Page 2 of 3 FirstFirst 123 LastLast
Results 11 to 20 of 29

Thread: ทำไมผมถึงเกิดมาโง่ขนาดนี้ครับ...

  1. #11
    Junior Member
    Join Date
    Feb 2007
    Posts
    5


    ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนขี้เกียดนะครับ
    1.คุณลองเริ่มหาโปรแกรมง่ายๆ ที่เคยเขียนมาแล้วก็ได้
    2.ให้คุณลองวาดรูปวิธีการทำงานขอโปรแกรมนั้น ไม่ต้องวาดให้ถูกหลักอะไรก็ได้ครับ
    3.ให้คุณลองเขียนโปรแกรมตามรูปที่คุณได้วาดไว้ โดยเขียนลงบนกระดาษนะครับ ค่อยๆเขียน
    4.ลอง check โปรแกรมของคุณดีๆสัก 2 รอบ แล้วลอง เขียนจริงใน computer
    5.
    5.1.ถ้าถูกหมดแสดงว่าอะไรๆ มันก็ไม่แย่อย่างที่คุณคิดหรอก
    5.2.ถ้ามีที่ผิดให้ลองดูว่ามันผิดที่รูปที่เราวาดหรือไม่ ถ้าใช่ก็ไม่ได้บอกว่าคุณผิด
    แค่บอกได้ว่าวิธีคิดของคุณ อาจจะไม่รอบคอบพอใหห้ลองทำซ้ำตั้งแต่ข้อ 2 ใหม่
    5.3.ถ้าเป็นที่การโปรแกรมผิด แสดงว่าคุณอาจเขียนโปรแกรมไม่ตรงตามรูปแบบการทำงานที่วาดไว้ก็ได้
    6.ลองหาปัญหาที่ยากขึ้นเพื่อพัฒนาตนเองดู

    ปล.การเขียนจะทำให้คุณสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุดนะครับ อันนี้ผมลองกับตัวเองแล้วครับใช้ได้จริงๆ
    มีการวิจัยมาแล้วว่า ความเร็วที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ของคนๆหนึ่ง จะ เท่ากับ ความเร็วในการเขียนหนังสือของคนๆนั้น ลองดูครับ สู้ๆ

  2. #12
    Junior Member
    Join Date
    Jan 2007
    Posts
    1


    มันไม่ได้อยู่ที่ความโง่ครับถ้าคุณอ่านหนังสือบ่อย ๆ ก็จะเรียนรู้ได้เองหรือถ้าคุณไม่เข้าใจตรงไหนก็สามารถถามได้ในเว็บนี้อะครับหรือว่าในทาง MSN ก็ได้นะครับ เท่านี้คุณก็สามารถเรียนรู้และเข้าใจด้วยตนเองได้แล้วครับ :P

  3. #13
    Junior Member
    Join Date
    Oct 2006
    Posts
    5


    ผมว่าถ้าคุรเขียน php ได้ (รัน code เองนะ) เพราะ php มันได้รับอิทธิพลมาจากภาษา c ศึกษาอีกหน่อยก็น่าจะเข้าใจ แต่อย่าศึกษาเรื่อง pointer เพราะมันยากสุดๆๆๆๆ

  4. #14
    Senior Member
    Join Date
    Jul 2007
    Location
    Bangkok
    Posts
    271


    ภาษาแรกในชีวิตของเราก็ภาษา c ค่ะ
    ตอนแรกเราก็เหมือนคุณเลยคืออ่านๆๆๆ
    แต่ไม่รู้จะอาไปใช้ยังไง
    ประมาณว่า
    เวลาอ่านก็เข้าใจนะแต่เอาไปใช้ไม่ได้
    วิธีแก้ของเราก็คือ หัดเขียนค่ะ
    มันจะมีหนังสือของคุณประภากร ช่างไม้ เค้าจะมีโจทย์ให้ทำด้วย
    เล่มนั้นอ่านง่ายมากๆค่ะ ลองไปหาอ่านดูน้า

