นอนไม่พอ เพิ่มเสี่ยงเบาหวาน
เตือนการนอนกลางวันเป็นประจำ รวมถึงการนอนกลางคืนไม่ถึง 6 ชั่วโมง เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2 การศึกษากลุ่มตัวอย่าง 16,480 คนพบว่าคนที่นอนกลางวันมีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 เพิ่มขึ้น 26%เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้แอบงีบ ปัจจัยต่างๆที่อาจอยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์นี้ รวมถึงการอนหลับไม่สนิทตอนกลางคืนและความเกี่ยวพันระหว่างการงีบหลับกับ กิจกรรมทางร่างกายที่ลดลง
อย่างไรก็ดี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม อังกฤษและโรงพยาบาลกว่างโจวในจีน แถลงต่อที่ประชุมไดอะบีตส์ยูเคที่จัดขึ้นในกลาสโกว์ สกอตแลนด์ว่าปัจจัยสำคัญกว่านั้นเป็นเรื่องของภาวะน้ำหนักเกินและพันธุกรรม
นักวิจัยแจงว่าการงีบหลับตอนกลางวัน อาจส่งผลให้ระยะเวลาการหลับตอนกลางคืนสั้นลงซึ่ง มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคเบาหวานประเภท 2นอกจากนี้การหลับกลางวันยังกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนและกลไกในร่างกายที่ หยุดยั้งไม่ให้อินซูลินทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนำไปสู่ความโน้มเอียงในการ เป็นโรคเบาหวานประเภท 2
ดร.เอียน เฟรม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยไดอะบีตส์ ยูเคกล่าวว่าเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าคนที่น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนซึ่งทำ ให้มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 นั้น อาจมีปัญหาในการนอนหลับแต่งานวิจัยใหม่นี้อาจเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในการ อธิบายความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างการนอนหลับไม่สนิทกับโรคเบาหวาน ประเภท 2
อย่างไรก็ตามในแง่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2การนอนหลับไม่สนิทหรือการนอนกลางวันยังคงมีความสำคัญน้อยกว่าปัจจัยเสี่ยง อื่นๆ เช่น ภาวะน้ำหนักเกิน การมีอายุ 40 ปีขึ้นไปหรือมีประวัติผู้ป่วยโรคเบาหวานในครอบครัว
ทั้งนี้ โรคเบาหวานเป็นอาการร้ายแรงที่อาจนำไปสู่โรคอื่นๆ ในระยะยาวเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ตาบอด ไตล้มเหลว และการต้องตัดแขนขาส่วนอาการระยะสั้น คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำที่อาจทำให้หมดสติและระดับน้ำตาลในเลือดสูงถาวรที่อาจ ถึงแก่ชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา
ขณะเดียวกัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบัฟฟาโลในนิวยอร์กได้นำเสนองานศึกษาต่อที่ประชุม สมาคมหัวใจแห่งอเมริกาที่ระบุว่าการนอนหลับคืนละไม่ถึง 6ชั่วโมงอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2 เช่นเดียวกัน
จากการติดตามผลกลุ่มตัวอย่างนาน 6 ปีพบว่าผู้ที่นอนน้อยกว่าคืนละ 6 ชั่วโมงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 4.56เท่าที่จะมีภาวะความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด มากกว่าคนที่นอนคืนละ 6- 8 ชั่วโมง
ดร.ลิซา ราฟาลสัน ผู้นำการวิจัยกล่าวว่างานศึกษาชิ้นนี้ตอกย้ำหลักฐานที่ชี้ถึงความเกี่ยวพัน ระหว่างการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพโดยมีความเป็นไปได้ที่ ฮอร์โมนและระบบประสาทเป็นปัจจัยเบื้องหลังความเกี่ยวพันนี้
ดร. นีล สแตนลีย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการนอนหลับจากโรงพยาบาลนอร์โฟล์กและนอริชใน อังกฤษเห็นด้วยกับงานวิจัยล่าสุดแต่ตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุของเรื่องนี้ยัง ไม่ชัดเจนนักแม้มีความเป็นไปได้ว่าการนอนหลับไม่เพียงพอเพิ่มความเสี่ยงใน การมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความเสี่ยงโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นตามไปด้วยก็ตาม
Credit : www.sanook.com