เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เป็นประธานเปิดโครงการรับชำระภาษีรถผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยการหักบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือผ่านบัตรเครดิต ซึ่งเป็นบริการรับชำระภาษีรถรูปแบบใหม่ ที่กรมการขนส่งทางบกร่วมมือกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพิ่มช่องทางการชำระภาษีรถประจำปี เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป

นายศิลปะชัย จารุเกษมรัตนะ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เผยว่า บริการรับชำระภาษีรถทางอินเทอร์เน็ต มีธนาคารที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 10 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยธนาคาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารยูโอบี ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดให้บริการรับชำระภาษีรถประจำปี ด้วยการหักบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือหักบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือหักวงเงินบัตรเครดิตผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สำหรับรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ.2522 ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถตู้) รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (ปิกอัพ) และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ที่ไม่ค้างชำระภาษี และไม่ อยู่ในข่ายต้องตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ก่อนต่ออายุภาษี ได้แก่ รถเก๋ง รถตู้ รถปิกอัพ ไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 5 ปี

เจ้าของรถสามารถใช้บริการได้ไม่ว่ารถจะจดทะเบียนอยู่ที่จังหวัด ใดก็ตาม เพียงมีบัญชีเงินฝากธนาคารที่เข้าร่วมโครงการและยื่นความจำนงขอ ใช้บริการกับธนาคารก็ สามารถสมัครเข้าใช้บริการได้ที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th หรือ www.dlt.go.th เมื่อได้รับรหัสสำหรับเข้าใช้ password แล้ว เจ้าของรถก็สามารถเข้าใช้บริการ ได้โดยปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระบบกำหนดไว้ ทั้งนี้ธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียม ในการดำเนินการรายการละ 20 บาท โดยหลังจากที่กรมได้รับเงินค่าภาษีรถ ประจำปีเรียบร้อยแล้ว จะส่งใบเสร็จรับเงินและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ให้แก่เจ้าของรถทางไปรษณีย์ โดยคิดค่าบริการเพียง 40 บาทเท่านั้น เจ้าของรถที่สนใจ ใช้บริการสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทร. 0-2272-5498 ในวันและเวลาราชการ

นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายธุรกิจบริหารเงิน ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการนี้สอดรับกับนโยบายภาครัฐ ที่เปิดกว้างให้สถาบันการเงินเข้ามาช่วยด้านนี้มากขึ้น การดำเนินการลักษณะนี้ต้องอาศัยระบบเทคโนโลยี หรือไอทีเข้ามาช่วย ซึ่งระบบธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมอยู่แล้ว

"ธนาคารพาณิชย์ถือว่าเป็นส่วนที่เติมเต็มให้กับระบบนี้มีค วามสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้กรมสรรพากร เป็นหน่วยงานแรกที่เปิดกว้างให้สถาบันการเงินเข้ามาเป็นส่วนหนึ ่งในการให้บริการด้านการรับชำระภาษี เพราะระบบไอทีทำให้ประชาชนเข้าถึง และสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย และเปิดให้บริการ 7 วัน"

ส่วนเป้าหมายของธนาคารทหารไทย ปีนี้ตั้งเป้ามียอดธุรกรรมมากกว่าล้านล้านบาท หรือเติบโตจากปีที่ผ่านมา 10-20% และมีรายได้มากกว่า 400 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 300-400 ล้านบาท ซึ่งปีนี้เชื่อหน่วยงานต่างๆ จะประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่ม การหันมาใช้บริการบริหารเงิน จึงเป็นวิธีหนึ่งในการลดต้นทุน

"การแข่งขันในการบริหารเงินปีนี้ยังแข่งขันสูงไม่เคยมีมาก ่อน เพราะลูกค้าต้องดูว่าแต่ละธนาคารมีความชำนาญ เชี่ยวชาญขนาดไหน สำหรับทหารไทยแล้วมั่นใจว่าเหนือคู่แข่งขัน"


โดย NOL-News Online : ไทยรัฐ
ที่มา
http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=4...8&id=407292