“ปฐม” แนะ 4 ขั้นบันไดทอง ดึงโฆษณาออนไลน์ไทยแตะ 5 พันล้านใน 3 ปี

“ปฐม อินทโรดม” แม่ทัพเอ.อาร์.ฯ ผู้จัดงานคอมมาร์ต ชี้เหตุอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์ไทยไปไม่ถึงดวงดาวว่าเป็นเพราะการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ระบุคนโฆษณามัวแต่เลือกลงแบนเนอร์กับเว็บไซต์ที่มี “ฮิตเรต” หรือจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์สูงๆ โดยไม่ดูกลุ่มเป้าหมาย ผลที่ออกมาไม่เวิร์กจึงทำให้การตลาดออนไลน์ไทยไม่ขยายตัวเช่นต่างชาติ ฟันธงหากเดินตามบันได 4 ขั้นนี้จะทำให้คนโฆษณาเห็นผลงานเนื้อๆ ภายใน 3 เดือน เชื่อว่าจะช่วยสร้างการเติบโตให้มูลค่าตลาดโฆษณาออนไลน์ไทยแตะระดับ 5 พันล้านบาทในปี 2010

4 ขั้นครบวงจร

นายปฐม อินทโรดม บริษัท เอ.อาร์ อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด ระบุว่า บันได 4 ขั้นนี้จะทำให้การตลาดออนไลน์สามารถนำไปต่อยอดได้แบบครบวงจร โดยเรียกรูปแบบการตลาดนี้ว่า “ออนไลน์ปลายปิด”

บันไดขั้นแรก คือ การสร้างกระแสด้วยโลกออนไลน์ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตคือแหล่งที่สามารถสร้างกระแส หรือความเชื่อมั่นในตัวสินค้าให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ขั้นที่สองคือการใช้สื่อดั้งเดิมเข้ามาช่วย เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ซึ่งยังมีอิทธิพลกับคนไทยตลอดมา ขั้นต่อไปคือการสร้างสังคมหรือคอมมูนิตี้ระหว่างผู้ใช้กลุ่มเดียวกัน ขั้นสุดท้ายคือการดึงคอมมูนิตี้มาที่ช่องทางจำหน่ายหรือชาแนล
“การดึงมาที่ชาแนลจะทำให้เกิดยอดขาย เกิดการคืนทุนหรือรีเทิร์น ทำให้เจ้าของสินค้าได้พบกับผู้ใช้ ทั้งหมดจะทำให้นายทุนเห็นชัดๆ ว่าการลงทุนทั้งหมดได้คืน”

นายปฐม ระบุว่า การทำตลาดงานคอมมาร์ตที่ผ่านมาใช้กลยุทธ์ “ออนไลน์ปลายปิด” มาตลอด เป็นการตลาดที่เอ.อาร์.คิดขึ้นมาเอง โดยที่มาของชื่อปลายปิดหมายถึงการปิดที่ชาแนลหรืองานอีเวนท์ที่จัดขึ้น ต่างจากการทำตลาดออนไลน์ปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นปลายเปิดที่มีแต่การลงแบนเนอร์ไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย

3 เดือนคืนทุน

“ก่อนที่สินค้าจะเข้ามาวางจำหน่าย เราสามารถสร้างกระแสก่อน 2 เดือน ลงโฆษณาสื่อดั้งเดิมอีก 1 เดือน วันที่สินค้าเข้ามาเชื่อว่าคอมมูนิตี้เกิดแล้ว เท่านี้การลงทุนที่เสียไปก็จะเห็นผลภายใน 3 เดือน”

นายปฐมอธิบายว่า ที่ผ่านมาการตลาดออนไลน์ของนายทุนไทยส่วนใหญ่เป็นไปตามตลาดอเมริกัน ที่เลือกลงโฆษณากับเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้เข้าชมสูงเป็นหลัก แต่การสำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเมืองไทยที่มีอยู่ 8.5 ล้านคนพบว่าเกือบ 70% เน้นการใช้งานเฉพาะโปรแกรมสนทนา หรือ IM (INSTANT MESSENGER) ส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตในด้านอื่น นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจการโฆษณาออนไลน์ของไทยเติบโตได้ยาก

“ที่ผ่านมาการตลาดออนไลน์ไทยจะเน้นการลงโฆษณาในเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ครบวงจร อเมริกาทำได้เพราะคนออนไลน์เค้าเยอะมาก คนอเมริกันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ออนไลน์ เทียบกับของไทยที่สัดส่วนการออนไลน์ยังมีอยู่น้อยนัก สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราทำแบบเค้าไม่ได้” นายปฐม กล่าว และว่า “ปัจจุบันตลาดโฆษณาออนไลน์ไทยมีสัดส่วนเพียงแค่ 1% ของตลาดโฆษณาทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่อเมริกา หรือยุโรปมีอัตราส่วนถึง 15-20% บ้านเค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว”

สำหรับปี 2008 เอ.อาร์ฯระบุว่าเตรียมทุ่มเงินสำหรับธุรกิจสื่อออนไลน์กว่า 30 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโมเดล “ออนไลน์ ปลายปิด” คาดว่ารายได้จากธุรกิจออนไลน์จะมีสัดส่วนสูงขึ้นกว่า 20-25% จากยอดรวมรายได้ของบริษัท เอ.อาร์ฯ ซึ่งเติบโตจากปีนี้ที่มีอยู่ 10%

Company Related Links :
ARiP