Results 1 to 2 of 2

Thread: ประสาทวิทยาศาสตร์ของการนั่งสมาธิ​ (Neuroscience of Meditation)

  1. #1
    Junior Member
    Join Date
    Jul 2007
    Posts
    5


    ยาวหน่อยนะ แต่อ่านแล้วได้ประโยชน์แน่

    Credit: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=d...7&gblog=281

    ถ้าอยากอ่านแบบมีสีสันก็เข้าไปอ่านในเวปเลยนะ ^^

    เมื่อองค์ดา​ไลลามะขึ้นบนเวที​ใน​การประชุมประจำ​ปีของสมาคมประสาทวิทยาศาสตร์​ (Neuroscience 2005) ​ผู้​ร่วมงานหลายคนสงสัยว่า​ผู้​นำ​ศาสนาพุทธ​จะ​กล่าวอะ​ไรเกี่ยว​กับ​ประสาทวิทยาศาสตร์​ ​ศาสนาอันเก่า​แก่​และ​ประสาทวิทยาศาสตร์สมัย​ใหม่​นี้มีอะ​ไรที่​เหมือน​กัน​อย่าง​นั้น​หรือ​? ​อย่างไรก็ตาม​ ​ใน​ตอนท้ายของการปาฐกถา​ ​พวก​เขา​เข้า​ใจ​ใน​สิ่งที่​ผู้​นำ​ทางศาสนา​และ​นักประสาทวิทยาศาสตร์รู้​อยู่​แล้ว​คือ​ ​นอกเหนือ​จาก​ความ​แตกต่างทางหลักการบางอย่าง​แล้ว​ ​จุดมุ่งหมายของศาสนาทางตะวันออก​และ​ประสาทวิทยาศาสตร์ทางตะวันตกต่างมีอุดมการณ์ร่วม​กัน​ ​"​ถึง​แม้ว่าศาสนาพุทธอันเก่า​แก่​และ​วิทยาศาสตร์สมัย​ใหม่​จะ​เกิดมา​จาก​รากฐานทางประวัติศาสตร์​ ​ภูมิปัญญา​ ​และ​วัฒนธรรมที่​แตกต่าง​กัน​ ​แต่​โดย​แก่นแท้​แล้ว​ ​ทั้ง​สองอย่างมีสิ่งสำ​คัญที่​เหมือน​กัน​มากมาย​โดย​เฉพาะ​ใน​เรื่องมุมมองด้านปรัชญา​และ​หลักการพื้นฐาน" ​องค์ดา​ไลลามะกล่าว

    สิ่งที่​เหมือน​กัน​อย่างหนึ่งคือ​ความ​พยายาม​ใน​การ​เข้า​ใจ​ ​เยียวยารักษา​ ​และ​เพิ่มประสิทธิภาพจิตใจมนุษย์คือ​ ​พุทธศาสนิกชน​จะ​อาศัยการไตร่ตรองสิ่งๆ​ ​นั้น​อย่างมีระบบ​และ​นักวิทยาศาสตร์ก็อาศัยการศึกษา​และ​การทดลองที่​เป็น​ขั้นตอน​ ​จะ​เห็น​ได้​ชัดว่า​เอกสารทางวิทยาศาสตร์​ได้​ตรวจวัด​ถึง​ผลเชิงบวกที่สนับสนุนการนั่งสมาธิ​ (meditation) ​ว่า​เป็น​วิธีที่ค่อนข้างง่ายสำ​หรับมนุษย์​เพื่อ​ค้น​หา​และ​จัดการ​กับ​การเปลี่ยนแปลงอย่างรวด​เร็ว​ของสังคมที่ทำ​ให้​เกิด​ความ​วิตกกังวล​และ​ภาวะซึมเศร้า​ได้

    วงการประสาทวิทยาศาสตร์​ได้​ตีพิมพ์​เอกสารเกี่ยว​กับ​สมอง​สามารถ​เปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนอง​กับ​ประสบการณ์ทางร่างกาย​และ​ข้อมูลที่รับมา​จาก​โลกภายนอก​ ​ปรากฏการณ์นี้​เรียกว่า​ความ​ยืดหยุ่นของระบบประสาท​ (neuroplasticity) ​ดัง​นั้น​ ​มัน​ไม่​แปลกที่นักวิทยาศาสตร์​จะ​สงสัยว่าสมอง​สามารถ​เปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองต่อสัญญาณจิตภาย​ใน​หรือ​ไม่​ ​การนั่งสมาธิของพระพุทธศาสนา​ได้​เปิดโอกาส​ให้​เหล่านักวิทยาศาสตร์ตรวจหาพลังของจิต​และ​ความ​สนใจ​ใน​การเปลี่ยนพฤติกรรมด้านร่างกายของสมอง​

    การนั่งสมาธิหมาย​ถึง​ขั้นตอน​หรือ​วิธีปฏิบัติ​เพื่อเพ่ง​ความ​สนใจ​หรือ​สติภาย​ใน​ใจ​ ​รากฐานของสมาธิ​สามารถ​ย้อนกลับไปเมื่อมนุษย์​ได้​ไตร่ตรองโลกรอบตัวพวก​เขา​ ​แต่รูปแบบการทำ​สมาธิ​เริ่มขึ้น​ 1,000 ​ปีก่อนพร้อม​กับ​พิธีกรรมทางศาสนา​และ​ทาง​ความ​เชื่อเรื่องผีสาง

    ตามประวัติศาสตร์​แล้ว​ ​การนั่งสมาธิถูก​ใช้​เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายทางจิตวิญญาณที่สูงขึ้น​ ​ใน​ปัจจุบัน​ ​การนั่งสมาธิ​เกิดขึ้น​ใน​หลายวัฒนธรรม​ทั่ว​โลก​โดย​มีจุดประสงค์มากมาย​ไม่​ใช่​แค่ด้านศาสนา​เพียงอย่างเดียว​ ​จุดประสงค์​เหล่านี้​ยัง​รวม​ถึง​การเพิ่มสมรรถภาพด้านจิตใจที่​ช่วย​เพิ่ม​ความ​สามารถ​ของจิตใจ​ใน​การเพ่งพินิจ​ ​เพิ่มอารมณ์​เชิงบวก​ ​ลด​ความ​วิตกกังวล​ ​และ​ความ​เครียด​ ​บรรเทา​ความ​เจ็บปวด​ ​และ​ช่วย​ให้​สุขภาพร่างกายดีขึ้นอีก​ด้วย

    ใน​ปัจจุบัน​ ​ผู้​คนหลายล้านคนรวม​ถึง​ชาวอเมริกากว่า​ 10 ​ล้านคนฝึกการนั่งสมาธิบางประ​เภท​อยู่​ ​ประ​เภทสมาธิที่งานวิจัยมุ่งเน้นมากที่สุดคือการนั่งสมาธิ​แบบควบคุมจิต​ (transcendental meditation) ​ซึ่ง​ผู้​ฝึก​จะ​เพ่งจิตไปที่คำ​ ​เสียง​ ​หรือ​วลี​ซ้ำ​เดิม​ ​และ​การนั่งสมาธิตามแบบพุทธศาสนา​ (Buddhist technique of mindfulness meditation) ​ทั้ง​แบบดั้งเดิม​และ​แบบอเมริกา

    ใน​การฝึกนั่งสมาธิตามแบบพุทธศาสนาบางแบบ​ ​ผู้​ฝึก​จะ​เพ่ง​ความ​สนใจไป​ยัง​ลมหายใจเพื่อ​ให้​เกิดสติ​และ​รับรู้​ถึง​สิ่งเร้า​ใน​ตอน​นั้นๆ​ ​กระบวนการนี้ทำ​ให้​ผู้​ปฏิบัติมี​ความ​สมดุล​และ​การควบคุมทางอารมณ์ที่ดีขึ้น​ ​ซึ่ง​เป็น​เรื่องที่นักวิทยาศาสตร์​ให้​ความ​สนใจมาก​ ​หลักของการฝึกนั่งสมาธิมีหลัก​อยู่​ 2 ​อย่างคือการ​ให้​ความ​สนใจ​หรือ​มีสติ​ให้​อยู่​ด้านหนึ่ง​ ​และ​ให้​การกำ​หนด​และ​การปรับอารมณ์​อยู่​อีกด้านหนึ่ง​ ​"​ทั้ง​สองอย่างนี้​ ​ฉันรู้สึกว่ามันมีศักยภาพมากสำ​หรับงานวิจัยร่วมระหว่างประสาทวิทยาศาสตร์​และ​พระพุทธศาสนา​" ​องค์ดา​ไลลามะกล่าว

