ทุกคนคง​จะ​ได้​ยินข่าวคราวเกี่ยว​กับ​ไวรัส​ ​คอมพิวเตอร์​
ที่​เป็น​ข่าวดังมากที​เดียว​ ​นั่นก็คือ​ ​ไวรัสที่​เรียกว่า​ “Sircam” ​้
สร้าง​ความ​ปั่นป่วน​กับ​วงการคอมพิวเตอร์มากที​เดียว​ ​และ​มูลค่า​
ของ​ความ​เสียหาย​ ​หลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ​ ​แล้ว​เพียงเวลา​
ไม่​นาน​ ​ก็มี​ ​ไวรัส​ CodeRed ​ออกมาสร้าง​ความ​ปั่นป่วน​
ให้​กับ​ ​วงการคอมพิวเตอร์อีกครั้ง​ ​ดัง​นั้น​ ​เพื่อ​ความ​ไม่ประมาท​
ใน​การ​ใช้​คอมพิวเตอร์​ ​จึง​มี​เกร็ด​ ​ของเรื่องราวของไวรัส​ ​ที่น่าสนใจ​ ​มา​ให้​อ่าน​กัน​ดังนี้​

ไวรัสเกิดขึ้น​ได้​อย่างไร​
มัก​จะ​มีคำ​ถามที่สงสัย​กัน​เสมอมา​ ​ไวรัสเกิดขึ้นมา​ได้​อย่างไร​ ​จริงๆ​แล้ว​ต้นกำ​เนิดไวรัสมา​จาก​ที่​ไหน​กัน​แน่​
คำ​ตอบที่หนี​ไป​ไม่​พ้นเลยก็​ ​คือ​ ​ผู้​ที่​สามารถ​สร้าง​และ​พัฒนา​ไวรัส​ได้ต้อง​เป็น​คนที่​เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร​ ​์​ได้​
อย่างแน่นอน​ ​และ​ต้อง​เข้า​ใจการทำ​งานของระบบคอมพิวเตอร์​เป็น​อย่างดีอีก​ด้วย​
คนที่สร้างไวรัส​ ​ขึ้นมา​ ​อาจ​จะ​เป็น​พวกที่จิตใจ​ไม่​ปกติ​อยู่​ก่อน​แล้ว​ ​ชอบทำ​ลาย​เข้า​ของ​ ​สาธารณะ​ ​และ​ถ้า​หากคนที่มี​ความ​คิด​ไม่​ปกติ​ ​อย่างนี้​ ​มี​ความ​สามารถ​ใน​การเขียนโปรแกรม​ ​คอมพิวเตอร​ ​์​ ​ก็มี​ความ​เป็น​ ​ไป​ได้​สูงมากที่​จะ​พัฒนา​ไวรัสคอมพิวเตอร์ขึ้นมา​ ​และ​สนุก​กับ​การปล่อยไวรัส​ให้​กับ​ผู้​อื่น​ ​เดือดร้อน​ ​คนอีกประ​เภทหนึ่ง​ ​คง​จะ​หนี​ไม่​พ้นพวกที่มือซุกซน​ ​อยุ่​ไม่​นิ่ง​ ​พวก​ ​อยา​เราอยากลอง​ ​และ​พวกชอบการท้าทาย​ ​คิดว่าตัวเองแน่กว่าคน​อื่น​ ​ๆ​ ​สุดท้ายคือ​ ​พวกชอบอวดเก่งอวดรู้​ ​พวกนี้​จะ​เป็น​พวกเก่ง​ ​และ​มี​ความ​สามารถ​จริงๆ​ ​จน​สามารถ​เข้า​ถึง​ระบบ​และ​มองเห็นช่องโหว่ของระบบ​ได้​จริงๆ​ ​แต่​แทนที่​จะ​นำ​เสนอ​ ​ออกมา​ให้​ถูกวิธี​ ​โดย​การ​ ​นำ​ข้อมูลนี้​ไปบอก​กับ​ผู้​เกี่ยวข้อง​ ​ก็กลับ​ ​ทำ​ให้​เผู้​เกี่ยวข้องรู้​โดย​การแสดง​ให้​เห็นเลยว่าตัวเอง​ถึง​ช่องโหว่ของระบบ​ ​นั่นหมาย​ความ​ว่า​ ​เขา​จะ​พยายามหาช่องโหว่ของระบบ​ ​ใน​การสร้าง​ ​ไวรัสคอมพิวเตอร​ ​์​หรือ​ ​การเจาะระบบนั่นเอง​