  5. #15
    Junior Member
    Join Date
    Jun 2007
    Posts
    3


    ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ครับ คิดในทางบวก จะช่วยให้เรามีกำลังใจในการเรียนรู้
    การเรียนรู้อะไรสักอย่างมันต้องใช้ความอดทนพร้อมกับความพยายามครับ
    ส่วนตัวผมจะใช้วิธีรับงานนอกมาทำครับ ได้ความรู้ด้วยได้เงินด้วย
    1.โจทย์ก็มีคนตั้งให้ เป็นแกนบังคับ ทำให้ใช้ความพยายามมากขึ้น
    2.มีกำลังใจ ได้เงิน

  6. #16
    Junior Member
    Join Date
    Aug 2007
    Posts
    10


    การจะเขียนโปรแกรมให้เก่งก็ต้องอาศับประสบการณ์เหมือนกันนะครับ
    พยายามต่อไปนะครับ

    ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ลองอ่านบทความนี้ดูครับ
    การเรียนภาษาโปรแกรมใหม่
    b = bit
    B = byte
    m = Milli
    K = Kilo
    M = Mega

    Mb = Mega Bit(s)
    MB = Mega Byte(s)

    8 bits = 1 Byte
    1024 Bytes = 1 KB
    1024 KB = 1 MB
    1024 MB = 1 GB
    1024 GB = 1 TB

  7. #17
    Junior Member
    Join Date
    Mar 2007
    Posts
    12


    Talking

    คิดว่าเจ้าของกระทู้น่าจะมีความรู้เพียงพอที่จะเขียนแล้วล่ะค่ะ เพียงแต่ขาดประสบการณ์
    สำหรับเรา เราเขียนมาหลายภาษาทั้ง java, vb, php, C/C++, python เอาเป็นว่าเยอะง่ะ เพราะทำหลายโปรเจ็ก ซึ่งถ้าให้จำคำสั่งของทุกภาษา ยอมรับเลยว่าเราทำไม่ได้ ทุกครั้งที่จะเขียนต้องเปิดหนังสือ ดูตัวอย่างโค้ด เปิด api แล้วลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ
    แนะนำว่าลองตั้งโจทย์ให้ตัวเองซักข้อ แล้วลองพยายามทำให้ได้ (เปิดหนังสือดูก้อได้) สังเกตุ structure ของมันดี ๆ และที่สำคัญต้องมีความพยายามจ้า

  8. #18
    Junior Member
    Join Date
    Jul 2007
    Posts
    2


    ไม่ได้โง่หรอกค่ะ เริ่มต้นก็อย่างนี้กันทุกคน

    ทุกวันนี้เรายังcompileไม่ค่อยผ่านอยู่เลย แต่ก็ค่อยเดิน เดี๋ยวก็ได้จ้ะ

  9. #19
    Junior Member
    Join Date
    Aug 2007
    Posts
    6


    ขออณุญาติแนะนำนะครับ ก่อนอื่นผมแนะนำว่าควรจะดูก่อนว่าตัวเอง ถนัดด้านไหน โดย ผมแบ่งเป็น อัลกอลิทึ่ม และ Fundamental

    นึกหมั่นใส้อย่าง "ตั๊น" หน้าผมไหมครับ...

    งั้น "ตั๊น" เลยหนึ่งที....

    แต่ก่อนจะตั๊น... นึกก่อนครับว่า คุณจะต้องขยับแขนขยับตัวเป็นลำดับอย่างไร จึงจะตั๊นหน้าผมได้ และถ้าคุณกับผมอยู่คนละที่กัน คุณก็ต้องเดินทางมาตั๊นหน้าผมใช่ไหมครับ...

    การเขียนโปรแกรมก็เหมือนกัน สิ่งที่เราต้องรู้ ต้องแกะออกมาจากกระบวนการ ที่เราออกแบบเพื่อใช้แก้ไขปัญหาก็คือ กระบวนการนั้นๆ จะต้องมีลำดับย่อยของคำสั่งของมันก่อนหลังอย่างไร และอีกอย่าง จะต้องรู้ว่า ในภาษาคอมพิวเตอร์ที่จะใช้เป็นสื่อในการบรรยาย กระบวนการนั้น มีข้อกำหนดทางโครงสร้างภาษา (language construct) อย่างไร มี รายละเอียด ทางคำสั่งอย่างไร สามารถเลือกใช้ หรือออกแบบได้ในกระบวนการใด ฯลฯ

