เมื่อคืนนี้ฟังข่าวเรื่องการทดลองนี้มาฟังดูแล้วก็งงๆว่าทำอะไรกัน ทำไมมันยิ่งใหญ่มหาสารขนาดนี้ทำไปทำไม
ก็เสียเวลาไปดูสารคดีใน Youtube มาสรุปสิ่งที่ได้ทราบมานั้น มันยิ่งใหญ่มาก
เป็นสิ่งที่หาทำสำเร็จจะเกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของมนุษย์ก้าวใหญ่ๆเลยก็ว่าได้
ดังนั้นเลยอยากเอามาเผยแพร่ให้เพื่อนๆ CITEC ได้รับรู้กัน
-LHC ย่อมาจากอะไร
Large Hadron Collider เป็นโครงการทดลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการศึกษาเกี่ยวกับการหาที่มาของต้นกำเนิดจักรวาล
- Hadron คืืออะไร
มันคือ สถานะของพันธะชนิดหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวอนุภาค quarks เข้าไว้ด้วยกันซึ่งแรงที่ยึดนี้เป็นแรงแบบ strong nuclear force คล้ายคลึงกับแรง electromagnetic ที่ทำการยึดเหนี่ยว Atom ไว้นั้นเอง
อนุภาคhadrons ที่รู้จักกันดีก็ประกอบด้วย protons และ neutrons
-ขอคำนิยามสั้นๆของเป้าหมายการทดลองนี้
LHC เป็นเครื่องเร่งอนุภาค จุดประสงค์ก็เหมือนเครื่องเร่งอนุภาคอื่นๆ ที่ CERN และ LAB อื่นๆ ทั่วโลก คือ เอาไว้ศึกษา Particle Physics/ High Energy Physics ที่ต้องสร้างเครื่องใหม่ก็เพื่อจะเพิ่มขีดความสามารถให้เร่งอนุภาคได้พลังงานสูงขึ้น
ตามทฤษฏีทางฟิสิกส์อนุภาค ได้ทำนายอนุภาคชนิดใหม่ๆ หรือพฤติกรรมใหม่ๆ ของอนุภาคและแรง ในระดับพลังงานสูงๆ
LHC ก็เอาไว้ทำการทดลองเพื่อทดสอบทฤษฏีพวกนี้
-ทดลองแล้วมีโอกาสเสี่ยงเกิดปัญหาหลุ่มดำไหม
หลุมดำที่ว่าอาจจะเกิด เรียกว่า Primordial Black Hole
เป็นหลุมดำขนาดจิ๋ว ที่ไม่เสถียร จะสลายตัวไปในทันทีที่เกิดขึ้นมา
และตามทฤษฏีจริงๆ ระดับพลังงานของ LHC ก็แค่ใกล้เคียงระดับที่จะเกิด Primordial BH เท่านั้น (คือเป็นไปได้ว่าจะเกิด)
PBH (หลุมดำจิ๋ว) ตามทฤษฏี Hawking Radiation คำนวนไว้ว่าหลุมดำมีการแผ่รังสีออกมา ยิ่งหลุมดำมวลน้อยๆ ยิ่งแผ่รังสีออกมามาก
แผ่ออกมามาก ก็หมายถึงมันสลายตัวไปเร็วไม่เกิดหลุมดำที่เสถียร
- ในวงการวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องน่าสนใจมาก แต่ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วๆเขาควรจะตื่นตัวกับการทดลองนี้ไหม ? มันสำเร็จหรือไม่มันส่งผลยังไงกับเขา?
