นายเดฟ ลี ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบแฟลช ประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัทคิงสตัน เทคโนโลยี ฟาร์อีสต์ คอร์ป. สำนักงานใหญ่เอเชีย อ้างถึงข้อมูลจากสำนักวิจัยข้อมูล การ์ทเนอร์ ระบุว่า ปี 2010 แฟลช การ์ด จะใช้ในโทรศัพท์ดิจิทัล 478 ล้านอัน รองมาเป็นกล้องดิจิทัล 125 ล้านอัน จากตลาดรวมที่มีประมาณ 823 ล้านอัน รวมความจุ 5,184 เพตาไบต์ จากปี 2007 จะมียอดรวมประมาณ 704.6 ล้านอัน ส่วนใหญ่ใช้กับโน้ตบุ๊ค ตามมาด้วยโทรศัพท์ดิจิทัล
เร็วๆ นี้ บริษัทจะเปิดตัวเมมโมรี ดีดีอาร์3 1600 เมกะเฮิร์ตซ์ และดีดีอาร์2 800 เอฟบี-ดิมม ทั้งปัจจุบันกำลังวิจัยและพัฒนาดิมม และเอฟบี-ดิมม 8 กิกะไบต์ ส่วนปีหน้าจะออกดีดีอาร์3 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และโน้ตบุ๊ค พร้อมคาดว่า ไตรมาส 1 ปีหน้า ราคาของดีดีอาร์3 จะลดลงกว่าปีนี้ ขณะที่ราคาของดีดีอาร์1 และ 2 จะไม่เปลี่ยนแปลง

นางสาวแอน ไบ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ คิงสตัน อ้างถึงซีอาร์เอ็น ไอซัพพลาย เซิร์ฟเวอร์ เบลด ซัมมิท ว่า อนาคตอุปกรณ์เก็บสำรองข้อมูลทั่วไป ทั้งประเภทแฟลชไดร์ฟ และแรม เช่น เอสดีแรม หรือดีแรม มีแนวโน้มจะใช้เทคโนโลยีโซลิด สแตท ไดร์ฟ หรือโซลิด สแตท ดิสก์ (เอสเอสดี)

การที่ต้องเลือกเอสเอสดี เพราะคุณสมบัติมากมายที่มี เช่น ความเร็วของการบูตระบบ ความเชื่อถือได้ อัตราเฉลี่ยการล้มเหลวต่ำ ประหยัดพลังงาน ความร้อนน้อย น้ำหนักเบา ขนาดไม่ใหญ่ แต่ยังติดที่ราคาต่อหน่วย (คอสต์/กิกะไบต์) ยังสูงที่ประมาณ 6-7 ดอลลาร์ต่อกิกะไบต์

ทั้งนี้ คาดว่า ปี 2010 ยอดการใช้เอสเอสดี ในโน้ตบุ๊คจะพุ่งถึง 32 ล้านเครื่อง จำนวน 1,250 ล้านกิกะไบต์ จากปีนี้ที่มีเพียง 4 ล้านเครื่อง จำนวน 160 ล้านกิกะไบต์ หรือเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของความจุเกือบ 90% ซึ่งทิศทางการผลิตสินค้าของคิงสตันก็จะเป็นไปตามแนวโน้มของเทคโ นโลยี

นายสก็อต เชน รองประธาน ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก คิงสตัน กล่าวว่า บริษัทตั้งใจใกล้ชิดกับตลาดไทยมากขึ้น ในฐานะที่เป็นตลาดหลักแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่บริษัทไม่มีนโยบายตั้งสำนักงานในไทย หากจะตั้งตัวแทนฝ่ายขายเพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่ง ทำงานร่วมกับผู้จัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 2,210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งที่ 18.1% ไม่รวมรายได้จากสัญญารับจ้างผลิตแบบโออีเอ็ม และแฟลช เมมโมรี