Results 1 to 2 of 2

Thread: " เพย์พาล"ยังหวังตลาดซื้อขายออนไลน์ไทย รับมีแผนลุย MicroPayment

  1. #1


    เพย์พาล (Paypal) ผู้ให้บริการระบบรับจ่ายเงินออนไลน์ยังเชื่อมั่นในประเทศไทย เตรียมโหมโปรโมทโครงการ"คุ้มครองผู้ขาย (Seller Protection)"บริการฟรีที่เชื่อว่าจะลดความกังวลของผู้ขายชาวเอเชียและชาวไทยได้ มั่นใจไทยจะเป็นดาวรุ่งตลาดชอปปิ้งออนไลน์แถวหน้าในอาเซียนด้วยมูลค่าตลาดรวม 2 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 7 แสนล้านบาท) ภายในปีหน้า ยอมรับมองเห็นการเติบโตของตลาดรีเทลออนไลน์ของไทย ทำให้มีแผนให้บริการ MicroPayment ในอนาคตแน่นอน เชื่อปี 2011 ยอดการชำระเงินออนไลน์ทั่วโลกผ่านเพย์พาลจะเพิ่มขึ้นจาก 6 หมื่นล้านเหรียญในปี 2008 เป็น 1-1.2 แสนล้านเหรียญ คิดเป็นอัตราการเติบโตเกือบ 2 เท่าตัว

    มาริโอ้ ชีเลียสกี้ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพย์พาล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ให้ข้อมูลการสำรวจจากมาสเตอร์การ์ด ว่าอัตราผู้ซื้อขายสินค้าออนไลน์ของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 57.5% คิดเป็น 10.5 ล้านคนจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยทั้งหมด 15 ล้านคน แต่การสำรวจพบว่า 3 ใน 4 มีความกังวลเรื่องธุรกรรมไม่ปลอดภัย ทำให้เพย์พาลมุ่งแก้ปัญหานี้เพื่อส่งเสริมให้ตลาดอีคอมเมิร์ชไทยเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในตลาดโลก

    "เพย์พาลจะเปิดตัวโครงการ Seller Protection อย่างเป็นทางการในเอเชียแปซิฟิกวันที่ 22 มิถุนายนนี้ โครงการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของเพย์พาล แต่เป็นเรื่องใหม่ในตลาดนี้ ผู้ขายหลายคนรวมถึงชาวไทยมักกังวลว่าถ้าขายสินค้าให้ชาวต่างประเทศแล้วลูกค้ามีการร้องเรียนว่าไม่ได้รับสินค้า หรือลูกค้าปฏิเสธการจ่ายเงินจะต้องทำอย่างไร Seller Protection ของเพย์พาลจะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น"

    ชีเลียสกี้อธิบายว่า เพย์พาลจะมีระบบตรวจสอบความผิดปกติของการชำระเงินบัตรเครดิต ระบบสามารถแจ้งเตือนผู้ขายว่า อย่าเพิ่งส่งสินค้าให้ลูกค้าหากพบว่าบัญชีบัตรเครดิตที่ลูกค้าใช้จ่ายเงินนั้นมีปัญหาหรือสันนิษฐานว่าอาจมีปัญหาตามมา โดยเพย์พาลจะมีทีมงานตรวจสอบรายการจ่ายเงินออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง หากพบว่ารายการใดมีปัญหาจริง เพย์พาลจะยกเลิกการจ่ายเงินนั้นทันทีโดยที่ผู้ขายสินค้าไม่ต้องทำอะไร

    "Seller Protection จะช่วยให้ผู้ขายไทยมีความมั่นใจ ออกไปทำตลาดในต่างประเทศได้ เป็นการเชื่อมตลาดไทยเข้ากับกลุ่มลูกค้าเพย์พาลทั่วโลก 70 ล้านคนใน 190 ประเทศ"

    โครงการนี้จะคุ้มครองผู้ขายที่ลงทะเบียนกับเพย์พาลและทำธุรกรรมขายสินค้าบนเว็บอีเบย์ (eBay) เท่านั้น สำหรับธุรกรรมบนเว็บไซต์ที่ไม่ใช่อีเบย์ สมาชิกเพย์พาลจะมีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่เรียกว่า Payment Review ซึ่งมีลักษณะการทำงานแบบเดียวกัน

    โครงการนี้เป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์รุกประเทศไทยของเพย์พาล เพราะเพย์พาลระบุว่าเดือนมิถุนายนนี้จะเป็นเดือนแรกที่มีการให้บริการคอลล์เซ็นเตอร์โดยคนไทย หลังจากที่เริ่มให้บริการเว็บไซต์เป็นภาษาไทยแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

    "จำนวนคอลล์เซ็นเตอร์เพย์พาลที่เป็นคนไทยไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่าเราจะเพิ่มจำนวนแน่นอนหากพบว่ามีความต้องการมากขึ้น เราไม่มีแผนเปิดสำนักงานในประเทศไทยเพราะทำงานร่วมกับพันธมิตรอยู่แล้ว ประกอบกับเราเป็นบริการออนไลน์ที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้"

    ที่ผ่านมา เพย์พาลมีพันธมิตรรายหลักในประเทศไทยคือเพย์สบาย บริษัทผู้ให้บริการรับส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติไทยที่ดีแทคเพิ่งซื้อไป เพย์พาลระบุว่าไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขยอดใช้จ่ายเงินผ่านเพย์พาลในประเทศไทยได้ รวมถึงไม่มีข้อมูลว่าเป็นการใช้จ่ายในอีคอมเมิร์ชประเภทบีทูบี (ธุรกิจสู่ธุรกิจ) บีทูซี (ธุรกิจสู่ผู้บริโภค) หรือซีทูซี (ผู้บริโภคสู่ผู้บริโภค) แต่ยืนยันว่า เพย์พาลมองเห็นการเติบโตของตลาดรีเทลออนไลน์ของไทย ทำให้มีแผนให้บริการ MicroPayment หรือบริการชำระค่าบริการมูลค่าน้อยๆในอนาคตแน่นอน

    อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ตัวเลขประมาณการมูลค่าการซื้อขายออนไลน์ในประเทศไทยของเพย์พาลนั้นอยู่ในระดับสูงเกินการสำรวจจากค่ายอื่น "ศูนย์วิจัยกสิกรไทย"คาดการณ์ว่าธุรกิจซื้อขายออนไลน์ไทยจะมีมูลค่าประมาณ 30,000-39,000 ล้านบาทในปีนี้ ขยายตัวประมาณ 20-30% ชะลอลงจากปี 2551 ที่ขยายตัวประมาณร้อยละ 30-40%

    มูลค่าตลาด 30,000-39,000 ล้านบาทนั้นถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดซื้อขายออนไลน์ของประเทศชั้นนำในเอเชียอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น หรือแม้แต่มาเลเซีย ซึ่งวงการอีคอมเมิร์ชในประเทศไทยมีการวิพากวิจารณ์กันมากว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาครัฐไม่มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ชอย่างจริงจังเท่าประเทศอื่น

    การสำรวจของ NECTEC ในปี 2551 พบว่าจำนวนผู้ซื้อสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 45.5% เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2550 ที่มีประมาณ 28.9%

  2. #2


    เป็นไปได้ยากในไทยเพราะคนไทยวางมือจากเพย์พาวกันเยอะจากกฏที่ว่า

    เงินในเพย์พาวเป็นของเขาๆจะจัดการยังไงกับเงินนั้นก็ได้

    และมีกฏใหม่ที่เริ่มใช้เมื่อวันที่3ที่ผ่านมามีความตอนหนึ่งว่า

    4.2.7 eBay Item Holds. PayPal may, in its sole discretion, determine to place a hold on a payment you receive for an eBay transaction, based on the reasonable belief that there may be a risk associated with the transaction. Such a hold will show as “pending” in your PayPal Account. PayPal will release the eBay transaction hold after 21 days from the date the hold is placed, unless you receive a dispute, claim, chargeback, or reversal on the transaction subject to the hold, in which case PayPal may hold the payment until the matter is resolved pursuant to this Agreement. PayPal may choose to release the hold earlier if the buyer leaves positive feedback on eBay or where PayPal is otherwise satisfied that the transaction has completed successfully.

    ทุก สินค้าบนอีเบย์ PayPal มีสิทธิที่จะตัดสินใจว่า จะขอ Hold เงิน 21 วันไว้ ซึ่งอาจจะไม่ทุก Transaction แค่ดูว่าอันไหนมีความเสี่ยงเท่านั้น (จริงๆมันเอาเกือบทุกอัน) ในระหว่างนั้นกรณีหากภายใน 21 วันนั้น ต้องห้ามเกิดการ ฟ้องร้อง, ชาร์จแบ๊ค หรือ ถูกดึงเงินกลับในทุกกรณี ทาง PayPal ก็จะปล่อยเงินนี้ให้กับคุณ กรณีหากคุณต้องการจะได้เงินนี้อย่างไว ต้องให้ทางผู้ซื้อให้ FB + เท่านั้น หรือ ยืนยันการจัดส่งทาง PayPal หากมีความสมบูรณ์ PP จะปล่อยเงินให้ทันที

    Ps.ใครที่จะซื้อของบน ebay ระวังหน่อยนะครับ

Similar Threads

  1. Replies: 0
    Last Post: 22-10-2009, 11:57 PM
  2. Replies: 0
    Last Post: 21-06-2009, 09:48 PM
  3. Replies: 0
    Last Post: 26-03-2009, 09:19 PM
  4. Steroid bust shows Feds can still get at "private" and "secure" e-mail
    By newsbot in forum World Hacking/Security News
    Replies: 0
    Last Post: 10-11-2007, 04:08 PM
  5. Replies: 0
    Last Post: 28-08-2007, 10:38 AM

Members who have read this thread : 0

Actions : (View-Readers)

There are no names to display.

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •