ก้อเหมือนกับการทำลายสิ่งมีวิตๆหนึ่ง ทั้งๆที่มันก้อยังสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ ถ้าเป็นฝันเปียกคงม่ายเปงรัยมั้ง
ก้อเหมือนกับการทำลายสิ่งมีวิตๆหนึ่ง ทั้งๆที่มันก้อยังสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ ถ้าเป็นฝันเปียกคงม่ายเปงรัยมั้ง
ผมว่าแล้วแต่คนจะคิดอะนะ ผมเห็นด้วยกับท่าน razor อะ
ส่วนตัว ผมคิดว่า ไม่น่าจะบาป หรือผิดศีลอะไรนักหรอกนะครับ
ผมคิดว่า มันขึ้นอยู่กับว่า คุณมอง"น้ำ" เป็นสิ่งมีชีวิตรึป่าว ? ถ้าเป็น คุณจงใจฆ่ามันรึปล่าว ?
ถ้าไม่ มันทำให้อาชญกรรมลดลงรึปล่าว? อัตราการเสียชีวิต หรืออัตราการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของคุณ เสื่อมรึปล่าว?
ทุกอย่างมันเป็นคำถามที่คุณต้องตอบตัวเองทั้งนั้นแหละครับ จิตไม่เป็นอกุศล ก้อน่าจะเป็นจิตที่บริสุทธิ์....รึปล่าว ?
ผมว่าไม่น่าปาปนะครับ
ผมว่าบาป อยู่ที่
1 เจตนา สันดาน คือกุตั้งใจทำบาป นี่กรรมจะหนักมาก บางครั้งเราจะได้ยินข่าวแปลกๆๆ เช่น คนค้าเนื้อ เวลาป่วยหรือตายมักร้องเปนเสียงสัตว์
ที่ตนฆ่า
2.ทำบาปกะผู้มีบุญ หรือมีพระคุรแก่เรา กรณี หนึ่งมีพระท่านหนึ่งคิดจะทำร้ายพระพุทธเจ้า สุดท้ายแม้สำนึกก็ถูกธรณีสูบ หรือ ฆ่าพ่อแม่ถ้าจำไม่ผิด พระสีวะลีชาติก่อน ท่านกระทำอันเป็นเหตุให้พ่อตาย ต้องตกนรกจนได้มีโอกาศมาเกิดอีกชาติในสมัยของพระพุทธเจ้าเรา กลับมาเป็นพระอรหันต์ทัน
สรุปง่ายๆๆๆ เห็นอย่างงี้แล้วมาทำความดี ดีกว่า ทำไปก้ไม่เสียหาย ได้รับความสบายใจ ตายเพราะความดีเรายังไงก็ภูมิใจ
ดูให้ยาวๆๆๆ แล้วทำความดีมีแต่ได้กับได้นะครับ :D :D
ปล. ใครอยากรวยให้บูชาพระสีวลีดูนะครับ พระพุทธเจ้ายังยกย่องว่าไม่มีใครมีลาภมากกว่าพระสีวะลีแล้ว เคล็ดลับ google ช่วยคุณได้
อนุโมทนา คับ :)
อย่าง ที่หลายๆคนว่ากัน อสุจิถือว่าไม่มีชีวิต นะครับ ถ้าดูทางกายภาพ อาจจะบอกว่า ขยับได้ด้วยตังเอง กินอาหารได้(กลูโคสจากร่างกาย)Quote:
2.ตั้งใจทำให้อสุจิเคลื่อน บาป ผิดศีล ทำให้สิ่งมีชีวิตหลายล้านตัว ตายไป[/b]
แต่ว่ายังไม่ถือเป็นสิ่งมีชีวิตนะ เพราะยังขาดอีกหลายปัจจัย ถ้าเทียบกับหมุษย์จะห่างไกลมาก แต่ถ้าเทียบจากที่ใกล้เคียง
ก็ พวก พารามีเซียม ยูกรีนา พวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว(ชั้นต่ำสุด) ที่คล้ายกับอสุจิ แต่ต่างกันที่ สืบพันธุ์ได้(แบ่งเซลล์)
