ฉันได้หาหนังสือเกี่ยวกับการทำโปรแกรมต่าง ๆ มาศึกษาด้วยตัวเอง
อาศัยเครื่องจากเพื่อนบ้าง จากที่ทำงานบ้าง ผู้ใหญ่หลายคนยอมรับในการทำงานของฉัน
ว่าคนพิการอย่างฉัน ก็ทำอะไร ๆ ได้ไม่แพ้ คนขาดี จน ณ เวลานี้ ฉันเป็นเว็บมาสเตอร์
ดูแลเว็บไซด์มากมาย มันอาจจะเป็นปกติสำหรับคนอื่น สำหรับฉันแล้วมันเป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่......
ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นความสำเร็จ เพราะฉันยังไปไม่ถึงจุดที่ฉันต้องการ...
หลายครั้ง ที่ฉันหกล้ม เพราะขาของฉันไม่แข็งแรง
บนเส้นทางชีวิตที่โดดเดี่ยว ไม่มีใครฉุดฉันให้ลุกขึ้นยืน ฉันต้องยืนขึ้นเอง
บอกตัวเองเสมอว่า ด้วยขาที่ไม่แข็งแรงนี่แหละ จะต้องยืน และ อยู่ให้ได้ ในโลกนี้
และต้องอยู่อย่างคนมีศักดิ์ศรี ไม่ให้ใครมาดูถูกได้ว่า รอแต่ฝนฟ้าประทานลงมาช่วย.......
เคยนะ....เรื่องท้อแท้ใจ ฉันเชื่อว่า มีในทุกคน ขึ้นอยู่ที่ว่า แต่ละคนจะชุบชูจิตใจตัวเองอย่างไร
สำหรับฉัน....กำลังใจของฉัน ฉันสร้างมันขึ้นมาเอง สร้างมันขึ้นมาจากผู้คนรอบข้าง
สร้างมันขึ้นมาจาก ป้าขอทานขาขาดริมถนนสุขุมวิท ซึ่งฉันไปพบเจอในค่ำคืนวันหนึ่ง
ขณะฉันจะกลับบ้าน กำลังใจของฉัน ฉันปลูกมันขึ้นมาจากคนที่ด้อยโอกาสมากกว่าฉัน...
ฉันหยอดเหรียญใส่ตู้บริจาคให้วงดนตรีคนตาบอดทุกที่ ที่ฉันไปเจอมา
ในบางโอกาสฉันก็นั่งฟังพวกเขาร้องเพลง และขอเพลงด้วย
มันเหมือนกับฉันใส่ปุ๋ยให้กับจิตใจ และมันก็เติบโตขึ้นทุกวัน ๆ
ทำให้ฉันรู้สึกเข้มแข็ง และคิดว่า ถึงฉันจะพิการ แต่ฉันก็ยังสู้ด้วยตัวเองได้
รดน้ำพรวนดินให้กับจิตใจได้ ไม่ต้องนั่งรอฟ้า รอฝนให้หลั่งรดลงมา.......
ฉันอ่านข่าว เห็นข่าว คนฆ่าตัวตาย ผัวฆ่าเมีย เมียฆ่าผัว
ทำให้ฉันรู้สึกสะท้อนและหดหู่ อยู่บ้าง ทำไมเขาเห็นชีวิตของเขามีค่า แค่คน ๆ เดียว เท่านั้นเหรอ
กว่าที่แม่จะคลอดออกมา อุ้มท้อง 9 เดือน ก็ลำบาก ตอนคลอดก็ลำบาก
ยิ่งตอนเวลาเลี้ยงดู กว่าที่จะเติบโตเป็นผู้เป็นคนได้ ท่านสาหัสขนาดไหน
เวลาตาย ไม่ถึงวินาที คุณก็สิ้นลมแล้ว สิ่งที่เหลือคืออะไร คือความโศกเศร้า ของคนที่เขารักคุณ.....
ถึงแม้ว่า ฉันจะไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากคนเป็นแม่ ไม่เคยได้รับความปลอบประโลมจากคนเป็นพ่อ
ไม่เคยได้รับความรักจากคนที่เรียกว่า "แฟน" หรือ "คนรัก" แต่ฉันก็รู้ได้ดีว่า บุคคลเหล่านี้ ท่านรักเราแค่ไหน.....
ณ ปัจจุบัน ฉันจำไม่ได้ว่า นานแค่ไหน ที่ฉันไม่เคยนึกเสียใจ จนถึงกับคิดฆ่าตัวตาย
ไม่เคยคิดว่า ทำไมไม่มีใครมารักฉัน กับความพิการของฉัน.....
ฉันรู้สึกมีความภาคภูมิใจในตัวเองมากกว่า ที่สามารถทำให้คนอื่นยอมรับได้ว่า
คนพิการ ก็ ทำงานได้ไม่แพ้ คนดี ๆ......
เชื่อฉันเถอะ ชีวิตมีอะไรให้น่าศึกษาค้นคว้าอีกเยอะ อย่าตัดทางเดินของตัวเอง
ด้วยสิ่งซึ่งจะมารบกวนจิตใจ ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ ด้วยกำลังใจ
อยากบอกคนดี ๆ อาการครบ 32 หลาย ๆ คนที่กำลังท้อแท้กับหน้าที่การงาน
กำลังท้อแท้กับความรัก กำลังท้อแท้ กับหลากหลายเรื่องราวที่ผ่านมา
ชีวิต เป็นสิ่งที่มีค่า...สิ่งร้าย ๆ ที่ผ่านเข้ามา มันเหมือนบททดสอบความอดทน
หากตีโจทย์แตก ก็สามารถเอาชนะมันได้
แต่หากมัวแต่คิดว่า ทำไม่ได้ ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ก็เท่ากับยอมแพ้มัน......
สร้างกำลังใจให้เข้มแข็งด้วยตัวเอง กำลังใจจากคนรอบข้าง เป็นเสมือนน้ำที่คอยหล่อเลี้ยง
ให้กำลังใจนั้นเติบโต หากต้นไม้ไม่มีคนปลูก หรือนำลงดิน แล้วจะมีใครที่ไหนมารดน้ำ พรวนดินใส่ปุ๋ย.......
ที่ฉันเขียนเรื่องของฉันขึ้นมาไม่ได้หวังว่าจะได้รับความเวทนาสงสาร...
กรุณาอย่าทำให้ฉันรู้สึกว่า...ฉันอ่อนแอ และ ต่ำต้อยกว่าที่เป็นอยู่
ฉันต้องการให้เป็นตัวอย่างสำหรับทุกคนที่คิดว่า ตัวเอง ทำอะไรไม่ได้
ทำอะไรไม่เป็น หรือสู้เขาไม่ได้ ด้อยกว่าใคร ๆ เขา
แต่แท้ที่จริง คุณทำได้ทุกอย่าง คุณไม่ได้ด้อยกว่าใคร...แต่คุณคิดจะทำ
หรือไม่...และคุณคิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ๆ หรือไม่เท่านั้น
ฉันบอกเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนดี และฉันไม่คิดที่จะสร้างภาพให้ตัวเอง
"ดูดี" ในสังคม ฉันเป็นแบบนี้ ร่างกายฉันไม่ครบ 32
แต่ความเป็นคนของฉันนั้นเต็มร้อย ใจของฉันไม่ได้พิการเหมือนร่างกาย
และฉันมีสิ่งดี ๆ ที่จะให้กับทุกคนเสมอ และ จะให้ตลอดไป..
ขอบคุณ สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้แก่ฉันมากมาย ทั้งที่นี่
หรือในกล่องข้อความ และเพื่อน ๆ ทุกท่านที่ได้ไปทำให้ฉันยิ้มและหัวเราะ
ในห้องแช้ทและอยากบอกเพื่อน ๆ ว่า เพราะกำลังใจของเพื่อน ๆ
เป็นน้ำหล่อเลี้ยง ต้นไม้แห่งชีวิตของฉัน...
ให้ฉันเติบโต อย่างเข้มแข็ง ถ้าไม่มีเพื่อน ๆ ฉันก็คงไม่ต่างอะไรกับ
ต้นไม้ที่ "ตายแล้ว" นั่นเอง
กรุณาอย่ามองเห็นฉันแค่ในตัวหนังสือ และคำบอกเล่า
แต่อยากให้มองถึงตัวตนที่ฉันเป็น...
ขอบคุณจากใจค่ะ
[/b]