สิ่งที่นักพัฒนา​ไวรัส​ไม่​มีคือ​ ​ความ​เข้า​ใจ​ถึง​ความ​เสียหายที่​จะ​เกิดขึ้น​ ​เพราะ​พวกนี้​ไม่​รู้ว่า​ ​ไวรัส​ ​ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา​นั้น​ ​จะ​สร้าง​ความ​เสียหายจริง​ ​ได้​มากขนาดไหน​เพราะ​เพียงแค่สั่ง​ให้​ทำ​ลายข้อมุล​ใน​ฮาร์ดดิสก์​ ​เมื่อไวรัสทำ​งาน​และ​ติดต่อไป​ยัง​พนักงานที่​ไม่​รู้​เรื่องอะ​ไร​ด้วย​ใน​บริษัทที่​เก็บข้อมูล​ไว้​ใน​คอมพิวเตอร์​ ​ไวรัส​จะ​ ​สามารถ​ทำ​ลายข้อมูล​ ​ที่บริษัท​นั้น​ทำ​มา​เป็น​ปี​ ​ๆ​ ​ภาย​ใน​เวลา​ไม่​กี่วินาที​ ​นั่น​เป็น​เหตุผลว่า​ ​การสร้างไวรัสคอมพิวเตอร์​ ​จึง​เป็น​การทำ​อาชญากรรมอย่างหนึ่ง​ ​และ​ต้อง​มีบทบาท​และ​บทลงโทษ​ ​กัน​อย่างจริงจังอีก​ด้วย​

ไวรัสสายพันธุ์​ไทยตัวหนึ่งที่ระบาดเมื่อประมาณสิบปีก่อน​จาก​มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง​ใน​กรุงเทพฯ​ ​ผู้​พัฒนา​แค่นึกสนุกอยากสร้าง​ให้​มัน​เป็น​ไวรัสของตัวเอง​และ​ไม่​ได้​คิดว่า​จะ​สร้างผลร้าย​ให้​กับ​ระบบคอมพิวเตอร์​ ​เลย​ ​จน​ใน​ที่สุดเมื่อควบคุม​ไม่​ได้​แล้ว​จึง​ต้อง​นำ​มา​แก้​ไข​ ​ปัญหา​กัน​ใน​ภายหลัง​ ​ีหลัง​จาก​นั้น​ไม่​กี่ปี​ ​มีนักศึกษามหาวิทยาลัย​ ​อีกคนหนึ่ง​ ​พัฒนา​ไวรัสเพื่อทำ​ลายไฟล์​ .c .cpp ​และ​ .pas ​โดย​เฉพาะ​ ​มันส่งผลกะทบมากมาย​ ​และ​ที่​แย่​ไปกว่า​นั้น​ ​ซอฟต์​แวร์ป้อง​กัน​ไวรัสต่างๆ​ ​ก็มีรายการนี้​เก็บเอา​ไว้​และ​ระบุ​แหล่งที่มา​เอา​ไว้​เรียบร้อย​
มารู้จัก​กับ​ไวรัสพันธุ์ต่าง​ ๆ