    สรุป สององค์ประกอบที่ต้องรู้ หนึ่งสามารถสร้างอัลกอริทึมที่เหมาะสมได้ และสอง รู้ภาษาที่จะนำมาใช้เป็นสื่อในการอธิบายอัลกอริทึุมได้
    การที่จะได้สองสิ่งนี้มาอย่างเร็วที่สุด อย่างแรก เลย ศึกษาภาษาที่เราจะนำมาใช้เป็นสื่อกลาง โดยมุ่งเป้าไม่ใช่แค่รู้ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง แต่ต้องรู้ว่าฟังก์ชันที่มีให้ และโครงสร้างภาษานั้นๆ แต่ละส่วน มีไว้เพื่อการใด และเหมาะที่จะใช้กับอะไร ส่วนนี้สามารถทำให้รู้ได้โดยการศึกษาจาก หนังสือที่สอนภาษานั้นๆ โดยเน้นที่องค์ประกอบของภาษาเป็นหลัก แล้วมีตัวอย่างเป็นรองเพื่ออธิบายองค์ประกอบทางภาษา ไม่ใช่หนังสือที่มีตัวอย่างเป็นหลัก แล้วค่อยมาอธิบายการทำงานของโปรแกรมตัวอย่างเป็นรอง (เห็นขายกันเกลื่อนเมือง เึคยเห็นคนเขียนหนังสือโปรแกรมมิง สอบไม่ผ่านโครงงานวิศวกรรมที่ทำเรื่องที่ตนเขียนในหนังสือของตนเองไหมล่ะครับ)

    การที่จะได้ประเด็นแรกคือความถนัดทางภาษา นั่นคือ เราต้องสร้างทักษะ ทางภาษา ด้วยการทดลองแก้ปัญหาง่ายๆ เด็กๆ ที่เจาะการประยุกต์ใช้ขององค์ย่อยทางโครงสร้างทางภาษาเฉพาะด้านไปทีละองค์ประกอบย่อย เริ่มด้วยการทำแบบฝึกหัดท้ายบทนั้นๆ เพื่อให้ได้ทักษะในการประยุกต์ใช้ในแต่ละด้าน แต่อย่าเพียงแค่ท่องจำวิธีการแก้เท่าที่มีปรากฏ ลองคิดประมวลดูว่า องค์ย่อยทางภาษาที่กำลังทดลองประยุกต์อยู่นั้้น น่าจะมีหนทางในการ ประยุกต์ใช้ด้านอื่นอีกหรือไม่ ถ้าพบว่ามี ก็ควรจะเขียนโปรแกรมทดสอบแนวคิดนั้นๆ ต่อไปอีกด้วย

    เมื่อได้ทักษะทางภาษานั้นๆ มาแล้ว เราจะได้พื้ืนฐานที่ดีเพื่อนำมาฝึกประเด็นถัดไป นั่นคือ การแก้ไขปัญหา โดยอาศัยภาษาที่เรียนมาเป็นสื่อกลาง การจะได้สิ่งนี้มาอย่างเร็ว เราจะเริ่มจากมาศึกษาอัลกอริทึมมาตรฐานที่ชาวบ้านเขาคิดกันไว้แล้ว ลองนั่งพิจารณาดูว่า ทำไมจึงออกแบบมาเป็นเช่นนั้น แล้วอาศัยทักษะทางภาษาที่ได้มานั้นแหละ ในการทำความเข้าใจในตัวอย่างที่เขาประยุกต์มา และเมื่อเราเข้าใจอัลกอริทึม มีทักษะทางภาษาดี เราก็สามารถที่จะปรับประยุกต์ อัลกอริทึมดังกล่าวไปในปัญหาอื่นๆ ที่คล้ายคลังกันได้ และเมื่อเข้าใจถึงรากฐานของการออกแบบอัลกอริทึมด้านนั้นๆ แล้ว ก็จะเริ่มสามารถที่มองลึกลงไปถึงรากฐานของการออกแบบอัลกอริทึมที่แก้ไขปัญหา ที่ไม่เกี่ยวข้องกันได้ง่ายขึ้น นี่เป็นการสร้างทักษะทางด้านการแก้ไขปัญหา และการนำเสนอวิธีการ กระบวนการแก้ไขปัญหาในรูปของอัลกอริทึม เมื่อเราได้ทักษะนี้มา เราก็จะสามารถมองเห็นปัญหา และสามารถคิดแนวทาง หรือกระบวนการแก้ไขปัญหานั้นออกมาได้ และจาก
    กระบวนการใดๆ ก็สามารถนำเสนอกระบวนการนั้นๆ ด้วยภาษาที่เรามีทักษะเป็นพื้นฐานได้เช่นกัน

