-
java กับ c# ถ้าเขียนงานในลักษณะเดียวกัน C# จะใช้ code สั้นกว่า Java นิดหน่อย
ส่วน IDE นั้น C# ต้องใช้ MS-Visual Studio เท่านั้น ต่างกับ java ที่จะใช้ Notepad, netbean, eclipse, editplus ฯลฯ ก็ได้แล้วแต่ตามสะดวก
ในความเห็นของข้าพเจ้าเห็นว่า Java มีความยืดหยุ่นในแง่ของ Develop มากกว่า C# ครับ
-
java กับ c# ถ้าเขียนงานในลักษณะเดียวกัน C# จะใช้ code สั้นกว่า Java นิดหน่อย
ส่วน IDE นั้น C# ต้องใช้ MS-Visual Studio เท่านั้น ต่างกับ java ที่จะใช้ Notepad, netbean, eclipse, editplus ฯลฯ ก็ได้แล้วแต่ตามสะดวก
ในความเห็นของข้าพเจ้าเห็นว่า Java มีความยืดหยุ่นในแง่ของ Develop มากกว่า C# ครับ
-
Editor ตัวอื่นก็สามารถทำได้ แต่ต้องนำไป Import ใน Visual Studio.net ก่อน
แต่ตัว Code Editor ของ C# อย่าง Visual Studio.net มันมีประสิทธิภาพที่ดีอยู่แล้วนะครับ
-
Editor ตัวอื่นก็สามารถทำได้ แต่ต้องนำไป Import ใน Visual Studio.net ก่อน
แต่ตัว Code Editor ของ C# อย่าง Visual Studio.net มันมีประสิทธิภาพที่ดีอยู่แล้วนะครับ
-
เราต้องเข้าใจก่อนว่า การเขียนโปรแกรม จะต้อง เขียน Code -> Complie -> Run เพื่อทดสอบครับ เพราะฉนั้นจริงