Page 1 of 2 12 LastLast
Results 1 to 10 of 14

Thread: ห้ามฆ่า แต่ ทำไมไม่ห้ามกิน ?

  1. #1
    Senior Member
    Join Date
    Oct 2007
    Location
    South
    Posts
    106


    Thumbs up

    ปัญหาเกี่ยวกับศีลข้อที่ ๑ ยังมีให้สงสัยอีกประเด็นหนึ่ง นั่นก็คือปัญหาเรื่องการกินเนื้อสัตว์บางคน คงคิดว่า ในเมื่อพระพุทธเจ้าทรงห้ามฆ่าสัตว์แล้ว ทำไมจึงไม่ทรงห้ามการกินเนื้อสัตว์เสียด้วยจะมิเข้าทำนองที่ว่า ปากว่าตาขยิบรึ ?ปัญหาตรงนี้น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในกลุ่มของพวกที่ทานเนื้อ กับพวกทานมังสวิรัติ มักจะมีปัญหาโต้แย้งกันอยู่เสมอ

    เรา ลองมาทำใจให้เป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วฟังเหตุผลดูซิว่า ทำไมห้ามฆ่า จึงไม่ห้ามกิน ?ผู้ที่จะให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือ อดีตอนุศาสนาจารย์ แห่งกองทัพบก

    “พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ ” ท่านให้เหตุผลไว้อย่างนี้ครับการที่พระพุทธเจ้าห้ามฆ่า แต่ไม่ห้ามกินนั้น เพราะการกระทำทั้ง ๒ อย่าง มีเหตุ และ ผลไม่เหมือนกัน การฆ่านั้นจิตของผู้ฆ่าจะต้องตกอยู่ในอำนาจของกิเลส อย่างหนึ่งอย่างใด ถ้าไม่โลภก็โกรธ ไม่โกรธก็หลง จึงจะฆ่าได้ ถ้าจิตเป็นอิสระแก่ตัว คือไม่มีอาการดังกล่าวครอบงำ คนเราจะไม่ฆ่าสัตว์ การฆ่าทุกครั้ง จะต้องกระทำในขณะจิตผิดปกติ เสมอ ฉะนั้นการฆ่าแต่ละครั้งจึงมีผล ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตของผู้ฆ่า หมายความว่า การฆ่าทำให้จิตทรุดต่ำลงทุกครั้ง จะแคล้วคลาดไปไม่ได้เลยเพราะฉะนั้น ท่านจึงห้ามฆ่า

    ทีนี้การกินไม่เป็นอย่างนั้น จิตไม่ต้องโลภ ไม่ต้องโกรธ และไม่ต้องหลง ก็กินได้ และเนื้อสัตว์ที่ปราศจากชีวิตแล้ว เขาแล่มาขาย จำหน่ายจ่ายแจกกันมาเป็นทอดๆ ย่อมมีสภาพเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งจะทิ้งก็เน่าจะกิน ก็อิ่ม ไม่มีเชื้อบาปเชื้อกรรมติดอยู่ในเนื้อนั้นเลย พระพุทธองค์ จึงไม่ทรงห้ามการกินเนื้อสัตว์ ชัดเจนใช่ไหมครับ สำหรับคำชี้แจงเรื่อง

    “ ห้ามฆ่า แต่ ทำไมไม่ห้ามกิน ? ”

    ที่มา : teenee.com
    เมื่อไม่เรียน..ใยเล่า..เจ้าจะรู้
    เมื่อไม่ดู..ใยเล่า..เจ้าจะเห็น
    เมื่อไม่ทำ..ใยเล่า..เจ้าจะเป็น
    ก็ยากเข็ญ..ขัดสน..จนปัญญา

  2. #2
    Member
    Join Date
    Mar 2008
    Location
    Gifted Computer S.W.K ChiangRai
    Posts
    30


    แต่ผมเคยได้ยินมาว่า ถ้าไม่มีคนกินแล้ว ก็ไม่มีคนฆ่า

    เพราะว่า ไม่มีคนกิน แล้วเขาจะฆ่าทำไม ครับ .... เนื้อล้นตลาดแน่ๆ ครับ
    I'm Gifted Computer SWK.

  3. #3
    Junior Member
    Join Date
    Feb 2009
    Posts
    2


    สัตว์ทุกชนิดเกิดมามีกรรมคับ

    เป็นวัฐจักร เป็นวงกรรมไม่สิ้นสุดคับ

    อย่างเมื่อชาติก่อนเป็นคนฆ่าหมู

    ฆ่าหมูมากมาย

    ชาติต่อไป ก็ต้องเกิดเป็นหมูให้เขาฆ่า ไม่รู้ตั้งกี่ชาติ กว่าจะหมดกรรมนั้น

    แล้วคนที่ฆ่าหมูนั้น ก็มาจากจิตที่ยึดติด แหละคับ สนุกในการฆ่า ติดกับรสชาติเนื้อหมูคับ

