กระบวนแห่สิงโตผ่านมาในถนน ประชาชนแตกตื่นพากันอุ้มลูกจูงหลานออกมาดู เด็กอายุ ๓-๔ ขวบคนหนึ่งร้องไห้เพราะความกลัว สิงโตก็ดิ้นอย่างจะสิ้นชีวิตลงไป แม่ต้องอุ้มพาหนีเข้าไปในสวนข้างถนนแห่งหนึ่ง พลางบ่นว่าน่าสงสารลูกโง่ๆ คนนี้เหลือเกิน แม่จะได้ดูอะไรสักนิดก็ไม่ได้ดู ทันใดนั้นเองแม่ก็ดิ้นและร้องวิ๊ดว๊าดขึ้น เพราะกิ้งกือตัวหนึ่งเผอิญหล่นลงมาจากต้นไม้ ตกลงไปในเสื้อของแม่ลูกเล็กๆ คนนั้นเอง หัวเราะชอบใจ เมื่อเขาบอกแม่ว่าเขาจะช่วยหยิบออกให้ แล้วก็ช่วย หยิบทิ้งให้จริงๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: มันเป็นการสุดวิสัย ที่จะไม่ให้ลูกๆ กลัว สิ่งที่มีลักษณะและอาการ อย่างภูตผีปีศาจ กระโดดโลดเต้นเข้ามาราวกะจะจับ เอาตัวไปกินเสีย ฉะนั้นแต่ทีแม่เองกลับกลัวกิ้งกือ ตัวนิดเดียว! ทั้งเลื้อยด้วยท่าทางอันนิ่มนวล อ่อนโยน ราวกะเข้ามาแสดงความเคารพ หรือ ขอความช่วยเหลืออะไรสักอย่างหนึ่ง ความกลัวของแม่ก็กลัวอย่างจะขาดใจตาย เช่นเดียวกับลูกเหมือนกัน! เมื่อประกอบด้วยอวิชชา อยู่อย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูตผีปีศาจหรือเป็นสัตว์ตัวนิดๆ เช่น กิ้งกือไส้เดือน ก็ตาม ย่อมสามารถปลุกปั่นความกลัว (วิภวตัณหา) ได้โดย ทำนองเดียวกันในฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความขลาด และวิ่งหนีได้โดยเสมอในที่สุด ก็เหลือแต่ สิ่งที่ต้องคำนวณดูว่า ลูกอายุเพียง ๒-๓ ขวบ ส่วนแม่อยู่ในฐานะ ที่เป็นแม่ หรือ ผู้ปกครอง สั่งสอนลูกแล้ว ในกรณีนี้ ใครเล่าที่โง่เขลา น่าสมเพชกว่าใคร ในระหว่าง แม่-ลูก รายนี้