ไวรัส​ ​คอมพิวเตอร์​ ​ก็คือโปรแกรม​ ​โปรแกรมหนึ่ง​ใน​คอมพิวเตอร์นั่นเอง​ ​ซึ่ง​โดย​ส่วน​ใหญ่​มัก​จะ​เกิด​ ​จาก​การหาข้อผิดพลาด​ ​ของระบบ​ ​คอมพิวเตอร์​ ​ซอฟแวร์​ ​หรือ​โปรแกรมต่างๆ​ ​ไวรัสมัก​จะ​เกิดขึ้น​จาก​ ​เครื่องมือ​ ​ที่​เรา​ใช้​งาน​กัน​ ​ใน​ลักษณะการพัฒนา​ ​โปรแกรม​ ​หรือ​ข้อบกพร่อง​ใน​การทำ​งานของคอมพิวเตอร์นั่นเอง​ ​ต่อมา​ ​ก็​ได้​มีการกระจายข้อมุล​กัน​มากขึ้น​ ​ก็มีการ​ใช้​เครื่องมือ​ ​ซอร์ฟแวร์ต่างๆ​ ​แล้ว​นำ​ไปสร้างไวรัสอีกต่อหนึ่ง​ ​ถ้า​เปรียบ​กับ​เครื่องมือเครื่อง​ใช้​ต่างๆ​ ​ที่​เรามี​ใช้​กัน​ใน​ชีวิตประจำ​วัน​ ​ซึ่งแม้ว่า​จะ​มีประ​โยชน์มากมาย​ ​แต่​ถ้า​หาก​ ​่​ผู้​ใช้​นำ​ไป​ใช้​ใน​ทางท​ไม่​ที่​ไม่​ถูกก็​จะ​ให้​เกิดโทษมากมายเช่น​กัน​
ไวรัสคอมพิวเตอร์​นั้น​มีหลายแบบ​ ​แต่ละ​แบบก็มีลักษณะของการทำ​งานแตกต่าง​กัน​ออกไป​ ​ซึ่ง​ใน​ปัจจุบันไวรัสบางตัวมีการทำ​งานที่​ใกล้​เคียง​กัน​มาก​ ​ซึ่ง​จะ​จำ​แนกรายละ​เอียด​ได้​ ​พอคร่าวๆ​ ​คือ​ ​ไวรัสคอมพิวเตอร์​ ​เป็น​โปรแกรมชดหนึ่ง​ ​ที่เขียน​โดย​ผู้​ที่ไม่​ประสงค์ดี​ ​หน้าที่ของไวรัสแต่ละตัว​ ​มีจุดมุ่งหมาย​ ​แตกต่าง​กัน​แล้ว​แต​ผู้​พัฒนา​ต้อง​การ​ให้​ ​มันทำ​หน้าที่อะ​ไร​ ​แต่ที่​เหมือน​กัน​ก็คือ​ ​อย่างน้อยที่สุด​จะ​ ​เข้า​ไปก่อกวนระบบ​ ​โดย​บางชนิดอาจ​จะ​ไม่​สร้าง​ความ​เสียหายมากนัก​ ​ไปจน​ถึง​ชนิดที่​เข้า​ไปทำ​ลายระบบ​ ​รวม​ทั้ง​ข้อมูลที่​เก็บเอา​ไว้​ ​ซึ่ง​เป็น​Software ​รวมไป​ถึง​Hardware​ด้วย​ ​การทำ​ลาย​ Hardware ​ไม่​ได้​เป็น​การทำ​ลาย​โดย​ตรง​ ​เพราะ​ ​โค้ดพวกนี้​ไม่​สามารถ​ทำ​ให้​อุปกรณ์​เสียหาย​ได้​ ​แต่​ ​ไวรัส​จะเข้า​ไปทำ​ลายเฟริ์มแวร์​ ​ที่ควบคุมการทำ​งาน​ ​ของ​ Hardware ​ซึ่ง​จริงๆ​ ​แล้ว​ก็​เป็น​เพียงการทำ​ลายข้อมูลที่​เป็น​Software ​เช่นเดียว​กัน​ ​แต่​จะ​ส่งผล​ ​ให้​ Hardware ​นั้น​ใช้​การ​ไม่​ได้​