    เพราะฉะนั้นก็เป็นวังวนไม่สิ้นสุดคับ

    แต่ถ้าถามว่า แล้วคนที่จำเป็นต้องฆ่านี่ก็ต้องลงนรกไหม

    ผมว่าอยู่ที่จิตคับ ถ้าเจตนาไม่อยากทำ กรรมก็เบาลงคับ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นกรรมอยู่ดี

    ต้องทำกรรมดีควบคู่ไปด้วยคับ ถึงจะพ้นนรก พ้นวงกรรมไปได้

  4. #4


    ผมว่ามันขึ้นอยู่กับแรงจูงใจที่ทำครับ ถ้าท่านฆ่าสัตว์ด้วยความสนุกสนานหรือเพื่อความเพลิดเพลิน แบบนี้ผมว่าผิดครับ แต่ถ้าท่านฆ่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร หรือเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ผมว่าทำได้ครับ พระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอาหารแก่เราตามแต่เราเห็นสมควรดังนั้นการฆ่าสัตว์ไม่ผิดครับ ไม่บาปด้วย แต่จะบาปถ้าแรงจูงใจท่านเป็นอย่างที่ผมว่า

    อ้อแล้วอยากจะบอกว่าบาปอยู่ส่วนบาปครับทำดีลบล้างบาปไม่ได้ครับ ทำบาปท่านต้องรับผล ส่วนทำดีก็ดีไปความดีไม่ได้ลบล้างความบาปที่ท่านทำ ยกตัวอย่าง

    ท่านไปฆ่าคนมา 10 คน แล้วตำรวจตามจับท่าน ปรากฎว่าท่านอยากพยายามทำแต่สิ่งดีต่างๆนามากมาย วันหนึ่งตำรวจไปจับท่านและมีหลักฐานว่าท่านฆ่าคนตาย ท่านจะอ้างว่าผมก็ทำดีไปมากมายยกโทษให้ผมเถอะ ถามว่าตำรวจจะยกโทษให้ไหม ผมตอบให้เลยว่าไม่ ตำรวจต้องจับท่านแน่นอน นั่นแหละคือผลแห่งการกระทำที่ต้องรับ ส่วนสิ่งดีที่ท่านทำมันก็ดีแก่ตัวท่านครับ ถ้าท่านไม่ทำบาปความดีก็ช่วยท่านได้แต่ถ้าท่านทำบาปท่านต้องรับผลครับ
    [color=#9999FF] By Bird Programmer
    Electronics_Software_Engineer[/color]

  5. #5
    Junior Member
    Join Date
    Jun 2009
    Posts
    15


    เรื่องกินเจไม่กินเจเคยทะเลาะกันจนพระสงฆ์แตกเป็นสองฝ่าย เพราะพระเทวทัตยกขึ้นมาเป็นข้อต่อรองกับพระพุทธเจ้าให้พระกินเจ แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าพระจะกินอะไรก็ตาม ให้กินง่ายที่สุด เพราะชีวิตพระขึ้นอยู่กับชาวบ้าน เดี๋ยวอด โยมตื่นแต่ตีสี่ทำข้าวปลาอาหารมาเป็นอย่างดี ทำต้มยำกุ้งมาถวาย พระบอกว่าโยม อาตมาไม่ฉันกุ้ง โยมเสียหน้ากลับไป บอกขนาดสามียังไม่ทำให้เลย
    พระำุทธเจ้ามองเห็นปัญหานี้จึงบอกว่า อย่าไปติดว่าเจหรือไม่เจ แค่มองว่าเป็นอาหารก็พอแล้ว ส่วนเน้าที่ฉันได้ไม่ได้ให้ดูว่า
    1. ถ้าเขาฆ่าเพื่อให้พระฉันโดยเฉพาะ อนนี้ฉันไม่ได้
    2. สัตว์ที่ยังมีชีวิตที่พระเห็นอยู่เฉพาะหน้า แต่พอเวลาถัดมานำมาให้พระฉันแล้ว ก็ฉันไม่ได้
    3. ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะได้ฉันเนื้อสัตว์ ก็ฉันไม่ได้

  6. #6


    ผมเคยยืนอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ( แต่ไม่ได้ซื้อแฮะ )

    พูดถึงหวัข้อประมาณว่า ทำไมถึง ไม่ห้ามพระภิกษุฉันเนื้อสัตว์

    ในเล่มนั้น กล่าวว่า พระภิกษุต้องเป็นผู้อยู่ง่าย ไม่เลือกไม่เรื่องมาก

    โยมใส่บาตรมา ก็ไม่ควรจะเลือกว่าต้องการสิ่งไหน ไม่ต้องการสิ่งไหน

    จึงให้ฉันเนื้อสัตว์ได้ แต่ ณ ขณะที่ฉัน ต้องไม่มีความรู้สึกติดใจในรสชาติของเนื้อสัตว์นั้นๆ


    ผิดพลาดประกาณใด ขออภัยด้วยนะครับ หนังสือนั้นไม่ได้ซื้อมา จึงพอจับใจความได้ประมาณนี้ครับ

  7. #7
    Junior Member
    Join Date
    Feb 2008
    Posts
    15


    ใช่ครับ ปรัชญาพุทธ มองตัวผู้ปฏิบัติ ความคิด ความอยากของผู้ปฏิบัติ มากกว่าผลลัพธ์


    ตีความจาก ศีลสำหรับพระภิกษุ 227 ข้อแล้ว [ผมตีความเองอย่าเชื่อมาก ฮ่าๆๆๆ ]
    ความหมายของศีลนี้คือ ใครให้อะไรมา ก็รับไว้ ห้ามบ่นห้ามขอเพิ่ม[ห้ามในที่นี้บอกให้ผู้ปฏิบัติปลง อย่าไปยึดติด]
    แต่ยังสงสัยอีกอย่างคือ ถ้าไม่ยึดติดแล้ว ทำไมต้องสำรวม [กลัวคนไม่นับถือมั้ง]

  8. #8
    Junior Member
    Join Date
    Jun 2009
    Posts
    3


    ผมถือคติคิดส่วนตัวผมเองนะครับ ว่า

    ของที่เรากิน แทบจะทุกอย่างมันเคยมีชีวิตทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมชาติครับ

    หมูกับวัว 1ชีวิตเท่ากัน

    ผัก มี 1 ชีวิต แถมทำร้ายมันไม่ตายอีก หรือว่ามันไม่ร้อง พูดไม่ได้ เลยไม่รู้สึกถึงความมีชีวิต ?

    ต้นไม้มันก็รักตัวมันเองนะครับ มันก็อยากมีชีวิต แถมอยากมีชีวิตที่ดีด้วย เช่น ทำไมต้นไม้จึงต้องพยายามเอนลำต้นเพื่อหาแสงแดด ?

    ไม่ว่าใครก็รักชีวิตด้วยกันทั้งนั้น แต่หากว่าจะกินแล้วก็กินไปเหอะครับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ชีวิตไม่เที่ยง ครับ ซักวันเราก็ต้องอาจไปให้สัตว์หรือต้นไม้กินเราเหมือนกันเมื่อเราตาย (แต่ถ้าเผาก็อดกันหมด)

  9. #9


    นั้นก็เป็น ห่วงโซ อาหารตั้งแต่ โลกเกิด มาแล้วนะครับ

    การที่พระพุทธเจ้าได้สั่งห้ามกินเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้ ห้ามว่ากินเนื้อทุกชนิด

    ก็ มีแต่ ห้ามกินเนื้อ ม้า งู และอื่นๆ ซึ่งผมก็ จำได้เพียงแค่นี้

  10. #10
    Junior Member
    Join Date
    Sep 2009
    Posts
    11


    ที่พระพุทะเจ้าไม่ห้ามฆ่าสัตว์เพราะ สัจธรรม เป็นสิ่งที่ไม่อาจเฟื่อน เหมือน นิพพานที่เฟื่อนได้ เพราะทุกสิ่งย้อมเกิดขึ้นดำรงอยู่และดับไป
    สัตว์ทั้งหลายนั้นที่มนุษยืทำร้ายเพราะ ธรรมชาติของมนุษย์ มันเป้นเพราะโลกบังคับ จะอธิบายง่ายๆว่า การจะห้ามคนไม่ให้ฆ่าสัตวืนั้น เราต้องห้าม
    ให้ธรรมชาติไม่ให้มีสิ่งมีชีวิตหรือคือห้ามการเกิด ดับนั้นเอง
    ผมนะเชื่อว่าทุกคนในธรรมหรือทุกสรรพสิ่งจะเข้าถึงนิพพานได้เพราะกรรมคือพลังจากสัจธรรม ไม่ว่าจะทำชั่วมาทั้งชีวิตหรือทำดีมาทั้งชีวิตจะมีเหตุคล้ายต่างกันที่คนทำดีทั้งชีวิตจะเข้าถึงนิพพานได้มากกว่าคนที่ทำชัว่มาทั้งชีวิต
    เพราะใจคนเรานั้นเป็นเหมือน เวลาที่ไม่เที่ยง และเร็วกว่าทุกสรรพสิ่งเราอาจจะไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เร้วกว่าแสงนับล้านๆๆๆๆๆๆเท่าคือจิต
    เพราะงั่นหากเราสามารถตัดวัฏฏะสงสารได้คือ ตัวเราเองที่จะกำหนดเหตุและผลหากไม่เข้าโปรดพิจารราว่าเรายังหายใจอยู่หรือไม่หากยังหายใจอยุ่แสดงว่าคุณได้เข้าใจในสิ่งที่ผมพุดแล้ว
    ขอโทานะครับที่นอกเรื่องเพราะสิ่งที่คิดอาจไม่ใช่เป้นจริงแต่สิ่งที่จริงคือนิพพานรออยู่หากคุณหายใจเข้าคุณจะสัมผัสมันเพราะมันอยู่ในรุ้จิตที่ว่างนั้นแล อสัจธรรม ผมไม่ใช่เขียนผิดแต่นี้คือความจริง

Page 1 of 2 12 LastLast

Members who have read this thread : 0

Actions : (View-Readers)

There are no names to display.

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •