3G เทคโนยีใหม่สื่อสารไทย
ถึงตอนนี้ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงราวปี 2551 ประเทศไทยจะได้เห็นเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G หรือ Third Generation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบใหม่ในเมืองไทย หากแต่ในต่างประเทศเริ่มเปิดให้บริการไปบ้างแล้ว ที่บอกว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่เป็นเพราะเจ้าเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G เป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีภาพ และ เสียงเข้ากันอย่างลงตัว และ ส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็ว 384 กิโลบิตต่อวินาทีเลยทีเดียว





ด้วยกระแสของเทคโนโลยี 3G ที่กำลังคลืบคลานเข้ามาและประเทศไทยไม่สามารถทานกระแสนี้ได้ เช่นเดียวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เอ็นเอ็มที 470,อนาล็อก และ ดิจิตอล จีเอสเอ็ม ที่ประเทศไทยได้ลงทุนไปแล้ว





และนั้นจึงเป็นที่มาที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้วางโมเดลในการออกใบอนุญาติโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 G ซึ่งตามแผนงานจะออกใบอนุญาติให้กับบรรดาเอกชนให้แล้วเสร็จภายในปี 2551





- โมเดลแล้วเสร็จปี 51


ศาสตราจารย์เศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ กรรมการ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สำหรับขั้นตอนการออกใบอนุญาติโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ขณะนี้ทางคณะกรรมการยังมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาการออกใบอนุญาติ 3G อาทิเช่น ผู้ประกอบการควรมีจำนวนกี่รายเพื่อให้บริการเทคโนโลยีดังกล่าว เนื่องจากต้องพิจารณาปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และ สภาพอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย และ วิธีจัดสรรคลื่นความถี่ 3G ซึ่งต้องใช้ย่านความถี่ 2000 เมกะเฮริตซ์ในการให้บริการจะเลือกใช้วิธีจัดสรรคลื่นความถี่ในรูปแบบใด เช่น ใช้วิธีประมูล หรือ วิธีผสมผสาน ดังนั้นประเด็นดังกล่าวที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการวิเคราะห์และวิจัย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดสรรที่ปรึกษาคาดว่าจะสรุปได้ภายใน 1 สัปดาห์ถัดจากนั้นที่ปรึกษาจะทำการวิจัยและวิเคราะห์รายละเอียดดังกล่าวเชื่อว่าภายใน 2 เดือนหลังจากนี้โครงสร้างและรายละเอียดต่าง ๆ ของเทคโนโลยีระบบ 3G จะแล้วเสร็จ





ไม่เพียงเท่านี้ ศาสตาราจารย์เศรษฐพร ยังกล่าวต่ออีกว่าในปี 2551 จะเห็นรูปแบบโครงสร้างโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แล้วประเด็นถัดมาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาต่อ คือ คณะกรรมการ กทช. ที่หมดวาระการทำงานจำนวน 4 คน (พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานกรรมการ,ศาสตตราจารย์เศรษฐพร คูศรีพิทักษ์,นายเหรียญชัย เรียววิไลสุข และ ดร.อาทร จันทวิมล ที่ยื่นใบลาออกก่อนหน้านี้) จะต้องมีการสรรหาคณะกรรมการใหม่เข้ามาแทนกรรมการ 4 คนที่หมดวาระหรือไม่อย่างไร หรือ จะให้คณะกรรมการชุดเดิมทำหน้าที่ตัดสินใจแทนไปก่อนเพราะฉนั้นจะต้องดูผลการศึกษาในเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วย





-ทีโอที รอลุ้น


ผู้ประกอบการลำดับต้นๆ ที่ประกาศลงทุนติดตั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G นั้นก็คือ กิจการร่วมค้าไทยโมบาย ซึ่งผู้ร่วมทุนประกอบไปด้วย บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท.โทรคมนาคม เหตุผลที่ผู้ประกอบการรายนี้ประกาศนโยบายเป็นลำดับต้น ๆ ที่จะลงทุนโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เป็นเพราะกิจการร่วมค้าไทยโมบาย มีคลื่นความถี่ 1900-2000 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งย่านความถี่ 2000 เมกะเฮริตซ์นี้เองสามารถให้บริการเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ได้เป็นอย่างดี


