แม้วิกฤตเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยรวมทั่วโลก แม้แต่ธุรกิจซื้อขายโทรศัพท์มือถือในช่วงไตรมาสแรกปี 2552 ตกลง โดยรายงานของบริษัทวิจัยตลาดระบุว่าการเติบโตยอดขายมือถือทั่วโลกในปีนี้โตค่อนข้างคงที่ แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่าความต้องการโทรศัพท์มือถือระดับพรีเมียมในตลาดอเมริกาเหนือ และยุโรปตะวันตก ยังคงเพิ่มสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยมีอัตราเติบโตสวนกระแสถึง 9% ทำให้ผู้ผลิตมือถือหลายค่ายเทใจ รวมถึง แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ก็พุ่งเป้าหมายการตลาดเจาะกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น
โบเฮชอย รองประธานและหัวหน้าฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาแอลจีสร้างยอดขายมือถือทั่วโลกจำนวน 100.8 ล้านเครื่อง เป็นผู้ผลิตมือถืออันดับ 3 ของโลก ในจำนวนนี้เป็นมือถือกลุ่มหน้าจอสัมผัส (ทัชโฟน) มีการเติบโตถึง 25% ขณะที่ตลาดเอเชียเองก็ขยายตัวถึง 38% ส่งผลให้แอลจีกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาดสมาร์ตโฟน
ดังนั้น แผนการตลาดในช่วงครึ่งปีของแอลจี จึงเน้นขยายตลาดโทรศัพท์มือถือระดับพรีเมียมมากขึ้น ล่าสุดแอลจีได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือระดับพรีเมียม 4 รุ่น ได้แก่ แอลจี อะรีน่า รุ่นเคเอ็ม900 แอลจี วิวตี้ สมาร์ท รุ่นจีซี900 และแอลจี จีดี900 คริสตัล รวมถึงแอลจี จีเอ็ม730 ภายในงานคอมมิวนิกเอเชีย 2009 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 มิ.ย. ณ ประเทศสิงคโปร์ ที่ผ่านมา
เนื่องจากเล็งเห็นความต้องการโทรศัพท์มือถือระดับพรีเมียมยังคงเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นแอลจีจึงเน้นเปิดตัวมือถือระดับพรีเมียมมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ถือเป็นแผนการตลาดที่สวนทางกับผู้ผลิตรายอื่นๆ และสร้างตลาดขึ้นมาใหม่โดยเอาความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยมีเป้าหมายเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ 1 ใน 2 ของโลกภายในปี 2555
“ในขณะที่สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในช่วงขาลง ธุรกิจโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จึงหันไปจับตลาดระดับกลาง แต่แอลจีมองต่างมุมออกไป และยังดำเนินแผนการตลาดผลักดันโทรศัพท์มือถือระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง” ผู้บริหารแอลจี กล่าว
ขนทัพมือถือพรีเมียมลุยตลาด
การพัฒนามือถือของแอลจีได้เกิดขึ้นจากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคและสถานการณ์ตลาด โดยแอลจีพบว่าพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเน้นความสมเหตุสมผลเป็นที่ตั้ง และใช้เวลาพิจารณาไตร่ตรองก่อนซื้อมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้โทรศัพท์มือถือที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ โทรศัพท์มือถือระดับพรีเมียมในตระกูลเอนเตอร์เทนเมนต์โฟน คือ แอลจี อะรีน่า ที่มีฟังก์ชันมัลติมีเดีย ที่มาพร้อมเพลง วิดีโอ และกล้อง และน้องใหม่ในตระกูลเดียวกันอย่าง แอลจี วิวตี้ สมาร์ท ที่มีจุดเด่นที่กล้องดิจิตอลคุณภาพสูง 8 ล้านพิกเซล หน้าจอระบบสัมผัส และเทคโนโลยี 3D S-Class UI ลิขสิทธิ์เฉพาะของแอลจี ช่วยให้การรับส่งผ่านข้อมูล และการใช้งานมัลติมีเดียภายในเครื่องดีและรวดเร็วขึ้น
ตามมาด้วย แอลจี จีดี900 คริสตัล ในตระกูลดีไซน์โฟน โดยแอลจีได้นำเสนอเทคโนโลยีการออกแบบ ด้วยคีย์แพดโปร่งใส และสุดท้ายโทรศัพท์มือถือรุ่นแฟล็กชิปในตระกูลสมาร์ตโฟน คือ แอลจี จีเอ็ม730 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์ โมบาย เวอร์ชัน 6.1 ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบสนองการใช้งานที่สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น
จอห์น ปาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจโทรศัพท์มือถือแอลจี กล่าวว่า แอลจีจะเน้นพัฒนามือถือ 2 แพลตฟอร์มโอเอสเท่านั้น ได้แก่ ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ โมบาย และกูเกิล แอนดรอยด์ โดยมีแผนจะเปิดตัวมือถือสมาร์ตโฟนใหม่ที่มาพร้อมกับโอเอส แอนดรอยด์ 3 รุ่น ภายในปีหน้า รวมถึงการพัฒนามือถือที่รองรับโอเอส วินโดวส์ โมบาย เวอร์ชันใหม่ 6.5 ด้วย
ออนไลน์ เปลี่ยนเกมจุดขายใหม่
บริษัทยังมีแผนเปิดให้บริการดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆ หรือแอลจี แอพพลิเคชัน สโตร์ (LG Application Store) เพื่อช่วยให้สมาร์ตโฟนใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขณะนี้มีกว่า 1,000 แอพพลิเคชันให้บริการ ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดออนไลน์ อินเทอร์เน็ต ชนกับคู่แข่งคนสำคัญ เช่น แอปเปิล ไอโฟน (Apps Store) และโนเกีย โอวี (OVi)
รองประธานและหัวหน้าฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล่าวว่า แอลจีมีแผนพัฒนาบริการนี้ให้รองรับ 15 ภาษาในเอเชียแปซิฟิก โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้า ทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ผู้พัฒนาข้อมูลเนื้อหา ในการผลักดันบริการดังกล่าวออกสู่ตลาดมากขึ้น สำหรับในไทยคาดว่าจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ เพราะเมืองไทยมีอัตราการขยายตัวของมือถือสมาร์ตโฟนอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงมือถือรุ่นอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ แอลจีได้จัดแบ่งกลุ่มมือถือออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบันเทิง (Entertainment) กลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับการนำเสนอประสบการณ์ทางดนตรี การถ่ายรูป เกม และมัลติมีเดีย ภายใต้ตระกูล แอลจี อะรีน่า มือถือเน้นกล้อง หรือวิวตี้ สมาร์ท
กลุ่มเทคโนโลยี (Convergence) ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ของแอลจีประกอบไปด้วย โทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนอุปกรณ์เอ็มไอดี มินิโน้ต และเมสเซจจิง โฟน โดยในปีนี้แอลจีวางแผนเปิดตัวสมาร์ตโฟน อีกกว่า 10 รุ่น ด้วยเทคโนโลยีวินโดวส์ โมบาย และเอส-คลาส ยูไอ โทรศัพท์รุ่นแรกในกลุ่มนี้คือ แอลจี จีเอ็ม730 และแอลจียังมีแผนเปิดตัว แอลจี จีดับเบิลยู550 ที่มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีการประชุมออนไลน์สำหรับกลุ่มนักธุรกิจเป็นหลัก โดยจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังปีนี้
กลุ่มสไตล์ (Style) เป็นมือถือที่เน้นการออกแบบที่โดดเด่น ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะมุ่งเจาะไปที่กลุ่มผู้ที่สนใจในแฟชั่น และเชื่อว่าโทรศัพท์สามารถสะท้อนบุคลิกผู้ใช้ เช่น ปราดา โฟน บาย แอลจี และ ปราดา ลิงก์ และล่าสุดแอลจีได้เปิดตัวโทรศัพท์ดีไซน์โปร่งใสเครื่องแรกของโลกในชื่อรุ่นแอลจี คริสตัล นอกจากนี้ยังมีการพัฒนานาฬิกามือถือ 3จี รุ่นแอลจี จีดี910 เพื่อสร้างกระแสแฟชั่น
สุดท้าย กลุ่มใช้งานง่าย (Simple Connect) โทรศัพท์มือถือกลุ่มนี้ได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการในการส่งข้อความเสียงและตัวอักษร ซึ่งได้รับความนิยมมากในหลายๆ พื้นที่ของภูมิภาคเอเชีย
เตรียมคลอดมือถือ 4จี สร้างยอด
รองประธานและหัวหน้าฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังกล่าวถึงแผนการพัฒนาโทรศัพท์มือถือ 4จี หรือ Long Term Evolution (LTE) ซึ่งถือเป็นระบบโทรศัพท์ยุคหน้า ที่มาพร้อมกับความสามารถในการรับส่งข้อมูลรวดเร็วขึ้นกว่า 3จี ถึง 10 เท่านั้น ขณะนี้แอลจีได้พัฒนาชิปเซต เพื่อผลิตมือถือไว้แล้ว และเตรียมพร้อมจะเปิดตัวมือถือ 4จี ได้ในช่วงกลางปีหน้า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการมือถือแต่ละประเทศที่พร้อมจะเปิดให้บริการด้วย
“มือถือ 4จี ก็ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้แอลจีก้าวไปสู่การเป็นเบอร์ 2 ของตลาดมือถือโลกภายในปี 2555 ตามเป้าหมายด้วย” ชอย กล่าว
สำหรับในประเทศไทย แอลจีตั้งเป้าทำยอดขายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากปัจจุบัน 5% เป็น 10% จากยอดมือถือรวมปีนี้ โดยจะเน้นเจาะไปที่ 3 กลุ่ม ตลาดหลัก ได้แก่ กลุ่มระดับบน กลาง และล่าง ซึ่ง 2 กลุ่มหลังจะเป็นตัวสร้างส่วนแบ่งตลาดให้ แอลจีได้มาก โดยจะมีงบการตลาดกว่า 250 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ได้ 23% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นเบอร์ 2 ของตลาดไทย
นอกจากการพัฒนามือถือรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดแล้ว แอลจียังเน้นสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการนำเสนอความเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์ และคำวิจารณ์ต่างๆ บนสื่อออนไลน์ ผ่านกลุ่มผู้เขียนบันทึกออนไลน์ หรือบล็อกเกอร์ เพื่อหาเสียงตอบรับจากผู้ใช้งาน
อีกทั้งยังเป็นกลยุทธ์การตลาดรูปแบบหนึ่งที่บริษัทต้องการจะสร้างการรับรู้แบรนด์มือถือแอลจี และมียอดขายมากขึ้น เพื่อทดแทนกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งตลาดมีแนวโน้มอิ่มตัว