หลังจากดูรูปที่ถ่ายไปเรื่อยแล้วลองมาดูประวัติความเป็นมาของกล้อง Lomo กันก่อนนะคะว่ามันเริ่มมาได้ยังไง
เรื่องราวทั้งหมดของ lomography เกิดขึ้นวันหนึ่ง ณ เมือง St. Petersburg ในปี 2525 (1982)
นายพล อีกอร์ เปรโตรวิช คอร์นิสกี้, มือขวาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและอุตสาหกรรมของ รัสเซีย ได้นำเอากล้องญี่ปุ่นตัวหนึ่งชื่อว่า Cosina CX-1,CX-2 มาให้กับสหายในพรรคคอมมิวนิสต์ ชื่อว่า นาย มิเชล พาฟิโลวิช พาฟิลอฟ นาย พาฟิลอฟ ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงงาน lomo ที่ผลิต len และ อาวุธของรัสเซีย ทำการตรวจสอบกล้อง cosina นี้อย่างละเอียด แล้วพบว่า มันประกอบไปด้วย len ที่ไวแสงและคมชัด กับบอดี้ที่ทนทานแข็งแรง เขาทั้งสองท่านนี้ได้เห็นประโยชน์และความสำคัญของกล้องเล็กๆ ประเภทนี้ จึงได้สั่งให้ก๊อปปี้และพัฒนาในเรื่องของ design และผลิตออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อความพึงพอใจ ของความรุ่งโรจน์ทางคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น มันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ชาวคอมมิวนิสต์ทุกคนมีติดตัวไว้ เพื่อเป็นเครื่องมือบันทึกเหตุการณ์ชีวิตชาวรัสเซีย และบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในระยะเวลานั้น นั้นคือต้นกำเนิดของ LOMO LC-A จากนั้นมันก็ได้ถูกผลิตออกมามามาย และจำหน่ายให้แกสมาชิกคอมมิวนิสต์ทุกคน ทั้งในรัสเซีย และที่อื่นๆ เช่น เวียดนาม,คิวบา, เยอรมันตะวันตก ฯลฯ ช่วงปี 1980 เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของ LOMO LC-A
กล้อง LC-A เป็นกล้องออโตเมติกขนาดเล็ก ที่ให้ความเชื่อใจได้ หลายๆคนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับกล้องนี้ อาจจะต้องศึกษาลึกลงไปอีกสักนิด และจะได้พบกับคุณสมบัตืเฉพาะตัวที่เหลือเชื่อ ด้วย len "Minitar 1" ที่ถูกออกแบบโดย ศาสตราจารย์ ราดิโอนอฟ ให้มีคุณสมบัติ สร้างสีสรรบน film ให้สดใส และเก็บภาพมุมกว้าง, ระบบคำนวณแสงออโตเมติก ซึ่งในขณะนั้น มีเพียงในเฉพาะกล้องราคาแพงเท่านั้น ทำให้ LC-A สามารถใช้งานได้ในสภาพแสงหรือสถานการณ์ทุกรูปแบบ และด้วยขนาดกระทัดรัด ทำให้สามารถพกติดตัวไปด้วยได้ ตลอดเวลา นอกเหนือจากนั้น ในส่วนของการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก และวัสดุที่ใช้ในการผลิตก็ทำให้ LC-A เป็นกล้องที่มีความแตกต่าง และดูพิเศษมากกว่ากล้องทั่วไปจนกระทั่งปัจจุบัน.
