มันก็ไม่ได้เบียดเบียนใคร แล้วก็อไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเด๋วนะครับ แต่ยัไงก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนและกัน ^^
มันก็ไม่ได้เบียดเบียนใคร แล้วก็อไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเด๋วนะครับ แต่ยัไงก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนและกัน ^^
<div align="center"><span style="color:#33FF33">[b][SIZE=2][url="http://citec.us/forum/-Padawan--t13837.html"][color=#33CCFF][u]Padawan Rules[/u][/color][/url][/SIZE]</div>
ผิดศีลหรือไม่?
-ต้องถามว่าศีลอะไร ถ้าศีล5ไม่ผิดแน่นอน แต่ถ้าเป็นศีลระดับสูง เช่น ศีล 227 ผิดแน่
บาปหรือไม่?
-ถ้าทำแล้วจิตใจเศร้าหมองก็บาป แต่ถ้าทำเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ตามธรรมชาติ มิได้หมกมุ่น ไม่บาปนะครับ
การที่คนเรานั้นมีอารมณ์ทางเพศนั้นไม่ถือเป็นผิดอะไร
เป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล สถานะของตัวเอง
ว่าเหมาะสมหรือไม่ ถึงการแสดงออกมาในทางเพศ
ดูหนังโป๊ น้อยคนนักที่ไม่เคยดู ถ้าไม่เคยช่วยตัวเองก็ไม่ถือว่าเป็นผู้ชาย
โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าเป็นในรูปพระสงฆ์ ก็ต้องผิดศิล แต่ไม่บาป
ที่ผิดศิล ก็แสดงถึงสิ่งที่ไม่ควรในรูปพระสงฆ์ที่ผูคนกราบไหว้บูชา
ผมเห็นด้วยกับหลายคนที่ว่า มันอยู่ที่จิตใจนะครับ
สำหรับผมในด้านของเรื่องจิตใจไม่ได้เฉพาะเจาะจงเรื่องแบบนี้
แต่ผมว่า ทุกเรื่อง นะครับ
ถึงเราจะไปทำบุญ หรือ ทำทานอะไรก็แล้วแต่
หากเราไม่มีโอกาสได้แสดงมันออกมา หรืออะไรก็ตาม
แค่จิตใจเรา คิดจะทำ ผมว่าก็คงได้รับบุญแล้วล่ะครับ
ของแบบนี้ ถึงแม้ว่าเราทำไป เพื่อ ระบายอารมณ์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
แต่จิตใจเรา ไม่ได้คิดจะทำด้วยวิธีบาป หรืออะไรก็แล้วแต่
ผมว่า มันก็ไม่บาปหรอกครับ![]()
ผมว่าถ้าทำไปโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ใคร หรือไปทำให้ใครทุกข์กายและใจ
ก็ไม่น่าจะผิดศีลหรือบาปหรอกครับ
ช่วยตัวเองดีกว่าไป....กับคนอื่นนะครับ ไม่สร้างความเสื่อมเสีย
สบายใจกว่ากันเยอะ <_<
เอ่อ เรื่องนี้ไม่ขอออกความเห็นอะนะ
แต่เท่าที่เห็นรู้สึกว่ากระทู้นี้คนตอบเยอะกันเชียวนะ
โดยเฉพาะผู้ชายอะ
แหมๆๆ
เรื่องธรรมดาสามัญละมั้งครับ
เพราะมนุษย์ เกิดมาเพื่อสืบพันธุ์ นี่คับ เพื่อ เพิ่มจำนวนไม่ให้ศูนย์พันธุ์
เรื่องธรรมชาติครับ
ถ้าหากไม่ช่วยตัวเอง ผลจะเป็นไง อาจจะมีคดี ข่มขืนมากกว่านี้ก้อได้ (มั้ง)
[b]LAW TU 52
LAW THAM LAMPANG
[quote][color=#FFCC00]เหลืองงของเรา คือธรรม ประจำจิต[/color]
[color=#CC0000]เเดงของเรา คือโลหิต อุทิศให้[/color][/b][/quote]
ผมว่า ไม่ผิดศีล แล้วก็ไม่บาปหรอก
สิ่งที่เราำทำแล้วมีความสุขสำหรับตัวเรา และไม่เบียดเบียนผู้อื่นแล้วก็ไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคม ก็ดีล่ะ ^^
เรื่องธรรมดาสามัญละมั้งครับ
เพราะมนุษย์ เกิดมาเพื่อสืบพันธุ์ นี่คับ เพื่อ เพิ่มจำนวนไม่ให้ศูนย์พันธุ์
เรื่องธรรมชาติครับ
ถ้าหากไม่ช่วยตัวเอง ผลจะเป็นไง อาจจะมีคดี ข่มขืนมากกว่านี้ก้อได้ (มั้ง)
[/b]
เห็นด้วยนะครับ เรื่องธรรมชาิติ แถมทำแล้วไม่เดือดร้อนใครอ่ะ แต่หมกหมุ่นมากไปก็ไม่ดีนะครับ เดี๋ยวเกิดติดใจช่วยตัวเองไม่พอจะ ออกไปเที่ยวช่วยคนอื่นจนเกิดคดีตามมาอีก :P พูดแล้วก็น่ากลัวสมัยนี่ส่ือพวกนี้ค่อนข้างจะเป็นตัวยั่วยุด้วย
ถ้าพอใจอยุ่การช่วยตัวเอง เรื่องพิดศีลผมว่าคงไม่นะครับ ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใคร
ปล. ผมไม่ใช่พวกชอบช่วยตัวเองขนาดนั้นนะ กลัวจะเข้าใจพิด อิอิ
จิงแล้วผิดครับ บาปครับ มนุย์นั้นจริงๆแล้วเรามีคู่มือในการดำเนินชีวิตอยู่แล้ว มนุษย์มาจากไหนมีคำตอบแล้ว ไม่ได้มาจากลิงเพราะทุกวันนี้ก็ไม่เห็นลิงเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น และไม่เห็นมนุษย์เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
ปฐก 1:1 - 31
(1) ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน
(2) แผ่นดินก็ว่างเปล่าความมืดอยู่เหนือน้ำและพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น
(3) พระเจ้าตรัสว่า"จงเกิดความสว่าง"ความสว่างก็เกิดขึ้น
(4) พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดีและทรงแยกความสว่างออกจากความมืด
(5) พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่าวันและความมืดนั้นว่าคืนมีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันแรก
(6) พระเจ้าตรัสว่า"จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำแยกน้ำออกจากกัน"
(7) พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้นแล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้นก็เป็นดังนั้น
(8) พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่าฟ้ามีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่สอง
(9) พระเจ้าตรัสว่า"น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่แห่งเดียวกันที่แห้งจงปรากฏขึ้น"ก็เป็นดังนั้น
(10) พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่าแผ่นดินและที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่าทะเลพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
(11) พระเจ้าตรัสว่า"แผ่นดินจงเกิดพืชคือผักหญ้าที่มีเมล็ดและต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมันบนแผ่นดิน"ก็เป็นดังนั้น
(12) แผ่นดินก็เกิดพืชคือผักหญ้าที่มีเมล็ดตามชนิดของมันและต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมันพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
(13) มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่สาม
(14) พระเจ้าตรัสว่า"จงมีดวงสว่างบนฟ้าเพื่อแยกวันออกจากคืนให้ดวงสว่างเป็นหมายกำหนดฤดูวันปี
(15) และให้เป็นดวงสว่างบนฟ้าเพื่อส่องสว่างบนแผ่นดิน"ก็เป็นดังนั้น
(16) พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวงให้ดวงใหญ่ครองวันดวงเล็กครองคืนพระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆด้วย
(17) พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนฟ้าให้ส่องสว่างบนแผ่นดิน
(18) ให้ครองวันและคืนและแยกความสว่างออกจากความมืดพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
(19) มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่สี่
(20) พระเจ้าตรัสว่า"น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิตและนกจงบินไปมาข้ามฟ้าเหนือแผ่นดิน"
(21) พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่และสัตว์ที่มีชีวิตนานาชนิดซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำเป็นฝูงๆตามชนิดของมันและนกต่างๆตามชนิดของมันพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
(22) พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่สัตว์เหล่านั้นว่า"จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มน้ำในทะเลและให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน"
(23) มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่ห้า
(24) พระเจ้าตรัสว่า"แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมันคือสัตว์ใช้งานสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ป่าตามชนิดของมัน"ก็เป็นดังนั้น
(25) พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมันสัตว์ใช้งานตามชนิดของมันและสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมันแล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
(26) แล้วพระเจ้าตรัสว่า"ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเราให้ครอบครองฝูงปลาในทะเลฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไปและสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
(27) พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ตามพระฉายาของพระเจ้านั้นพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นและได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
(28) พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ตรัสแก่เขาว่า"จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดินจงมีอำนาจเหนือแผ่นดินจงครอบครองฝูงปลาในทะเลและฝูงนกในอากาศกับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"
(29) พระเจ้าตรัสว่า"ดูเถิดเราให้พืชที่มีเมล็ดทั้งหมดซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดินและต้นไม้ทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้าเป็นอาหารของเจ้า
(30) ฝ่ายสัตว์ทั้งหลายบนแผ่นดินนกทั้งปวงในอากาศและบรรดาสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินทุกสิ่งทุกอย่างที่มีลมปราณนั้นเราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร"ก็เป็นดังนั้น
(31) พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทรงเห็นว่าดีนักมีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่หก
เรื่องความบาปจากสิ่งที่มนุษย์ทำ การช่วยตัวเอง
ลนต 15:2 - 33
(2) "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่าเมื่อผู้ใดมีสิ่งไหลออกจากร่างกายสิ่งที่ไหลออกของเขานั้นเป็นมลทิน
(3) ต่อไปนี้เป็นกฎเกี่ยวด้วยเรื่องมลทินของเขาเนื่องด้วยสิ่งที่ไหลออกร่างกายของเขาจะมีสิ่งไหลออกหรือสิ่งที่ไหลออกคั่งอยู่ในร่างกายของเขาก็ดีเรื่องนี้เป็นมลทินแก่เขา
(4) เตียงนอนซึ่งผู้ใดที่มีสิ่งไหลออกขึ้นไปนอนเตียงนั้นก็เป็นมลทินทุกสิ่งที่เขารองนั่งก็เป็นมลทิน
(5) ผู้ใดที่แตะต้องเตียงของเขาต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำและจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(6) ผู้ใดไปนั่งบนสิ่งที่ผู้มีสิ่งไหลออกได้นั่งก่อนผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำและจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(7) ผู้ใดไปแตะต้องร่างกายของผู้ที่มีสิ่งไหลออกผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(8) และถ้าผู้ใดที่มีสิ่งไหลออกนั้นถ่มน้ำลายรดผู้ที่สะอาดเข้าผู้ที่ถูกน้ำลายรดต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(9) และอานใดๆซึ่งผู้มีสิ่งไหลออกนั่งอยู่อานนั้นก็เป็นมลทิน
(10) ผู้หนึ่งผู้ใดแตะต้องสิ่งที่รองเขาอยู่นั้นผู้นั้นจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็นและผู้ใดที่หยิบถือสิ่งนั้นต้องซักเสื้อผ้าของตัวและอาบน้ำและมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(11) ผู้ที่มีสิ่งไหลออกแตะต้องผู้ใดด้วยมือที่มิได้ล้างผู้ถูกแตะต้องนั้นต้องซักเสื้อผ้าของตัวและอาบน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(12) ภาชนะดินซึ่งผู้มีสิ่งไหลออกแตะต้องให้ทุบเสียและภาชนะไม้ทุกอย่างก็ให้ชำระเสียด้วยน้ำ
(13) "เมื่อผู้มีสิ่งไหลออกได้ชำระสิ่งไหลออกของเขาแล้วเขาต้องนับการชำระของเขาให้ครบเจ็ดวันและเขาต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำที่ไหลเขาจึงจะสะอาด
(14) ในวันที่แปดให้เขานำนกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัวมาต่อพระพักตร์พระเจ้าที่ประตูเต็นท์นัดพบและมอบของเหล่านั้นให้แก่ปุโรหิต
(15) ให้ปุโรหิตถวายบูชาคือถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องถวายบูชาไถ่บาปและนกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาและปุโรหิตจะทำการลบมลทินของเขาต่อพระเจ้าด้วยเรื่องสิ่งไหลออกของเขา
(16) "ชายคนใดมีน้ำกามไหลออกให้เขาอาบน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(17) เครื่องแต่งกายทุกชิ้นและผิวหนังทุกส่วนที่น้ำกามไหลรดต้องชำระเสียในน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(18) ชายคนใดสมสู่กับหญิงคนใดและมีน้ำกามไหลออกทั้งสองจะต้องอาบน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(19) "เมื่อสตรีมีสิ่งไหลออกเป็นโลหิตประจำเดือนเธอจะต้องเป็นมลทินไปเจ็ดวันและผู้ใดแตะต้องเธอจะต้องเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
(20) ขณะเมื่อเธอมีมลทินเธอไปนอนที่ใดที่นั้นก็มีมลทินสิ่งใดที่เธอไปนั่งทับสิ่งนั้นก็เป็นมลทิน
(21) ผู้ใดไปแตะต้องที่นอนของเธอผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(22) และผู้หนึ่งผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เธอนั่งผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(23) สิ่งที่เธอนั่งทับจะเป็นที่นอนหรือสิ่งใดก็ดีเมื่อชายใดไปแตะต้องเข้าผู้นั้นจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(24) ถ้าชายใดไปสมสู่กับเธอและมลทินของเธอมาติดที่ชายนั้นชายนั้นจะเป็นมลทินไปเจ็ดวันเขาไปนอนที่เตียงใดเตียงนั้นก็เป็นมลทิน
(25) "ถ้าสตรีใดมีโลหิตไหลออกหลายวันไม่ใช่เป็นเวลาเป็นมลทินประจำของเธอหรือถ้าเธอมีโลหิตไหลออกเลยกำหนดเป็นมลทินประจำของเธอทุกวันที่มีโลหิตไหลออกเธอต้องเป็นมลทินเธอต้องเป็นมลทินอย่างเดียวกับเวลาเป็นมลทินประจำของเธอ
(26) ที่นอนทุกหลังที่เธอนอนเมื่อวันเธอมีสิ่งไหลออกที่นอนนั้นเป็นดังที่นอนเป็นมลทินประจำของเธอทุกสิ่งที่เธอนั่งทับต้องเป็นมลทินอย่างเดียวกับมลทินในมลทินประจำของเธอ
(27) ผู้ใดแตะต้องสิ่งเหล่านั้นผู้นั้นก็เป็นมลทินด้วยเขาต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำและเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
(28) ถ้าเธอชำระสิ่งไหลออกของเธอแล้วให้เธอนับเองให้ครบเจ็ดวันต่อจากนั้นเธอจึงจะสะอาด
(29) และในวันที่แปดให้เธอนำนกเขาสองตัวหรือลูกนกพิราบสองตัวไปให้ปุโรหิตที่ประตูเต็นท์นัดพบ
(30) และปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปและอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาและปุโรหิตจะทำการลบมลทินให้เธอต่อพระเจ้าด้วยเรื่องสิ่งไหลออกที่เป็นมลทินของเธอ
(31) "ดังนี้แหละพวกเจ้าจะให้คนอิสราเอลแยกจากมลทินของเขาทั้งหลายเกลือกว่าเขาจะต้องตายด้วยมลทินของเขาเมื่อเขาทำให้พลับพลาของเราที่อยู่ท่ามกลางเขาเป็นมลทินไป"
(32) นี่เป็นกฎเรื่องผู้มีสิ่งไหลออกและชายที่มีน้ำกามไหลออกซึ่งกระทำให้ตัวเป็นมลทิน
(33) และเกี่ยวกับสตรีที่ป่วยด้วยเป็นมลทินประจำของเธอคือทั้งนี้เกี่ยวกับผู้ที่มีสิ่งไหลออกไม่ว่าชายหรือหญิงและเกี่ยวกับชายผู้สมสู่กับหญิงผู้มีมลทิน
[color=#9999FF] By Bird Programmer
Electronics_Software_Engineer[/color]
Actions : (View-Readers)
There are no names to display.