หนอนคอมพิวเตอร์​

เวิร์ม​ ​หรือ​ ​หนอนคอมพิวเตอร์​เป็น​โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติก็คือ​ ​สมารถ​ Copy ​ตัวเอง​ ​จาก​เครื่องหนึ่งไป​ยัง​อีกเครื่องหนึ่ง​ได้​โดย​อัตโนมัติผ่านทางเครือข่ายเน็ตเวิร์ค​หรือ​ว่า​ ​อินเทอร์​เน็ต​
อินเทอร์​ ​เน็ต​ ​ทำ​ให้​เวิร์ม​สามารถ​ขยายพันธุ์​และ​เคลื่อนย้ายตัวเองไป​ยัง​เครื่องคอมพิวเตอร์​เครื่อง​อื่น​ ​ๆ​ ​บนระบบเน็ตเวิร์ก​ได้​ไม่​ยาก​ ​วิธีการขยายตัวของมันเอง​ด้วย​วิธีนี้​ ​ทำ​ให้​เวิร์ม​สามารถ​แพร่กระจาย​ได้​อย่างรวด​เร็ว​ ​โดย​เฉพาะ​เมื่อมีการ​ใช้​อินเทอร์​เน็ต​กัน​มากขึ้น​ ​เครือข่ายอินเทอร์​เน็ตก็​เป็น​เน็ตเวิร์กอย่างหนึ่งที่​เวิร์ม​ใช้​แพร่กระจาย​ ​และ​สามารถ​แพร่กระจายไป​ได้​ทั่ว​โลก​ใน​เวลา​เพียง​ไม่​กี่ชั่วโมง​ ​ผลเสียอีกอย่างหนึ่งที่​เวิร์มสร้างเอา​ไว้​ ​ให้​กับ​ระบบ​ ​ก็คือ​ ​เวิร์ม​จะ​มีการส่งข้อมูลตัวมันเอง​ ​ออกไป​ใน​เน็ตเวิร์ก​ ​ซึ่ง​การส่งข้อมูลนี้​จะ​ไปทำ​ให้​ระบบการรับส่งข้อมูล​ ​ของ​ ​เน็ตเวิร์กทำ​งานช้าลง​ ​เพราะ​แบนด์วิดธ์​ส่วน​หนึงของเน็ตเวิร์กทำ​งานช้าลง​ ​ที่​เป็น​เช่นนี้​ ​เพราะ​แบนด์วิดธ์​ส่วน​หนึ่ง​ ​ของเน็ตเวิร์ก​ ​หมดไป​กับ​เวิร์มเสีย​แล้ว​ ​ถึง​แม้ว่า​จะ​ยัง​ไม่​มีการทำ​ลาย​ใดๆ​ ​เกิดขึ้นก็ตาม​ ​แต่​ ​ปัญหาที่ตามมาก็คือ​ ​ถ้า​เวิร์มตัว​นั้น​ ​ไปลบข้อมูล​ใน​ฮาร์ดดิสก์​หรือ​ทำ​ลายไฟล์ต่างๆ​ ​หรือ​อาจ​จะ​ส่งข้อมูล​ส่วน​ตัวออกไป​ให้​ผู้​อื่น​ใน​เน็ตเวิร์ก​ ​แน่นอนว่านั่นคือผลเสียที่​ได้​รับจริงๆ​ ​และ​ส่งผลกระทบ​โดย​ตรง​กับ​ผุ้​ใช้​อย่างแน่นอน​ ​คงจำ​ไวรัส​ Code Red ​กัน​ได้​ ​ที่ระบาด​ใน​ช่วง​ ​ปลายเดือนกรกฎาคม​ ​ทีผ่านมา​นั้น​ ​ข่าวบอกมาว่า​ไวรัส​ ​ตัวนี้​สามารถ​ copy ​ตัวเอง​ได้​ 2 ​แสนกว่าครั้ง​ใน​เวลา​เพียง​ 9 ​ชั่วโมง​ ​ซึ่ง​ถือว่าสูงมากเลยที​เดียว​ CodeRed ​นั้น​ถูกโปรแกรม​ให้​จู่​โจม​ ​แบบ​ Ddos ​เข้า​ไปที่​ www.whitehouse.gov ​แล้ว​ถูกโปรแกรม​ให้​มีการจู่​โจม​ใน​วันเดียว​กัน​ ​เข้า​ไปที่​เดียว​กัน​ ​ซึ่ง​กว่า​จะ​ถึง​วันโจมตก็มี​เครื่องคอมพิวเตอร์นับพันนับหมื่นเครื่องทีติด​เข้า​ไป​แล้ว​โดย​ที่​ไม่​รู้ตัว​ ​เมื่อ​ถึง​วันโจมตี​ ​พีซี​จาก​ทั่ว​โลก​ ​ที่ติดไวรัส​ ​จะ​ถูกส่งกลับมาที่​เว็บไซต์ที่ถูกโปรแกรมเอา​ไว้​ ​นั่นหมาย​ความ​ว่า​ ​เว็บ​ต้อง​รับการ​ ​คอนเน็กต์​ ​เพื่อร้องขอข้อมูล​ ​ใน​ปริมาณ​ ​มาก​จาก​ทั่ว​โลก​ ​โดย​คนที่​ไม่​รู้​ด้วย​ซ้ำ​ว่า​ ​เขา​เป็น​หนึ่ง​ใน​ผู้​โจมตี​ ​และ​ผลลัพธ์ก็คือเว็บไซต์​นั้น​ ​จะ​ทำ​งาน​ ​ช้าลง​ ​หรือ​ไม่​ก็​ถึง​ขนาด​ต้อง​ปิดตัวเองลงตามไป​ด้วย​ ​เนื่อง​จาก​การตอบสนอง​ ​กับ​การร้องขอ​ ​ปริมาณมหาศาล​ไม่​ได้​

ไวรัสคอมพิวเตอร์​

สำ​หรับไวรัสที่​เป็น​ไวรัสจริง​ ​ๆ​ ​จะ​แตกต่าง​จาก​เวิร์ม​ ​ไวรัสคอมพิวเตอร์​จะ​เหมือน​กับ​ไวรัส​ ​ที่ติดต่อระหว่างคน​ ​ซึ่ง​ไวรัสคอมพิวเตอร์ก็จำ​เป็น​ต้อง​ใช้​พาหะ​ใน​การติดต่อเช่นเดียว​กัน​แล้ว​แต่ว่า​ ​ไวรัสตัว​นั้น​ถูกโปรแกรมมาอย่างไร​ ​โดย​สิ่งที่สำ​คัญที่สุดก็คือ​ ​ไวรัส​จะ​ต้อง​มีจุดเริ่มต้นเสียก่อน​ ​ซึ่ง​อาจ​จะ​ติดมา​กับ​ไฟล์​แอพพลิ​เคชัน​ ​หรือ​เอกสาร​ ​ตัว​ใด​ ​ตัวหนึ่ง​ ​หรือ​ติดมา​ใน​บูตเชกเตอร์ของแผ่นดิสก์​ ​จาก​นั้น​เมื่อรันแอพพลิ​เคชั่น​นั้น​ ​ขึ้นมา​ ​ไวรัส​จะ​เริ่มทำ​งานทันที​ ​และ​สามารถ​ติดต่อไป​ยัง​โปรแกรม​หรือ​ ​เอกสาร​อื่นๆ​ ​ได้​โดย​ใช้​สื่อต่างๆ​ ​ผ่านทางฟลอปปี้ดิสก์​และ​ซีดีรอม​ ​การทำ​งานของไวรัส​นั้น​ก็คือ​ ​จะ​ก็อบปี้ตัวเอง​ ​ลง​ใน​หน่วย​ ​ความ​จำ​ ​จาก​นั้น​เมื่อเปิดโปรแกรม​ใด​ก็ตาม​ ​โปรแกรม​หรือ​ ​แอพพลิ​เคชั่นทุกตัว​ ​ที่รันหลัง​จาก​นั้น​จะ​ติดไวรัส​ด้วย​ ​ทั้ง​หมด​ ​เช่น

Stone ​ไวรัสตัวนี้​ ​จะ​ติด​ใน​บูตเชกเตอร์​ ​จะ​ทำ​ให้​ดิสก์ที่ติดไวรัส​ไม่​สามารถ​ใช้​งาน​ได้​ ​ส่วน​การทำ​ลายล้าง​ ​นั้น​ไม่​มากมาย​เท่า​ใด​นัก

Friday 13th ​ถ้า​ติดไวรัสตัวนี่​เข้า​ไป​แล้ว​ ​ไฟล์ข้อมูลออาจ​จะ​ใช้​ไม่​ได้​ ​และ​เมื่อ​ถึง​เวลาที่​ไวรัสตั้งเอา​ ​ไว้​เป็น​เงื่อนไข​ ​คือ​ ​ศุกร์​ 13 ​ไวรัส​จะ​ทำ​การฟอร์​แมตฮาร์ดดิสก์​ ​โดย​ไม่​มีการเตือน​ ​ล่วงหน้า​ ​แต่สมัยนี้​
้คงหมดยุคของศุกร์​ 13 ​แล้ว​ ​เพราะ​ ​แพลตฟอร์มเครื่องที่​ใช้​ก็​เปลี่ยนไป​จาก​เดิม​ ​และ​ถ้า​หาก​จะ​มีการฟอร์​แมต​ ​ฮาร์ดดิสก์ขึ้นมาจริงๆ​ ​ตัวซอร์ฟแวร์ป้อง​กัน​ไวรัส​ ​หรือ​วินโดวส์ต่าง​ ​ก็​สามารถ​เตือน​ ​ให้​เราทราบก่อนเสมอ​ ​และเมนบอร์ดรุ่น​ใหม่ๆ​ ​ส่วน​ใหญ​จะ​มีระบบป้อง​กัน​เอา​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​