ปรากฎการครั้งสำคัญของ Lomography ได้เกิดขึ้นที่เมืองปรากปี 1991
ในขณะนั้น Lomo LC-A ได้กลายเป็นของเก่าเก็บในร้านขายของเก่าไปเรียบร้อยแล้ว สายการผลิตไม่มีอีกต่อไป คงเหลือตามจำนวนที่ค้างอยู่ใน stock แต่มีนักศึกษาชาว เวียนนา 2 คน ได้ไปพบกล้อง LC-A ที่ร้านของเก่า แล้วซื้อมาเพืยงถ่ายเพื่อความสนุก พวกเขาได้ลองใช้กล้องนี้ถ่ายในรูปแบบต่างๆ ทุกมุมมองที่พวกเขาถ่ายแทบจะเรียกได้ว่า สถานที่แห่งนั้น (สาธารณรัฐ เชก) ได้ถูกเก็บไว้ในกล้องเล็กๆตัวนี้หมดแล้ว นักศึกษาทั้งสองคนเดินทางกลับมาเมืองเวียนนา แล้วนำ film ที่ถ่ายจากกล้องนี้ไปล้าง พวกเขาประหลาดใจกับสิ่งที่ได้พบ รูปทั้งหมด ได้แสดงอารมณ์ สถานการณ์ ลักษณะภาพในแบบต่างๆ ออกมาได้เป็นที่น่าประทับใจ
พวกเขาทั้งสองไม่เคยเห็นหรือ สัมพัสภาพแบบนี้จากกล้องตัวไหนมาก่อน ผลลัพธ์จากกล้องตัวเล็กๆ นี้ มันยิ่งใหญ่มากๆสำหรับพวกเขา และทำให้พวกเขานึกไปถึงนำ Lomo LC-A และ การถ่ายแบบ Lomograph ออกมาเผยแพร่ จนในที่สุดปัจจุบันนี้ กล้อง Lomo LC-A ถูกผลิตใหม่อีกครั้ง และ ความสำคัญของ Lomographic Society ก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นทุกวัน
กล้อง Lomo มีมากมายหลายแบบค่ะ ลองเข้าไปดูในเวบไซด์ที่ link ให้นะคะ จะมีหน้าตาของกล้องและภาพที่ถ่ายออกมาได้ค่ะ
- LOMO LC-A ( www.lomography.com/lca )
- FISHEYE CAMERA (www.lomography.com/fisheyecamera)
- FISHEYE2 CAMERA (www.lomography.com/fisheye)
- SUPERSAMPLER (www.lomography.com/supersampler)
- ACTIONSAMPLER FLASH (www.lomography.com/actionsamplerflash)
- COLORSPLASH CAMERA (www.lomography.com/colorsplashcamera)
- ACTIONSAMPLER (www.lomography.com/actionsampler)
- OKTOMAT (www.lomography.com/oktokino) (www.lomography.com/oktomat)
- POP9 (www.lomography.com/pop9)
- HORIZON KOMPAKT (www.lomography.com/horizonkompakt)
- HORIZON PERFEKT (www.lomography.com/horizonperfekt)
- HOLGA (www.lomography.com/holga)
- DIANA (www.lomography.com/diana)
Lomography เค้ามีกฎทองอยู่ 10 ข้อค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วทำข้อ 10 อยู่ข้อเดียวค่ะ ถ่ายตามความรู้สึกค่ะ ภาพที่ได้ออกมาจะมีอารมณ์ของมันเอง
The 10 Golden Rules of Lomography
1. Take your camera everywhere you go (เอากล้อง Lomo ติดตัวไปด้วยในทุกๆที่ที่ไป)
2. Use it anytime , Day and Night (ใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน)
3. Lomography is not an interference in your life,but a part of it (LOMOGRAPHY เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต)
4. Try shot from the Hip (ถ่ายโดยไม่ต้องเล็ง)
5. Approach the objects of your lomographic desire as closely as possible(ถ่ายให้ใกล้ที่สุดเท่าทีจะทำได้)
6. Don’t think (William Firebrace) (ถ่าย!อย่าคิด)
7. Be Fast (รวดเร็วเสมอสำหรับ Lomography แล้ว สิ่งที่เห็นครั้งแรก สำคัญและมีความหมายที่สุดเสมอ จงเชื่อมั่นในตัวเอง)
8. You don’t have to know beforehand what you’ve captured on film (อย่าไปคิดมากว่าจะได้ภาพออกมาเป็นแบบไหน)
9. Afterwards either (หลังจากล้างภาพออกมาแล้ว ก็ไม่ต้องไปพยายามนึกถึงว่ามันคือภาพอะไร)
10. Don’t worry about any rules(ไม่ต้องไปสนใจกฎใดๆทั้งสิ้น)
ลองไปหามาเล่นซักตัว แล้วจะติดใจค่ะ
ที่มาข้อมูลจาก
http://www.wara.com/modules.php?name=News&...mp;file=article
www.lomography.com , www.lomothai.com