    การศึกษาที่​เผยแพร่อย่างกว้างขวาง​ใน​ตอนนี้​ได้​เปรียบเทียบกิจกรรมสมองของ​ผู้​ฝึกนั่งสมาธิ​แบบพุทธศาสนาระยะยาวที่​ได้​นั่งสมาธิ​ไป​แล้ว​มากกว่า​ 10,000 ​ชั่วโมง​กับ​กิจกรรมสมองของอาสาสมัครที่อายุ​เท่า​กัน​และ​สุขภาพดีที่​ไม่​เคยฝึกนั่งสมาธิมาก่อนแต่ทุกคน​ได้​เรียนรู้วิธีฝึกสมาธิก่อนการทดลอง​ ​นักวิทยาศาสตร์​ให้​ผู้​ถูกทดลอง​อยู่​ใน​สมาธิหลายครั้งสลับการพัก​ ​ประ​เภทของการนั่งสมาธิที่​แต่ละกลุ่ม​ใช้​จะ​เกี่ยวข้อง​กับ​การสร้าง​ความ​รู้สึกเมตตา​และ​ความ​กรุณาต่อทุกสิ่ง​โดย​ปราศ​จาก​การคิด​ถึง​บุคคล​หรือ​สิ่งต่างๆ​ ​โดย​เฉพาะ

    ช่วงก่อน​ ​ระหว่าง​ ​และ​ช่วงหลังการฝึกสมาธิ​ ​นักวิจัย​ได้​บันทึกคลื่นแกมม่า​ (gamma band) ​ซึ่ง​เป็น​สัญญาณสมองที่​เกี่ยวข้อง​กับ​กิจกรรมของจิตใจที่​เพิ่มขึ้นเช่น​ความ​สนใจ​ ​การเรียนรู้​ ​และ​การรับรู้อย่างมีสติ​ ​พวก​เขา​ยืนยันว่าพระสงฆ์มีระดับคลื่นแกมม่ามากกว่าคนที่​ไม่​ได้​ฝึก​ ​ซึ่ง​บ่งบอกว่าการฝึกนั่งสมาธิระยะยาวอาจ​จะ​เปลี่ยนแปลงภาวะสมองพื้นฐาน​ได้​ ​นักวิจัยเห็นพ้องว่าการศึกษานี้​แสดง​ถึง​จุดเริ่มต้น​และ​ต้อง​มีการศึกษาอีกมากเพื่อตรวจสอบผลทางสมอง​และ​พฤติกรรมหลัง​จาก​เกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

    งานวิจัย​อื่นๆ​ ​ได้​ตรวจสอบพระธิ​เบต​ 76 ​รูปที่​ได้​ฝึกนั่งสมาธิมา​เป็น​ระยเวลา​ 5-54 ​ปี​ ​จาก​การ​ใช้​การทดสอบภาพลวงตาที่​เรียกว่า​ perceptual rivalry ​นักวิจัย​ค้น​พบหลักฐานว่าการนั่งสมาธิ​สามารถ​เพิ่มทักษะด้าน​ความ​สนใจ​และ​ความ​สามารถ​ใน​การปรับจิตใจ​ให้​เป็น​ปกติ​ได้​ ​นักวิจัยกล่าวว่าผลการทดลองสนับสนุนข้ออ้างที่ว่าการฝึกนั่งสมาธิมีผล​กับ​สภาพจิตใจของแต่ละคน​ได้​อย่างแท้จริง​และ​สามารถ​ตรวจวัด​ได้

    พระทิ​เบตที่​เชี่ยวชาญ​ใน​การนั่งสมาธิ​สามารถ​กำ​จัดสิ่งเชิงลบ​ ​(​โดย​เฉพาะอารมณ์​และ​ความ​เจ็บปวด) ​โดย​การเพิ่มคลื่นสมองที่​เรียกว่าคลื่นแกมม่าที่​สามารถ​ตรวจวัด​ได้​ใน​ห้องทดลอง​ ​ริชาร์ด​ ​เดวิดสัน​ (Richard Davidson) ​แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซินเมดิสันทดสอบพระ​แปดรูป​ (กราฟบน) ​ใน​ช่วงนั่งสมาธิ​ ​พระทิ​เบตเหล่านี้​สามารถ​เพิ่มคลื่นแกมม่า​เป็น​สอง​เท่า​ (ดอกจันสีดำ​) ​หรือ​สาม​เท่า​ (ดอกจันสีส้ม) ​จาก​ช่วงพัก​ได้​ ​รูปด้านล่างแสดง​ถึง​พื้นที่สมองที่​เกิดคลื่นแกมม่า​ ​อาสาสมัครแปดคนที่​เพิ่งเรียนรู้​ถึง​วิธีนั่งสมาธิถือ​เป็น​กลุ่มควบคุม​ (รูปล่างซ้าย) ​แสดง​ให้​เห็นว่ามีคลื่นแกมม่า​เกิดขึ้น​ได้​น้อยมากเมื่อเทียบ​กับ​พระทิ​เบต​ (รูปล่างขวา)


    ตามการ​ค้น​พบ​ใน​ปัจจุบัน​ ​การนั่งสมาธิ​ยัง​สามารถ​เปลี่ยนโครงสร้าง​และ​หน้าที่ของสมอง​ได้​อีก​ด้วย​ ​หนึ่ง​ใน​การศึกษาจำ​นวนมาก​ ​นักวิจัยแห่งโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด​ได้​ใช้​การถ่ายภาพแม่​เหล็กกำ​ทอน​ (magnetic resonance imaging, MRI) ​กับ​สมองของคนจำ​นวน​ 15 ​คนที่​ไม่​เคยฝึกนั่งสมาธิมาก่อน​กับ​คนที่ฝึกนั่งสมาธิ​แบบพุทธศาสนาจำ​นวน​ 20 ​คน​ ​พวก​เขา​ค้น​พบว่าพื้นที่สมองที่​เกี่ยวข้อง​กับ​ความ​สนใจ​และ​ประมวลผลทางการรับสัมผัส​ใน​คนที่ฝึกนั่งสมาธิ​จะ​หนากว่าคน​ไม่​ฝึกนั่งสมาธิ​ ​นักวิทยาศาสตร์​ยัง​สงสัย​อยู่​ว่านี่​เป็น​ผล​จาก​การฝึกนั่งสมาธิ​หรือ​เป็น​การคล้อยตามการฝึก​ใน​ช่วงแรก​กัน​แน่​ ​ความ​หนาขึ้นที่​เห็น​ได้​ชัดเจน​จะ​พบ​ได้​ใน​คนนั่งสมาธิที่อายุมาก​ใน​ส่วน​เปลือกสมองชั้นนอก​ (outer cortex) ​ที่​เชื่อ​กัน​ว่า​เกี่ยวข้อง​กับ​การประมวลผลด้านอารมณ์​และ​การรับรู้​ให้​สมบูรณ์ขึ้น​ ​สิ่งนี้​ (รวม​กับ​การสังเกตการเพิ่มขึ้นของ​ความ​หนาของเปลือกสมองตามระยะ​เวลาที่​ผู้​ฝึก​ใช้)​ ​บ่งชี้ว่าการฝึกนั่งสมาธิอย่างสม่ำ​เสมออาจ​จะ​ช่วย​ลดการบางลงของพื้นที่สมองที่มี​ความ​สำ​คัญ​ใน​การรับรู้​และ​การประมวลผลด้านอารมณ์ตามอายุที่มากขึ้น

    ขณะที่​ความ​ก้าวหน้าของเทคโนโลยีการถ่ายภาพ​ช่วย​ให้​นักวิจัยจำ​แนกพื้นที่สมองที่ถูกกระตุ้นมากที่สุด​ใน​ช่วงการนั่งสมาธิ​ได้​นั้น​ ​การศึกษา​อื่น​มากมาย​ได้​แสดง​ถึง​ประสิทธิภาพของการนำ​เอาการนั่งสมาธิมา​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ใน​การรักษา​โรค​ความ​ดันสูง​ ​โรคเกี่ยว​กับ​การกิน​ ​ภาวะซึมเศร้า​ ​และ​ความ​เจ็บปวดเรื้อรังอีก​ด้วย​ ​นอก​จาก​นี้​ ​กลุ่มนักวิจัยกลุ่มหนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน​ค้น​พบว่ามี​ความ​เกี่ยวข้อง​กัน​ระหว่างการนั่งสมาธิ​และ​การเพิ่มขึ้นของภูมิคุ้ม​กัน

    ขณะที่การศึกษา​ใน​ปัจจุบัน​ได้​ให้​ภาพรวมของการนั่งสมาธิ​อยู่​นั้น​ ​การทดลองต่อๆ​ ​ไป​จะ​ช่วย​ให้​รายละ​เอียด​ใน​เรื่องจิตใจของเรามีอิทธิพลต่อร่างกายเราอย่างไร​ให้​มี​ความ​สมบูรณ์มากขึ้นตัวอย่างเช่น​ ​การศึกษาอัน​ใหม่​จะ​ตรวจสอบว่าการฝึกนั่งสมาธิอย่างจริงจัง​เป็น​เวลานาน​สามารถ​ช่วย​ให้​ความ​สามารถ​ใน​การกระตุ้น​ความ​สนใจ​และ​อารมณ์ของคนๆ​ ​หนึ่ง​ให้​ดีขึ้น​ได้​อย่างไร​ ​งานวิจัย​ใหม่​อื่นๆ​ ​จะ​ตรวจสอบว่าการนั่งสมาธิ​สามารถ​ทดแทนการนอนหลับ​ได้​หรือ​ไม่​ ​รวม​ถึง​เทคนิคการลด​ความ​เครียด​และ​การฝึกจิตอย่างการนั่งสมาธินี้​สามารถ​ช่วย​เพิ่ม​และ​ป้อง​กัน​การลดลงด้านการรับรู้ที่มักเกิดขึ้นเมื่อคนเราอายุมากขึ้น​ได้​จริง​หรือ​ไม่​อีก​ด้วย​

    บางทีการทดลองเหล่านี้​และ​อื่นๆ​ ​จะ​ช่วย​ให้​สิ่งที่สืบทอด​กัน​มานานหลายพันปีนี้​เป็น​ที่ประจักษ์​แก่สังคมสมัย​ใหม่​ที่ดู​เหมือนห่าง​ไกล​จาก​ความ​เงียบ​และ​ความ​สงบก็​เป็น​ได้

  2. #2
    Junior Member
    Join Date
    Oct 2007
    Posts
    1


    โหท่าน ยาวขนาดนี้พื้นขาวดำด้วย อ่านตอนตีหนึ่งครึ่ง สุดๆ เลยครับ ขอเซฟไปอ่านพรุ่งนี้น๊ะครับ

    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ

Similar Threads

  1. ลบไฟล์ขยะ​ ​หลัง​จาก​เลิกเล่นเน็ต​ ​ช่วย​ลดปัญหา​ไวรัส​ได้
    By l2el3irtl4 in forum ทิปหรือเคล็ดลับการคอมพิวเตอร์ต่างๆ
    Replies: 0
    Last Post: 16-03-2008, 07:55 PM
  2. ป้อง​กันการ COpy ​แผ่น​โดย​การดั้มไฟล์​เกิน​ 2GB ​ลงแผ่น​ 700 MB
    By artno.1 in forum ทิปหรือเคล็ดลับการคอมพิวเตอร์ต่างๆ
    Replies: 0
    Last Post: 22-12-2007, 11:11 AM
  3. Replies: 1
    Last Post: 13-10-2007, 05:47 PM
  4. Replies: 1
    Last Post: 23-05-2007, 03:05 PM
  5. Replies: 0
    Last Post: 21-12-2006, 10:15 AM

Members who have read this thread : 0

Actions : (View-Readers)

There are no names to display.

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •