นักวิเคราะห์ระบุ การที่ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือในเอเชียอ้าแขนรับซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ ก็เปรียบเสมือนกองกำลังสำคัญของไมโครซอฟท์ในสงครามชิงความเป็นผู้นำในตลาดระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์มือถือ เพื่อเข้ายึดอำนาจในอุตสาหกรรมดังกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การเข้ามาของผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติไต้หวันในตลาดสมาร์ทโฟน พร้อมๆกับการเปิดประตูรับซอฟต์แวร์ ?Windows Mobile Smartphone? นั้น ถือว่าเป็นกำลังหนุนสำคัญของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในศึกชิงความเป็นเจ้าตลาดระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์มือถือระหว่างค่ายไมโครซอฟท์, ค่ายซิมเบียน (Symbian) และค่ายปาล์มซอร์ส (PalmSource)
ไมโครซอฟท์เชื่อว่า ในปี 2005 โทรศัพท์มือถือทุกๆ 2 ใน 5 เครื่อง หรือ 40% จะรันโอเอสวินโดวส์
?บริษัทชาวไต้หวันคือกำลังสำคัญของไมโครซอฟท์ เป็นการปูทางสำหรับสมาร์ทโฟนเพื่อกลายเป็นเมนสตรีมโปรดักส์ในอนาคต? อเล็กซ์ วู (Alex Wu) นักวิเคราะห์จากเคจีไอซีเคียวริตี้ส์ (KGI Securities) กล่าว
ความร่วมมือกับผู้ผลิตชาวไต้หวันคือหนึ่งในกลยุทธ์ของไมโครซอฟท์ และ?นั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง? เขากล่าว
สมาร์ทโฟน คือโทรศัพท์มือถือซึ่งมีความสามารถด้านพีดีเอในตัว ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 3% และคาดว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 13 ล้านหน่วยในสิ้นปีนี้ ตามข้อมูลจากไอดีซี (IDC) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยตลาด
ซิมเบียนมีส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 66.67% โดยได้ปัจจัยหนุนสำคัญจากผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ เช่น บริษัทโนเกีย (Nokia) และบริษัทไซออน (Psion Plc)
SAMSUNG-LG
การทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของกลุ่มผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเอเชีย ส่งผลให้ไมโครซอฟท์มาแรงในสายตาของคนในวงการ
บริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) ประเทศเกาหลีใต้ เปิดตัวสมาร์ทโฟนสายพันธุ์วินโดวส์รุ่นแรกเมื่อต้นปี 2003 และเป็นบริษัทที่ 2 ที่วางจำหน่ายไมโครซอฟท์โฟนในอเมริกาหลังโมโตโรลา (Motorola)
คู่แข่งสัญชาติเดียวกัน บริษัทแอลจีอิเล็กทรอนิกส์ (LG Electronics) คลอดไมโครซอฟท์สมาร์ทโฟนตอนปลายปี ขณะที่บริษัทไมแทคอินเตอร์เนชั่นแนล (MiTAC International) และบริษัทไฮเทคคอมพิวเตอร์ (High Tech Computer Corp.) จากประเทศไต้หวัน กำลังอยู่ระหว่างเตรียมตัวออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่
นักวิเคราะห์ว่า สมาร์ทโฟนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างกลุ่มผู้ผลิตชาวไต้หวันกับไมโครซอฟท์เท่านั้น เพราะปกติพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ด้านการผลิตคอมพิวเตอร์ร่วมกันอยู่แล้ว