กินอาหารได้ และขับถ่ายของเสียได้ ส่วนอสุจิ แม้จะกินได้ กับเคลื่อนที่ได้ แต่ยังไม่จัดเป็นสิ่งมีชีวิต เนื่องจาก ถูกสร้างโดยร่างกาย
ยกตัวอย่างสิ่งที่คล้ายกับอสุจิในตัวเราคือเม็ดเลือดขาวไงครับ เคลื่อนไหวได้ (แต่ไม่ตเ้องกิน) ถูกสร้างขึ้นจาดไขกระดูก
และยังสามารับจับ(ทำลายโดย ฟาโกไลโทซิส)เชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกายได้ แต่ไม่มีชีวิต
เพราะฉนั้น คงไม่บาปอ่ะนะ คล้ายๆกับผู้หญิงที่เป็นประจำเดือน แล้วขับเลือดเสียออกนอกร่างกายไงครับ
สำหรับผมนะ เรื่องของบาป หรือไม่บาป ผมไม่ได้เอามานั่งคิดหรอก เพราะบางครั้ง ของแบบนี้ก็ต้องเกิดขึ้นและคิดว่ามันก็ยังดีกว่า ไปทำจริงๆ ^^"
ผมเคยถามอาจารย์ ท่านหนึ่งที่เคยบวชมาแล้ว
พวกผมก็ถามท่านว่า การช่วยตัวเองนั้นบาปไหม
ท่านก็ได้กล่าวกับพวกผมไว้ว่า
การช่วยตัวเองนั้น บาป แต่ ยังไงก็ บาปน้อยกว่าการที่เราไปมีอะไรก็ไป ฉุด ไป ข่มขืน คนอื่น
การช่วยตัวเองนอกจากเป็นสุข แล้วยังไม่ทำให้ใครเดือดร้อนด้วย :P
ตามที่ผมได้เคยเรียนเรื่อง ศีลกับบาปมานะครับ
พระอาจารย์ท่านบอกว่า บาปเนี่ย มีบาปหลายละดับครับ
เช่น การที่เราตบยุงตายเนี่ย ต้องคิดก่อนว่า
1.เราตบพร่ำเพรื่อ อยู่ดีๆก็ไปตบทั้งๆที่มันไม่ได้กัด
2.เราตบเพราะว่ามันกัดเรา
3.เราตบเพราะคัน ไม่รู้ว่ายุงกัด
ก็จะบาปไม่เท่ากันครับ
แล้วอย่างกรณี ดูหนังเอ็ก แล้ว...เนี่ย พระอาจารย์บอกว่า ถ้ายังไม่ไม่ปฏิสนธิ (เป็น zygote) ไม่บาปนะครับ อีกอย่างคือ เราก็ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าใครซักหน่อย แต่เราก็ไม่ควรจะหมกหมุ่นมากนะครับ เสียการงาน เสียการเรียนหมดครับ
บาปไม่บาป ก็อย่าให้หมกมุ่นมากเกินไปนะครับ ปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยตามกิเลสของตนเอง
บางครั้งก็ระบายบ้าง บางครั้งก็ต้องข่มใจบ้างคิดซะว่า
การที่เราช่วยตัวเองบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัย เพื่อระบายความใคร่ง่ายๆ บ่อยครั้งเราจะล้ำเส้นไปทำอย่างอื่นต่อที่มากกว่า เพราะเราไม่รู้จักข่มใจ
จากความเคยชินเป็นนิสัยครับผม ช่วยตัวเองนานๆครั้งก็ดี แต่ไม่บ่อยเกินไปครับ เดินทางสายกลางพอดีๆ
ทำบ่อยเกินไปก็จะนำไปสู่ทางบาปได้ง่ายๆ ไม่เห็นคุณค่าของความรักจากเพศสัมพันธ์ที่แท้จริง ก็จำทำให้เราเห็นแก่ตัวมั่วแต่เนื้อหนังครับ
แล้วจะพาลเป็นคนไม่ดีเอาง่ายๆ
สรุป พอดีๆ อย่ามากเกินไป อย่าน้อยเกินไป ... พยายามดำเนินชีวิตตามปกติ รู้จักรักมากกว่าใคร่ครับผม