โทรจัน​ ​ก็​เป็น​ไวรัสอีกประ​เภทหนึ่งที่จัดว่า​ ​อันตรายเหมือน​กัน​แต่​ ​เป็น​โปรแกรมที่มีหน้าที่​
่ทำ​ลายล้าง​โดย​ตรง​ ​โดย​อาศัย​ผู้​ใช้​เอง​เป็น​ผู้​เรียกขึ้นมาทำ​งาน​ ​เพราะ​เมื่อก่อน​ ​ระบบการออนไลน์​จะ​เป็น​การ​ ​ใช้​งานลักษณะ​ ​บู​เลตินบอร์ด​ ​ซึ่ง​มี​ทั้ง​โปรแกรม​ให้​ดาวน์​โหลดมา​ใช้​งาน​ ​แต่หลัง​จาก​ดาวน์​โหลดมา​แล้ว​ ​เรียก​ใช้​งาน​ ​แทนที่​โปรแกรม​นั้น​จะ​เป็น​เครื่องมืออำ​นวย​ความ​สะดวกที่​เหมือน​กับ​ที่​โฆษณา​เอา​ไว้​ ​กลับทำ​ลายข้อมูลต่างๆ​ ​ที่​อยู่​ภาย​ใน​เครื่องแทน​ ​การแพร่ระบาดสำ​หรับโทรจัน​นั้น​ ​ส่วน​มาก​จะ​สามารถ​ควบคุม​ได้​อย่างรวด​เร็ว​ ​เพราะ​ว่า​ ​เมื่อผุ้ทีติดไป​แล้ว​ ​บู​เลตินบอร์ดแห่ง​นั้น​คง​จะ​ลบไฟล์​นั้น​ออกไปเอง​ ​หรือ​อาจ​จะ​มีการส่งข้อ​ความ​ ​เตือน​ผู้​ใช้​คน​อื่น​ ​ได้​อย่างทันท่วงที​ ​แต่นั่น​เป็น​เมื่อก่อนที่อินเทอร์​เน็ต​ยัง​ไม่​มีบทบาทเหมือน​กับ​ปัจจุปันนี้​ ​ซึ่ง​โทรจัน​จะ​ถูกส่งต่อ​ ​กัน​ทาง​ ​อี​เมล์​ ​โดย​อ้างตัวว่า​เป็น​เครื่องมือต่างๆ​ ​นานา​ ​ตัวอย่างเช่น​ Navidad ​หรือ​ ​อ้างว่า​เป็น​ ​โปรแกรมสำ​หรับ​ช่วย​งาน​ ​เพา​เวอร์พอยนต์​ ​และ​เป็น​ไดรเวอร์​ IDE ​ใหม่​ที่​จะ​ทำ​ให้​เครื่องทำ​งาน​เร็ว​ขึ้น​ ​หากใครเปิดไฟล์ที่​ได้​รับขึ้นมา​ ​ก็มัก​จะ​ใช้​งานเครื่องคอมพิวเตอร์​ไม่​ได้​อีกเลย​

ข้อสังเกตุก็คือ​ ​โทรจัน​ ​ที่ส่งมา​กับ​อี​เมล์​นั้น​จะ​เป็น​ไฟล์ที่รัน​ได้​ (.exe.com.vbs) ​ซึ่ง​จะ​บอกประ​โยชน์ของการ​ใช้​งาน​ ​เอา​ไว้​ ​แต่ขนาดของโปรแกรมที่​จะ​สามารถ​ทำ​งานแบบ​นั้น​ได้​ ​เช่น​ ​โทรจัน​ ​มีขนาด​เล็ก​เพียง​ไม่​กี่กิ​โลไบต์​เท่า​นั้น​ ​ซึ่ง​ถ้า​เปรียบเทียบไดรเวอร์​หรือ​โปรแกรมอย่างที่​โฆษณา​ไว้​จริงๆ​ ​ก็ควร​จะ​มีขนาดหลายร้อยกิ​โลไบต์​หรือ​หลายเมกะ​ไบต์​ ​นั่นหมาย​ความ​โปรแกรมที่ส่งมาคง​จะ​เป็น​โปรแกรมต่างๆ​ ​อย่างที่บอกมา​นั้น​ไม่​ได้​แน่นอน​ ​และ​ถ้า​ใครไปเรียก​ใช้​ขึ้นมา​ ​โทรจันก็​จะ​ทำ​งานทันที​ ​อย่างเช่น​
Navidad ​นั้น​จะ​ทำ​ให้​ไม่​สามารถ​เรียก​ใช้​แอพพลิ​เคชัน​ใดๆ​ ​ใน​เครื่อง​ ​ที่​ยัง​มีนิสัยดีหน่อยคือทำ​ได้​อย่างที่​โฆษณา​เอา​ไว้​ ​แต่สุดท้าย​แล้ว​ก็ย้อนกลับมาทำ​ลายระบบเช่น​กัน​ ​ดัง​นั้น​อย่า​ไว้​ใจไฟล์​เอ็กซีคิว​ใดๆ​ ​ที่ส่งมา​ให้​ทาง​ e-mail ​โดย​เฉพาะอย่างยิ่งไฟล์ที่มีขนาด​เล็กๆ​ ​และ​ไฟล์ที่มี​ส่วน​ขยายมากกว่า​ 1 ​ชุด​ ( ​เช่น​ Annakournikoval.jpg.vbs)

