก็อาจจะโดนหนัก ถ้าข้อมูลไม่สำคัญก็อาจจจะโดนน้อย ถ้าคนที่ประสบเหตุให้แจ้งมาที่กระทรวงไอซีทีโดยตรงที่เบอร์ 02-141-6951

นายภา วุธ พงษ์วิทยภานุ อุปนายก สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และกรรมการผู้จัดการตลาดดอทคอม (www.tarad.com) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ถ้ามีอุปกรณ์แบบนั้นอยู่จริงๆ ก็น่าเป็นห่วงเพราะว่ามันทำลายบรรยากาศของวงการ "อี-คอมเมิร์ซ" ที่กำลังเติบโต

"น่ากลัวมาก ถ้ามีจริงๆ เพราะว่าปัจจุบันวงการอี-คอมเมิร์ซปีที่แล้วเติบโตถึง 20% โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ โดยเขาจะใช้การซื้อของออนไลน์ ซึ่งอาจจะกระทบบ้าง แต่เนื่องจากไลฟ์สไตล์เวลาซื้อของทางอินเทอร์เน็ตพวกเราจะใช้วิธีโอนเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็ม อย่างไรก็ดีแม้ว่าตอนนี้วงการไอทีจะจัดสัมนาและเดินสายให้ความรู้เกี่ยวกับ เรื่อง "ภัยออนไลน์" อยู่บ้าง แต่ข่าวคราวการแฮกข้อมูลแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อวงการแน่นอน ก็อยากจะฝากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจับคนพวกนี้มาลงโทษให้ทุกๆ คนเห็นพื่อเป็นตัวอย่าง"

กรรมการผู้จัดการตลาดดอทคอม กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันเรามีแค่ข่าวว่าอินเทอร์เน็ตมีแต่ปัญหา แต่ผู้ที่เกี่ยวข้อไม่เคยบอกให้เข้าจับกุมกลุ่มคนพวกนี้ แล้วเอาปัญหามาแก้ไขกัน อยากจะฝากให้เอาคนพวกนี้มาเชือดให้สังคมได้เห็น เพื่อเป็นการขู่ และป้องปรามคนที่คิดเรื่องพวกนี้ด้วย"

ข่าวจาก : ไทยรัฐ
วันที่ : 18 มีนาคม 2553 เวลา 17:27 น.