    ต่อจากนั้น เราต้องเข้าใจว่า โลกนี้มิได้มีภาษาเดียว คอมพิวเตอร์ไม่ได้มีสภาพแวดล้อมเดียว ไม่ได้มีภาษาเดียว เราสามารถที่จะเรียนรู้เพื่อเอาทักษะในภาษาใหม่ๆ (โดยยึดหลักย้ือนกลับไปในการศึกษาเพื่อเอาทักษะของภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาแรก) จากนั้นเมื่อได้ทักษะทางภาษาอันใหม่มาแล้ว เราก็จะสามารถนำเอาอัลกอริทึมที่เคยออกแบบไว้้แล้วกับภาษาหนึ่ง มาใช้กับอีกภาษาได้ทันที

    แต่แค่นี้ไม่พอครับเพื่อให้เกิดทักษะการเขียนโปรแกรม ...เพื่อแก้ไขปัญหา... จริงๆจะต้องค้นหาโจทย์ที่หลากหลาย โจทย์ที่อาจารย์ไม่ต้องมากำหนดให้ และทำการออกแบบอัลกอริทึมเพื่อแก้ไขปัญหา (ซึ่งอาจจะอาศัยหลักการพื้นฐานที่ได้มาจากวิชา นำมาประยุกต์) กอรป กันความรู้พื้นฐานทางภาษา เพื่อสร้างโปรแกรมขึ้นมาตามต้องการ

    ....เอาล่ะ ซึ้งหรือยังครับ ...อย่ามัวแต่นั่งซึ้ง... หยิบจักรยานขึ้นมาหัดปั่นได้แล้วครับ... 8-)

  10. #20


    ผมหัดใช้ภาษา C ได้ประมาณ ปีนึงแล้วครับ แต่ผมยังไม่เข้าใจหลักการของมันเลย ผมอ่านหนังสือ ทุกเล่นที่เป็นภาษา C อ่านบทความจากเว็บไซท์ที่เขียนเกี่ยวกับภาษา C แต่ผมเข้าใจน้อยมาก ผมไม่สามารถประยุคต์ใช้งานภาษา C ได้เลย เวลาหัดเขียนที่ก็ต้องดูหนังสือประกอบ(เป็นประจำ) ผมจำแม้กระทั่งคำสั่งง่าย ๆ ไม่ได้ ก่อนที่ผมจะมาหัดเขียนภาษา C ผมชอบเขียนเว็บเพจมาก่อน (พวก HTML กับ PHP) ซึ่งก็ทำได้ไม่ค่อยดีอีก ภาษา PHP ผมเรียนรู้ได้นานมาก กว่าจะเข้าใจโครงสร้างของมัน แต่ผมก็ยังประยุคต์ใช้งานจริง ๆ ไม่ได้ ผมควรจะทำยังไงดีครับเนี่ย เกิดมาโง่อ่ะ ???
    [/b]
    เหมือนผมจังเลยอ่าส์ครับ....ตอนนี้ผมก็เรียนซี พลัส พลัส อยู่เรียนมานานระหละครับ แต่เขียนอะไรมากกว่า if else switch case ไม่ได้สักที
    ทั้งที่มีหนังสืออยู่มากมายให้อ่าน เป็นกำลังใจให้ครับ
    [right][font=Impact][size=3].............คนเราดำรงชีวิตบนโลกอยู่สองอย่าง อย่างหนึ่งราวกับว่าไม่มีอะไรโลกนี้น่าอัศจรรย์เลย
    อีกอย่างหนึ่งราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ...............[/size][/font]
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์[/right]

    [center][url=http://takaruchung.spaces.live.com]My ||<==[To]-{Wa}-<Eng>-(Hong)==> || Spaces[/url][/center]

Page 2 of 3 FirstFirst 123 LastLast

Members who have read this thread : 0

Actions : (View-Readers)

There are no names to display.

Members who have read this thread: 0

There are no members to list at the moment.

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •