กระจกสะท้อน Computer Science ของไทย
ไปเจอใน pantip มาคิดว่าน่าสนใจเลยเอามาใหเอ่าน
ผมว่ามันเป็นปัญหามาตั้งแต่การรับนักเรียนเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาแล้วครับ ในความคิดเห็นของผม ผมว่าน่าจะมีการสอบวัดความรู้พื้นฐาน (เหมือนที่วิศวก็ต้องมีสอบวัดความรู้พื้นฐานทางวิศวกรรม สถาปัตย์ก็ต้องมีเช่นกัน) ก่อนที่จะรับเข้าไปเรียนในสายคอมพิวเตอร์นะครับ เพราะผมว่าจริงๆแล้วการจะเรียนสายคอมพิวเตอร์ให้ได้มีประสิทธิภาพจริงๆ น่าจะต้องรับแต่ผู้ที่มีความรู้พื้นฐานมาบ้างนิดหน่อย ซึ่งถ้าคนที่สนใจด้านคอมพิวเตอร์และอยากทำงานเกี่ยวกับด้านนี้จริงๆ เค้าย่อมต้องมีความรู้พื้นฐานคอมพิวเตอร์มาบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าหากใช้ระบบรับใครก็ได้เข้ามาเรียน ขอแค่เรียนเก่ง เกรดดีหล่ะก็ ต่อให้ใช้เวลาอีกนานแค่ไหน โปรแกรมเมอร์เมืองไทยก็ไม่มีวันก้าวสู่ระดับสากลได้หรอกครับ
จากประสบการณ์ของผม (ซึ่งเป็นนักศึกษาวิทย์คอมอยู่ กำลังขึ้นชั้นปี 3) พบว่านักศึกษาที่เข้ามาเรียนในสายวิทยาการคอมพิวเตอร์โดยมากแล้ว มากกว่า 20% เป็นผู้ที่ไม่มีความรู้พื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์มาก่อนเลย ซ้ำร้ายกว่านั้น บางคนถึงกับไม่ได้สนใจในศาสตร์ด้านนี้เลย แต่เรียนไปเพราะคิดว่าหางานง่าย (ซึ่งคนกลุ่มนี้ ผมเดาว่าถึงจบไปก็คงไม่มีความรู้คอมพิวเตอร์มากนัก เนื่องจากไม่สนใจศาสตร์ด้านนี้ ทำให้ไม่มีการไปศึกษาต่อเองในภายหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในศาสตร์คอมพิวเตอร์) ที่เหลืออีก 70% พบว่าบางคนมีความรู้พื้นฐานคอมพิวเตอร์มาบ้าง แต่ไม่มีความสนใจด้านคอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง (ใจไม่รักว่างั้นเถอะครับ) ส่วนที่เหลือ(ซึ่งเป็นส่วนน้อยมาก) จะเป็นพวกที่สนใจในคอมพิวเตอร์ (ไม่ใช่สนแต่เล่นเกมส์นะครับ) และมีความรู้พื้นฐานมาบ้าง ไม่มากก็น้อย
สรุปว่า ถ้าจะปรับปรุงภาพโดยรวมของโปรแกรมเมอร์เมืองไทยจริงๆนั้น ผมว่าควรเปลี่ยนระบบรับนักศึกษาเข้าเรียนต่อในศาสตร์คอมพิวเตอร์เสียใหม่ดีกว่าครับ
"การที่คนๆหนึ่งจะเป็นคนสร้างโปรแกรมให้อีกหลายๆคนได้ใช้งานนั้น ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเป็นได้ง่ายๆภายใน 4 ปี"
Re: กระจกสะท้อน Computer Science ของไทย
Re: กระจกสะท้อน Computer Science ของไทย
อืม ใช่
เท่าที่ได้คุยมากับรุ่นน้อง(ม. อื่นนะ) ที่เรียนด้านคอม (วิดวะคอม) โดยส่วนตัวเนี่ย ความรู้ด้านคอมเนี่ยก็ไม่ได้เยอะเท่าไร่เลย พูดเรื่องพื้นๆเกี่ยวกับโปรแกรม อย่าง Office ยังไม่ค่อยจารู้เรื่องเลย
และโดยส่วนตัวเราเองก็ต้องยอมรับว่าที่เข้ามาเรียนเนี่ยความรู้ด้านคอมก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย และรู้สึกว่าถ้าไม่ติดตามแล้ละก็จะต้องตามไม่ทันแน่ๆเลย
Re: กระจกสะท้อน Computer Science ของไทย
It 's not too far to turn back.
It 's not too lack of time.
LET'S DO IT. I WILL STAY BESIDE YOU.
Re: กระจกสะท้อน Computer Science ของไทย
เราชอบมากเลยละน้อที่ภาษิตเขาว่า
It's never too late to learn.
ประโยคเนี้ยะได้ยินมาต๊ะเต่สมัย ม. ละ จำขึ้นจัยเลย
แต่มันก็ควรเริ่มก่อนที่จะมารอละพอเวลาไม่เหลือก็มานั่งเสียดายละเน้อ เหอๆ
Re: กระจกสะท้อน Computer Science ของไทย
เห็นด้วยกับกระทู้นี้นะ
มันอยู่ที่แต่ละคนด้วยแหละ ตอนเราเข้ามาที่คณะนี้ใหม่ๆ(ช่วง intensive) เราไม่ค่อยเก่งคอมเท่าไหร่ ตอนนั้นขนาดเช็คเมล์ยังไม่เป็นเลย :eyes ก้อาศัยซื้อหนังสือมาอ่าน ถามเพื่อนบ้าง ตอนนี้ก้เลยมีความรู้ขึ้นมาหน่อย 8)
เราอยากบอกว่า ตอนนี้อะ เรายังอยู่ในช่วงเรียนในมหาลัย ควรจะศึกษาความรู้ใหม่ๆ, พัฒนาฝีมือเกี่ยวกับคอมให้มากๆ เพราะพวกเราเรียนมา field นี้
ต่อไปได้ใช้ชัวร์ และเวลาไปทำงาน จะได้ไม่ต้องไปศึกษาเพิ่ม ให้เสียเวลา :lol: เวลาทำงานจริงๆอะ หนักกว่าตอนเรียนเยอะ
Re: กระจกสะท้อน Computer Science ของไทย
:rvd:
ถูกต้องคร๊าบบบ
มันขึ้นกับว่าเราให้ความสนใจกับจุดที่เราเรียนขนาดไหน
ส่วนความสมารถอื่นก็ไปฝึกนอกรอบเอา
ไม่มีอะไรยากหากว่าใจไม่ท้อ
หึๆ