โลกทุกวันนี้ยุ่งยากก็เพราะมนุษย์ที่อวดตนหรือยกตนเป็นผู้ใหญ่ยังติดเสียง มนุษย์ที่
อวดตนว่าเป็นผู้ดีเรียนรู้มากยังไม่มีจรรยาในการ " พิจารณาตน " ถ้าสัตว์โลกอยู่กัน
อย่างไม่ยึดตน ไม่ยึดเสียง ไม่ยึดอุปาทาน ถ้าละทิ้งได้ ไม่ยึดสิ่งใดเลยโลกนี้ย่อมสงบ
ท่านต้องเข้าใจว่า " การให้ทุกข์เขานั้น ทุกข์นั้นถึงตัวท่านเองแน่นอน " นี่เป็นหลัก
ความจริง


สมัยเมื่ออาตมามีสังขารอยู่ปัตตานี ในระยะเริ่มแรกสร้างวัดช้างให้ มีแขกมาลายู
คนหนึ่งมาบวชอยู่ในวัดของอาตมา แขกมาลายูคนนี้ไม่รู้จักภาษาสยาม รู้แต่ภาษา
มาลายู ทีนี้เมื่อรู้แต่ภาษามาลายู จะสอนให้สวดมนต์ก็ดีจะสอนกรอ่านก็ดี ย่อมทำ
ไม่ได้ อาตมาจึงบอกเขาว่าถ้าเช่นนั้นก้ไม่ต้องสวดมนต์ละ ท่องเพียงสองคำก็พอ
คือ " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " แขกคนนั้นอยู่ในปกครองของอาตมาตื่นเช้า
ขึ้นมาก็ออกบิณฑบาตตามปรกติ กลับมาก็นั่งท่องแต่คำว่า " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้น
ถึงตัว " " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว "


มีแขกมาลายูด้วยกันเป็นพวกเลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะ มาเที่ยววัด บอกว่าพระองค์นี้
มันพูดอะไรของมันไม่ทราบท่องแต่ " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " " ให้ทุกข์เขา
ทุกข์นั้นถึงตัว " แขกคนนี้ไม่นับถือศาสนาพุทธ แต่รู้ภาษาไทยดี ก็บอกว่าไม่จริง
" ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นไม่ถึงตัวหรอก " จึงตั้งใจจะพิสูจน์คำว่า " ให้ทุกข์เขา
ทุกข์นั้นถึงตัว " จริงหรือไม่ วันหนึ่งได้ไปทำโรตีแบบที่ทางปักษ์ใต้เขาชอบกินกัน
สมัยนั้น คือโรตีแบบแขก แล้วก็ใส่ยาพิษลงไปด้วยนำไปใส่บาตร พระมาลายูที่
ท่อง " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " บังเอิญเจ้ากรรมวันนั้นพระมาลายูองค์นี้
บิณฑบาตรได้อาหารมามาก แล้วก็ฉันอิ่มจึงนำโรตีสองชิ้นที่แขกนั้นใส่บาตรไป
เก็บเอาไว้ ส่วนคนที่ต้องการพิสูจน์คำว่า " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " มีลูก
อยู่สองคน พอเที่ยงก็หิ้วข้าวมาให้พ่อซึ่งเลี้ยงวัวอยู่ในแถบวัดนั้นกิน แถวนั้นมัน
เป็นโคกโพธิ์ ด้านขวามีกุฏิน้อย ๆ เด็กทั้งสองเที่ยวไปถึงกุฏิของพระที่ท่อง
" ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว "


พระองค์นี้เห็นว่าเด็กทั้งสองคนนี้น่ารัก บัดนี้มันเลยเพลแล้ว โรตีที่เก็บไว้ก็จะเสียเปล่า
จึงนำเอาโรตี ๒ แผ่น ที่พ่อเด็กเขาใส่ยาพิษที่จะให้พระนี้ฉัน ให้เด็กสองคนนั้นกิน
เด็กสองคนนั้นกินแล้วกลับไปถึงบ้านก็ป่วยทันที ครั้นใกล้จะตายพ่อถามว่า " เมื่อเจ้า
เอาข้าวไปส่งให้พ่อน่ะ เจ้าไปกินอะไรหรือเปล่า " ลูกทั้งสองบอกว่า ไปที่กุฏิพระองค์
หนึ่งที่เป็นชาวมาลายูด้วยกันเห็นท่องแต่ " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " เห็นว่าแปลก
ไม่รู้ว่าเป็นอะไรท่องแต่คำคำนี้คำเดียว พระนั้นสงสารลูกได้ให้โรตีสองอันกิน


ในที่สุดผลแห่งการพิสูจน์ว่า " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " ก็ปรากฏขึ้น เขาต้องการ
ฆ่าพระองค์นั้น แต่กลับกลายเป็นฆ่าลูกสุดที่รักของเขาเอง


เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัว เรามีความบริสุทธิ์ เรามีความเที่ยงธรรม เรามีหลักขันติ
สัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา คุณธรรมเหล่านี้จะรักษาเราให้ปลอดภัยทุกอย่าง


ทีนี้การเป็นคน ท่านยึดเสียงหรือไม่ ท่านยึดคำพูดดีหรือไม่ ท่านยึดคำพูดเลวหรือไม่
ถ้าท่านยึดสิ่งเหล่านี้แล้ว ท่านจะเป็นนักพรตที่ดีไม่ได้ ท่านจะเป็นนักบุญที่ดีไม่ได้
ท่านจะเป็นนักปกครองคนที่ดีไม่ได้ มนุษย์เราถ้ายังติดเสียง ติดคำชมและด่า มนุษย์
นั้นยังมีใจไม่ถึงธรรม " สัจธรรมเป็นธรรมอันประเสริฐ " เป็นสิ่งที่แน่แท้ ทำไมสำนัก
ปู่สวรรค์จึงยึดจุดนี้ก็เพราะว่าความจริงย่อมเป็นความจริง สิ่งที่เลวก็เป็นความจริง
แห่งความเลว สิ่งดีก็เป็นความจริงของความดีที่จะกล่าวต่อไปในยุคต่าง ๆ ของมัน
เอง โดยไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนไปได้ ธรรมชาติโลกียะและโลกุตระมันเดินของมันเอง
เราจะชนะความเลวด้วยความดี เราต้องมีอุเบกขา หมายถึงคิดว่าสิ่งนี้เราต้องทำ ไม่ใช่


ทำเพื่อชื่อ ความมีอำนาจ เมื่อท่านทำใจได้เช่นนี้ท่านก็จะเป็นคนที่ดีได้ และจะเป็น
นักเสียสละที่ดีได้ด้วย


ทีนี้การที่เราจะให้คนอื่นเหมือนเราหมดย่อมไม่ได้ มนุษย์ต่างคนต่างเกิดมาในโลก
นี้มีกรรมวิบากของตนไม่เหมือนกัน เมื่อมีกรรมวิบากของตนไม่เหมือนกัน มนุษย์
ผู้นั้นอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน มีคุณธรรมไม่เท่ากัน เราจะเอาใจของเราเป็น
สรณะว่าที่เราทำนี้ถูก ทุกคนจะต้องว่าถูกเหมือนเราไม่ได้ ท่านเข้าจคำว่า " นานา
จิตตัง " หรือ " นานา มโน " หรือไม่ คือแต่ละคนมีความคิดของตนเป็นหลัก เราจะ
ทำอะไรควรต้องมีความสุขุมรอบคอบ เราต้องคิดถึงคนอื่นว่าทุกคนไม่เก่งเหมือนเรา
ทุกคนไม่เหมือนเรา ดังนั้นจำเป็นต้องมีอภัยทานเป็นสรณะ ถ้ามนุษย์เราไม่มีการ
ให้อภัยเป็นหลัก เมื่อมนุษย์ผู้นั้นตายไปก็จะมีแต่กิเลสตัณหาแห่งความยึดมั่นในตน
จะมีแต่ความพยาบาทอาฆาตจองเวรเมื่อจิตใจไม่บริสุทธิ์ย่อมเป็นทางนำไปสู่อบายภูมิ
นี่คือหลักความจริงของโลกวิณญาณ


เพราะฉะนั้น อาตมาจึงไม่อยากจะเทศน์อะไรมาก เพียงแต่ขอให้เข้าใจว่า จงมีขันติ
สัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา จงมั่นอยู่ในคุณธรรมทุก ๆ ประการ อย่าติดเสียงไม่ว่าเสียงดี
หรือเสียงไม่ดี อันตรายใด ๆ จะทำอะไรท่านไม่ได้เลย