หากต่นโยบายที่ บมจ.ทีโอที ประกาศออกมาหลายครั้งหลายคราวปัจจุบันไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ก็ด้วยเหตุผลทางธุรกิจที่ถูกบล็อกทางการเมืองทำให้ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มที่หนัก แม้รัฐมนตรีหลายคนที่เข้ามานั่งกำกับดูแลกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที หรือแม้กระทั่ง ศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ พยายามผลักดันแต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ


ที่สำคัญไปกว่านั้นทางคณะกรรมการบริหารชุดของพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานกรรรมการ บมจ.ทีโอที พยายามผลักดันเรื่องการลงทุนแต่ถึงวันนี้แม้จะคืบหน้าไปบ้างเรื่องของโมเดลธุรกิจ หากแต่ยังติดปัญหา เนื่องจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ยังไม่สามารถหาบุคคลเข้ามานั่งเก้าอี้แทน ศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม ได้ในขณะนี้ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ต้องรอลุ้นจากรัฐมนตรีไอซีทีคนใหม่





- เอไอเอส ควักหมื่นล.


ขณะที่กิจการร่วมค้าไทยโมบาย ประกาศลงทุนเทคโนโลยี 3G ก่อนใครก็ตาม แต่ถ้า กทช. ปล่อยใบอนุญาติออกให้เอกชนยื่นขอเป็นผู้ให้บริการ ค่ายมือถือเบอร์หนึ่ง เอไอเอส หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ประกอบการลำดับต้นๆ ยื่นข้อเสนอเพื่อลงทุนติดตั้งระบบ เป็นเพราะความพร้อมเรื่องสถานะการเงิน และ ผู้ถือหุ้นอย่าง เทมาเสกโฮลดิ้ง จากประเทศสิงคโปร์ สนับสนุนอย่างเต็มที่





โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ออกมาส่งสัญญาณว่า กลุ่มชินคอร์ปฯ มีนโยบายชัดเจนลงทุนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G


หากทางคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) หรือ ต่อไปจะเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. ได้มีการออกใบอนุญาติโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G บริษัทก็จะดำเนินการยื่นขอถัดจากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือนในการเปิดให้บริการโดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบ 1 ดอลล่าร์เท่ากับ 35 บาท) หรือประมาณ 13,000 ล้านบาทส่วนเงินที่จะนำมาลงทุนนั้นส่วนหนึ่งมาจากรายได้จากการดำเนินงาน และ อีกส่วนหนึ่งอาจจะทำการกู้ยืม ขณะที่พื้นที่ติดตั้งเครือข่ายในเฟสแรก คือ กรุงเทพมหานคร,เชียงใหม่,นครราชสีมา,และข่อนแก่น ฯลฯ





สมประสงค์ ยังบอกอีกว่า กลยุทธ์ทางการตลาดนั้นจะใช้วิธีโรมมิ่ง (เชื่อมโยงสัญญาณ) กับระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบดิจิตอล หรือ GSM ที่มีสถานีฐานครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทยจำนวน 10,000 สถานีเชื่อมต่อโครงข่ายอีกด้วย





ไม่ใช่แต่เพียง เอไอเอส ที่จะยื่นขอใบอนุญาติประกอบกิจการโทรศัพทืเคลื่อนที่ 3G ค่ายมือถือเบอร์สองอย่าง ดีแทค หรือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด หรือ ทรูมูฟ ของกลุ่มทรู ก็คงจะเรียงแถวขอใบอนุญาติกับ กทช. เช่นเดียวกัน





และอีกไม่นานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G จะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป!!!





มือถือที่รองรับ 3G


แม้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ยังไม่มีการเปิดให้บริการในประเทศไทย หากแต่มือถือบางรุ่นที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยรองรับเทคโนโลยี 3G แล้ว ไล่เรียงตั้งแต่ โนเกีย รุ่น N95 8GB, โนเกีย รุ่น N81 8GB และ โมโตโรล่า รุ่น ROKR E8 และ รุ่น RIZR Z10 เป็นต้น


http://www.thannews.th.com/detialnews.php?...&issue=2261