บริษัทไมแทคจำหน่ายไมโครซอฟท์สมาร์ทโฟนไปแล้วประมาณ 40,000 เครื่องนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา และมีแผนจะออกอีก 10 รุ่นในปีหน้า โดยตั้งเป้ายอดขายโทรศัพท์มือถือเพิ่ม 4-5 เท่าจากปีนี้ ขณะที่บริษัทไฮเทคฯ ตั้งเป้ายอดขายอุปกรณ์ไวร์เลส ซึ่งหมายรวมถึงสมาร์ทโฟน เอาไว้ที่ 40% ของยอดขายรวมของบริษัท ในสิ้นปีนี้
?ตลาดยังเป็นช่วงเริ่มต้น ยังสามารถเติบโตได้อีกมากในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้บริการด้านดาต้า เช่น พิกเจอร์เมเซจจิ้ง? มาร์ติน หลิว (Martin Liu) โฆษกประจำบริษัทไฮเทคฯกล่าว
บริษัทไฮเทคฯเริ่มผลิตสมาร์ทโฟนครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว โดยมีลูกค้ารายแรกเป็นบริษัทออเรนจ์ (Orange SA) ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในยุโรป ขณะที่ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของพวกเขาได้ชื่อว่า ?สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน? จากหนังสือพิมพ์การ์เดียน (Guardian)
เอ็ดดี้ วู (Eddie Wu) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย กลุ่มธุรกิจดีไวซ์โซลูชั่น บริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ไมโครซอฟท์หวังที่จะได้พันธมิตรเพิ่มขึ้นอีกในไต้หวัน
FUJITSU-SYMBIAN
ท่ามกลางภาวะการแข่งขันรุนแรง บริษัทฟูจิตสึ (Fujitsu Ltd) ซึ่งเป็นผู้ซัพพลายโทรศัพท์มือถือให้กับบริษัทเอ็นทีทีโดโคโม (NTT DoCoMo Inc.) ผู้ให้บริการอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น บอกว่า ฟูจิตสึยังไม่เคยมีความคิดจะทิ้งซิมเบียนมาก่อน รวมถึงปัจจุบัน
?เราจะรักษาซิมเบียนเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันยังคงไว้ใจได้ และยอดขายก็ไม่เลว? โฆษกประจำบริษัทฟูจิตสึกล่าว
ซัมซุง หนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัทซิมเบียนและหนึ่งในผู้ผลิตปาล์มโฟน ระบุว่า ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับการเติบโตของวินโดวส์โฟน
?ไมโครซอฟท์จะขึ้นนำซิมเบียน ซิมเบียนจะตายไปจากวงการ...เรื่องนี้ยังไม่แน่? เอสวาย ลี (S.Y. Lee) เจ้าหน้าที่จากบริษัทซัมซุงกล่าว
หุ้นไมโครซอฟท์ปิดที่ 25.96 ดอลลาร์ ลด 0.24 ดอลลาร์หรือ -0.92% และหุ้นปาล์มซอร์สปิดที่ 22.57 ดอลลาร์ ลด 0.92 ดอลลาร์หรือ -3.92% ที่ตลาดแนสแดค ส่วนหุ้นโมโตโรลาปิดที่ 13.35 ดอลลาร์ ลด 0.02 ดอลลาร์หรือ -0.15% ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม 2003
หุ้นโนเกียขยับที่ 14.96 ยูโร ลด 0.32 ยูโรหรือ -2.09% ในช่วงเช้าของการเทรดที่ตลาดหุ้นเฮลซิงกิ เมื่อวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2003
หุ้นซัมซุงฯขยับที่ 451000.00 วอน ลด 500.00 วอนหรือ -0.11% และหุ้นแอลจีฯขยับที่ 57700.00 วอน ลด 1300.00 วอนหรือ -2.20% ที่ตลาดหุ้นเกาหลี ส่วนหุ้นไมแทคขยับที่ 14.60 ดอลลาร์ไต้หวัน ลด 0.10 ดอลลาร์ไต้หวันหรือ -0.68% และหุ้นไฮเทคคอมฯขยับที่ 131.00 ดอลลาร์ไต้หวัน ลด 5.00 ดอลลาร์ไต้หวันหรือ -3.68% ที่ตลาดหุ้นไต้หวัน ขณะที่หุ้นฟูจิตสึขยับที่ 600.00 เยน ลด 31.00 เยนหรือ -4.91% และหุ้นเอ็นทีทีโดโคโมขยับที่ 238000.00 เยน ลด 5000.00 เยนหรือ -2.06% ที่ตลาดหุ้นโตเกียว ในช่วงบ่ายของการเทรดเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2003
แหล่งข่าว :....www.manager.co.th.... ลงข่าวเมื่อ :....8 ธันวาคม 2546