* ถึงทุกท่าน ,
> ผมเองก็มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกันครับ เหตุเกิดตอนประมาณ
> 21.00 ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
> ผมเป็นคนที่สังเกตุสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ
> ดังนั้นหากมองเผินๆเหมือนกับว่าผมเดินไปดื่มน้ำในมือไปเรื่อยเปื่อย
> สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ รู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆแต่ผมยังไม่คิดอะไรในทีแรก
> เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน
> อีกอย่างที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ยังค่อนข้างเยอะ
> บังเอิญว่าผมอยากจะทิ้งแก้วน้ำในมือก็เลยมองหาถังขยะ
> ซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอกตามที่จอดรถ
> เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้เค้ากลัวเรื่องการรอบวางระเบิด
> ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น
> ผมก็เดินเลยที่จอดรถตัวเองไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี
> จะทิ้งมั่วๆมันก็น่าเกลียด
> ก็ตัดสินใจว่าเอาไปไว้ตรงที่วางแก้วในรถก่อนก็ได้ว่ะ
> ( ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ก็ยังเดินตามผมอยู่)
> พอหมุนตัวจะกลับมาที่รถตัวเอง ไอ้บ้านี่มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน
> แล้วก็หยุดเหมือนมองหารถมันว่าจอดไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง
> ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมันไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋งแน่นอน
> คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบ Flex( สายที่วนๆคล้ายสปริง)กับกุญแจดอกเดียว
> ใส่แจ๊คเก็ตสีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า
> ก็เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน
> แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุญแจรถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมา
> คงกลัวว่าจะไม่ทันเดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน
> แต่ผมก็ทำทางเป็นเปลี่ยนใจอีกครั้งมองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ
> แล้วเดินสวนกับมันในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผมเอง
> แต่เป็นอันตรายสำหรับมันเพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว
> แน่นอนว่าผมเดินกลับไปหารถผมเองอย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้มันหลงกลผมเต็มๆ
> เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถขับที่ผมทำท่าจะไขประตู
> มันไปยืนแบบแอบๆเพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน
> แต่คราวนี้ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง
> กดเซ็นทรัลล็อค ขณะที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ
> แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ
> ผมก็เลยคิดว่ายังไงต้องแจ้ง ร.ป.ภ. ไว้ก่อน
> ไม่ว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ
> ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืนบัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง
> รวมทั้งนำเจ้าหน้าที่ 4 คนไปเองด้วย
> เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่
> ทางเจ้าหน้าที่จึงตรงเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไร
> มันตอบว่าไงรู้ไหมครับ......มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน
> แต่พอสักไปสักมาว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า
> มันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เอามอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ
> พอเจ้าหน้าค้นตัวก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีดอย่างชัดเจน
> ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ
> ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแล้วแจ้งตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป......
> ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม
> เพราะไม่คุ้มแน่นอนถ้าเราพลาด
> เป็นห่วงทุกคนนะครับ
> โจ
> เพื่อนๆ ฺ BTsec ทุกท่าน
> อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะคะ
> เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับ
> บ้านตนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ พอเข้าซอยรู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา
> และแล้วเข้าซอยเดียวกัน และตามมาเรื่อยๆ
> พอพี่ต่อจอดรถหน้าบ้านเขาก็ขับเลยเข้าไปในซอยซึ่งเป็นซอยตัน
> และเลี้ยวกลับมาจอดอยู่ใกล้ๆ
> และลงมาเปิดประตูข้างคนขับที่พี่ต่อนั่งอยู่
> พอดีคอยระวังอยู่แล้วและคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่
> เขาจึงเปิดไม่ได้
> แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เราเปิดประตูเหมือนจะถามอะไร
> พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆหลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่าไม่เปิด
> พอดีแม่บ้านเดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป
> ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเร็วมากนับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น
> ปกติเมื่อถึงบ้านพี่ต่อจะบีบแตรแล้วเปิดประตูเพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ให้แม่บ้านไขประตูให้
> พอดีวันนั้นมองมอเตอร์ไชด์คันนี้อยู่เลยยังไม่ได้กดแตร
> เขาอาจจะคิดว่าเราจะลงจากรถมาเปิด
> ประตูบ้านเองก็ได้
> ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง
> พวกมิจฉาชีพพวกนี้จะลงมือเร็วมาก
> คนมาช่วยก็อาจช่วยไม่ทัน
> ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวังมากๆ
> เพราะเหตุการณืประเภทนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
> ฌลาวิภา เมฆใจดี
> อ่านให้จบ เรื่องสำคัญมากๆ
> ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง
> ทั้งคู่กระตุกประตูหลังคนละข้าง
> โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก
> แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม
> แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอดไม่ว่ามืดหรือสว่าง
> เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ
* > เหตุการณ์ที่ 1
> ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่องและก่อนดับเครื่อง
> มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ
> ขณะที่ภรรยาผมกำลังเล่นกับลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยิน เสียงตึ๊กจากข้างหลัง
> ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา
> แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับ ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
> ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวัน แสกๆ แท้ๆ
> ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
> อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถ
> พวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะ ควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย
> เหตุการณ์ที่ 2
> หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง
> ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน )
> ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ
> โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก
> รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว
> คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย
> จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า
> พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ
> จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
> พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน ( นี่มันปล้นกันชัดๆ)
> แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป
> น่ากลัวที่สุด
> เหตุการณ์ที่ 3
> ตอนจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่
> สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม
> บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน
> แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผม
> ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง
> พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน
> ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า ' รถมันล๊อคหมด ' แล้วก็ขับเลย ไป
> ขอให้ช่วยกัน Forward มากๆทั้งชายทั้งหญิงนะคะ
> ส่งแค่คนสองคนก็ได้บุญแล้วค่ะ
มาจาก forward mail