ทดลองเพื่อทดสอบให้รู้ว่า ทฤษฏีมันถูกต้องหรือเปล่า
ถ้าผิด ก็จะได้ล้มทฤษฏีเดิม หาทฤษฏีใหม่ ถ้าถูก ก็พัฒนากันต่อไป จะออกมาทางไหนก็ไม่เรียกว่า fail
ทุกผลการทดลองหรือคิดค้นสิ่งใหม่ๆของนักวิทยาศาสตร์นั้นส่งผลต่อการดำรงค์ชีวิตของคนเราทั้งนั้น
แต่ว่าจะรู้หรือไม่นั้นก็อีกเรื่องนึง เช่นโทรทัศน์จอคอมที่เราๆท่านๆใช้อยู่ ใครจะคิดละว่าเป็นวิวัฒนาการมาจาก
Physic เรื่อง electromagnetic ทั้งนั้นดังนั้น หากการทดลองนี้สามารถพิสูจน์และไขที่มาของกำเนิดจักรวาลได้ อาจจะเสมือนเป็นก้าวใหญ่ให้มนุษย์เราเรียนรู้
และสามารถพัฒนาเทคโนโลยีในนิยายต่างๆเช่นเครื่อง ย้อนเวลา หรือเครื่องย้ายมวลสารต่างๆก็เป็นได้
ข่าวล่าสุด (ที่มา - esciencenews.com)
CERN ได้ประกาศเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาว่าจะเดินเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ข่าวนี้มาพร้อมกับระยะทำเครื่องให้เย็นหลังจาก CERN ได้ประสบความสำเร็จในการข้อสรุปในการเดินเครื่องเร่งอนุภาคตัวใหม่ สถานีโทรทัศน์ได้ทำรายงานครอบคลุมตั้งแต่เการเริ่มเดินเครื่องผ่านทางสถานี Eurovision LHC เป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่มีกำลังมากสุดในโลก สร้างลำแสงอิเล็กตรอนที่มีพลังงานมากกว่า 7 เท่าของเครื่องเก่า และมีความเข้มมากกว่า 30 เท่าเมื่อไปถึงประสิทธิภาพที่คาดหวังไว้ในปี 2010 อุโมงค์ขนาด 27 กิโลเมตรที่เป็นท่อลำแสง LHC อิงเทคโนโลยีที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เครื่อง LHC ในปัจจุบันจึงเปรียบเสมือนเครื่องต้นแบบในตัวมันเอง
รูปภาพ LHC จาก CERN
สิ้นเดือนกรกฎาคม งานทั้งหมดใกล้จะเสร็จสมบรูณ์แล้ว กับเครื่องยิงอนุภาค 8 ส่วนที่มีอุณหภูมิในการทำงานอยู่ที่ 1.9 องศาเหนือจุดเยือกแข็งสมบูรณ์ (-271ฐC) ระยะต่อไปขอการทำงานคือการทำเชื่อมต่อ LHC กับเครื่องเร่ง Super Proton Synchrotron (SPS) ที่จะมารวมเป็นส่วนเชื่อมต่อสุดท้ายของห่วงโซ่การยิงของ LHC เวลาระหว่างเครื่องทั้ง 2 ต้องมีความแม่นยำในระดับส่วนเสี้ยวของนาโนวินาที การทดสอบการเชื่อมต่อจะเริ่มในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ และการยิงลำแสงอิเล็กตรอนที่สองแบบหมุนตามเข็มนาฬิกาจะเริ่มในสัปดาห์ถัดไป การทดสอบจะทำเรื่อยจนถึง 9 กันยายน เพื่อแน่ใจว่าเครื่องพร้อมที่จะเร่งและทำให้เกิดการชนของแสงอิเล็กตรอนที่ยิงไปที่มีระดับพลังงาน 5 TeV ต่อลำแสง ซึ่งเป็นพลังงานเป้าหมายในปี 2008 นี้ และลำแสงที่จะวิ่งวนภายใน LHc อย่างเป็นทางการนี้คือวันที่ 10 กันยายน ซึ่งจะใช้พลังงาน 450 GeV (0.45 TeV)
เมื่อการโคจรของลำแสงอิเล็กตรอนสเถียรแล้ว นักวจัยก็จะนำเข้าสู่ระยะการชนและสุดท้ายก็จะเร่งระบบ LHC ให้เร่งพลังงานไปถึง 5 TeV
รูปภาพการทดลองต่างๆ
The Globe of Innovation in the morning. The wooden globe is a structure originally built for Switzerland's national exhibition, Expo'02, and is 40 meters wide, 27 meters tall. (Maximilien Brice; Claudia Marcelloni,