ในตลาดบราวเซอร์ซึ่งเป็นโปรแกรมตัวสำคัญสำหรับการเข้าสู่เว็บนั้น เป็นที่รู้กันอยู่ว่าอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอร์ หรือ "ไออี" ของ ไมโครซอฟท์ เติบโตเอาชนะ

เน็ตสเคปผู้บุกเบิกมาได้นั้น ปัจจัยสำคัญมากประการหนึ่งก็คือการที่ไมโครซอฟท์พ่วงโปรแกรมเข้าไปในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่ครองตลาดเดสก์ทอปอยู่เกือบทั้งหมด ซึ่งเท่ากับปิดทางคู่แข่งขันรายอื่นๆ

ในสหภาพยุโรปพฤติกรรมการค้าที่ ปิดทางคู่แข่งขันในทำนองนี้ไม่เป็นที่ยอมรับได้ ไมโครซอฟท์โดนตัดสินปรับไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐรวม 3 ครั้งด้วยกัน ในรายละเอียดที่สรุปคร่าวๆ ได้ว่าเป็นพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันและไม่ยอมปรับปรุงการปฏิบัติให้สอดคล้องกับคำตัดสิน

เรียกได้ว่าเป็นบริษัทเดียวในรอบ 50 ปีที่โดนกรรมาธิการยุโรปสั่งปรับสูงมากมายมหาศาลขนาดนั้น

แต่ล่าสุดนี้สำหรับระบบปฏิบัติการตัวใหม่ วินโดวส์ 7 ที่จะออกในเดือนตุลาคม ไมโครซอฟท์ตัดสินใจที่จะไม่พ่วงไออีไปด้วยอีกแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายของสหภาพยุโรป

นั่นหมายความว่าวินโดวส์ 7 ที่ออกขายในสหภาพยุโรป ทั้งที่ผ่านผู้ค้าปลีกหรือผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ปราศจากไออีอยู่ในนั้น

ลูกค้าอาจจะต้องไปหาบราวเซอร์มาติดตั้งเอง หรือไมโครซอฟท์อาจจะอำนวยความสะดวกด้วยวิธีอื่นๆ ให้นำไปติดตั้งได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นผู้ค้าคอมพิวเตอร์เองอาจจะเป็นฝ่ายติดตั้งให้ลูกค้าแทนก็เป็นไปได้

คดีความของไมโครซอฟท์ในเรื่อง บราวเซอร์นั้นเปิดเกมขึ้นมาโดย "โอเปร่า บราวเซอร์" ที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดอยู่น้อยนิดในอันดับ 4 รองจากโมซิลล่า ไฟร์ฟอกซ์ และซาฟารี

ถึงแม้จะไม่มีไออีพ่วงไปกับวินโดวส์ 7 แต่ก็ไม่น่าจะเป็นตัวช่วยบราวเซอร์อื่นๆ ได้มากนัก เนื่องจากตลาดถูกครอบงำมานานมากจนเคยชิน สิ่งสำคัญอย่างเดียวที่บราวเซอร์ตัวอื่นๆ จะขยายส่วนแบ่งขึ้นมาได้อยู่ที่ประสิทธิภาพของบราวเซอร์เองมากกว่า

และจะว่าไปแล้วบราวเซอร์ตัวอื่นๆ ก็ทำมาได้ดีพอสมควรทั้งที่อยู่บนพื้นฐานของการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่เริ่มแรก ปัจจุบันสามารถกดส่วนแบ่งตลาดของไออีให้ลดลงไปได้ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ครองตลาดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

โดยที่ไออีเวลานี้ส่วนแบ่งตลาดโดยประมาณอยู่ที่ 65 เปอร์เซ็นต์ ไฟร์ฟอกซ์ 22.5 เปอร์เซ็นต์ และซาฟารีราว 8.5 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นบราวเซอร์ตัวอื่นๆ