มา​โครไวรัส​

จุดเริ่มต้นของมา​โครไวรัส​อยู่​ที่ชุดไมโครซอฟท์ออฟฟิต​ ​เพราะ​ว่า​ ​ออฟฟิตมีการพัฒนา​ให้​สามารถ​ใช้​ VBA ​ได้​นั่นเอง​ Melissa ​ที​โด่งดังมาก​อยู่​ช่วงหนึ่งก็​เป็น​มา​โครไวรัสเช่น​กัน​ ​มา​โครไวรัสค่อนข้าง​จะ​มีข้อจำ​กัด​อยู่​ที่ว่า​จะ​ทำ​งาน​ได้​เฉพาะ​ใน​แอพพลิ​เคชันที่สนับสนุนชุดคำ​สั่งมา​โครที่​เขียนขึ้นมา​เท่า​นั้น​ ​เช่น​ ​มา​โครไวรัสที่​เขียนขึ้นมา​จาก​ไมโครซอฟท์ออฟฟิตก็​จะ​ทำ​งาน​ใน​ไมโครซอฟท์ออฟฟิต​เท่า​นั้น​ ​ซึ่ง​ไม่​ค่อยน่า​จะ​อันตรายนัก​ ​แต่ปุจจุบันนี้​เรา​ใช้​ซอฟต์​แวร์​ไมโครซอฟท์ออฟฟิตศจนกลาย​เป็น​เรื่องปกติ​ ​เช่น​ ​เดียว​กับ​ที่​เรา​ใช้​ไมโครซอฟท์​เอาต์ลุกส์​ใน​การรับเมลล์​ ​ทำ​ให้​ไวรัสแพร่กระจาย​ได้​อย่างรวด​เร็ว​ ​เนื่อง​จาก​เอาต์ลุกส์​ ​(​และ​เอ้าท์ลุกส์​ ​เอ็กเพรส) ​สามารถ​ทำ​งานตามสคริปต์ต่างๆ​ ​ได้​นั่นเอง​ ​และ​ก็​ใช่​ว่า​จะ​เป็น​กับ​เฉพาะซอฟต์​แวร์​ 2 ​ตัวนี้​เท่า​นั้น​แต่​กับ​อี​เมลล์​ไคลเอนต์​ ​ตัว​อื่น​ก็มีผลกะทบเช่นเดียว​กัน​นอก​จาก​มา​โครไวรัสที่​เขียนขึ้น​จาก​ออฟฟิศ​แล้ว​ ​ยัง​มีสคริปต์​หรือ​โค้ด​ใน​รุปแบบต่างๆ​ ​อีก​ด้วย​ ​เช่นอาจ​จะ​มา​ใน​รูปแบบของแอ็กทีฟโค้ดแบบต่างๆ​ ​กัน​ ​ดัง​นั้น​ไม่​จำ​เป็น​ว่า​เรา​ต้อง​ใช้​ออฟฟิศ​เท่า​นั้น​จึง​จะ​ติดไวรัสแต่บรรดา​แอ็กทีฟโค้ดเหล่านี้​สามารถ​รันขึนมา​ ​ดัง​นั้น​โอกาสที่​จะ​ติดไวรัสสำ​หรับ​ผู้​ที่​เล่นอินเทอร์​เน็ตก็​เป็น​เรื่องธรรมดา​ไปเลยที​เดียว​ ​การทำ​งานของมา​โพโครไวรัส​ ​นั้น​จะ​อ้างอิง​จาก​ความ​สามารถ​ของภาษาสคริปต์ทีเขียนขึ้นมา​ ​อย่างเช่น​ VBA ​หรือ​ ActiveX ​ซึ่ง​ถ้า​มี​ความ​สามารถ​มากไวรัสก็​สามารถ​ทงาน​ได้​มากตามไป​ด้วย​ ​สำ​หรับ

Melissa ​นั้น​ออกระบาด​ใน​ช่วงปลายปี​ 1999 ​โดย​จะ​ทำ​งาน​ใน​ไมโครซอฟท์​เวิร์ด​ ​เมื่อมีการรันขึ้นมา​ Melissa ​จะ​ copy ​ตัวเองส่งต่อ​ ​ออกไป​ยัง​ผู้​รับ​ใน​แอดเดรสบุ๊ก​ได้​ถึง​ 50 ​คน​ ​และ​เมื่อ​เป็น​อย่างนี้ทำ​ให้​ Melissa ​สามารถ​แพร่กระจาย​ได้​อย่างรวด​เร็ว​
I Love You ​เมื่อผุ้รับเปิดรันไฟล์ที่ส่งมา​ใน​อี​เมล์​ ​ไวรัส​จะ​เริ่มทำ​งานทันที​ ​พร้อม​ทั้ง​ส่งต่อ​ให้​ผู้​อื่น​ต่อไป​ ​จาก​นั้น​จะ​เริ่มลงมือทำ​ลายเครื่องคอมพิวเตอร์​ ​และ​ที่​แย่​ไปกว่า​นั้น​ก็คือ​ ​ทุกคน​ยัง​เข้า​ใจว่า​ ​มา​โครไวรัส​จะ​ทำ​งาน​ ​ได้ก็ต่อเมื่อเรา​ไปรันมันขึ้นมา​ ​และ​มัน​จะ​ไม่​สามารถ​ทำ​งาน​ได้​เองอัตโนมัติ​ ​แต่หลัง​จาก​ที่​ BubbleBoy ​ออกอาละวาดทำ​ให้​ทุกคน​เข้า​ใจทันทีว่า​ความ​จริง​ไม่​ได้​ ​เป็น​เช่น​นั้น​ ​เพราะ​เมื่อเรา​ได้​รับอี​เมล์ที่ติดไวรัส​ BubbleBoy ​มา​ ​เพียงแค่คลิกเลือกเมล์​ ​หรือ​ฟรีวิวอี​เมล์นี้​ใน​ช่องพรีวิว​ ​โดย​ที่​ผู้​รับ​ยัง​ไม่​ทันรู้​ด้วย​ซ้ำ​ว่า​ ​อี​เมล์ที่​ได้​รับมา​นั้น​ ​เขียนข้อ​ความ​ว่าอย่างไร​ ​ไวรัสก็​สามารถ​ทำ​งาน​ได้​แล้ว​

วิธีป้อง​กัน​

วิธีการป้อง​กัน​อย่างแรกคือ​ ​ควร​จะ​หาซอฟต์​แวร์ป้อง​กัน​ไวรัสมาติดตั้งเอา​ไว้​ใน​เครื่องสักตัว​ ​และ​ไม่​ควร​ใช้​มากกว่า​ 1 ​ตัว​ ​เพราะ​จะ​สร้างปัญหาระหว่าง​กัน​ก็​เป็น​ได้​ ​และ​ ​หลัง​จาก​นั้น​ก็ควรอัพเดดโปรแกรม​ ​บ่อยที่สุด​ ​ตามที่บริษัท​ผู้​ผลิต​ ​มีการอัพเดดออกมา​ ​วิธีนี้​จะ​ช่วย​ให้​ป้อง​กัน​ให้​ปลอดภัย​จาก​ไวรัส​ได้​มากที​เดียว​
สำ​หรับผุ้ที่​ใช้​อินเตอร์​เน็ต​เป็น​ประจำ​ ​และ​ใช้​เอาต์ลุก​เป็น​ซอฟแวร์รับเมล์ก็​ไม่​ควร​จะ​รันไฟล์​ ​เอ็กซีคิว​ ​หรือ​สคริปต​ ​์ที่ส่งมา​ ​ให้​แม้​แต่​จาก​คนที่รู้จักก็ตาม​ ​เพราะ​ว่าบางครั้งคน​นั้น​ไม่​ได้​เป็น​ผู้​ส่ง​ ​แต่​ไวรัส​เป็น​ผู้​ส่งอัตโนมัติ​ ​ถ้า​หากเรา​เข้า​ใจว่า​เพื่อนคน​นั้น​เป็น​ผู้​ส่งจริง​แล้ว​รันไวรัสขึ้นมา​ ​ไวรัสก็​จะมี​โอกาสติด​ใน​เครื่อง​ได้​เช่น​กัน​ด้วย​ ​และ​ที่สำ​คัญอีกอย่างหนี่งก็คือ​ ​สื่อ​ใด​ก็ตามที่นำ​มา​จาก​ภายนอกล้วน​ ​แต่อาจ​จะ​นำ​พา​ไวรัสมา​ด้วย​ทั้ง​สิ้น​ ​จึง​ไม่​ควร​ไว้​ใจ​
่​ ​ควรตรวจสอบไวรัสก่อนเสมอ​ ​และ​ควร​ ​รันซอฟแวร์​ ​ป้อง​กัน​ไวรัสค้างเอา​ไว้​ด้วย​ ​ซึ่ง​ไม่​เจำ​เป็น​ต้อง​ ​เฉพาะ​แผ่นดิสก์​เท่า​นั้น​ ​ยัง​รวมไป​ถึง​แผ่น​ CD-Rom ,Jazz ,Zip ,Ls-120 ​หรือ​แม่แต่​ Thumbdrive ​หรือ​สื่อเก็บข้อมูล​อื่นๆ​ ​เพราะ​ไวรัส​สามารถ​ติด​กับ​ข้อมูล​ได้​ทุกแหล่งที่มัน​สามารถ​บันทึกตัวมันลงไป​ได้​
ซอฟแวร์ที่​ใช้​ป้อง​กัน​ไวรัส​นั้น​มี​อยู่​หลายตัว​ให้​เลือก​ ​แต่ที่​เห็น​ใช้​กัน​มากๆ​ ​หน่อยคง​จะ​เป็น​ Pc-cillin 200, Norton Antivirus 2001 ​และ​ Mcafee VirusScan

ที่มา​ online-station.net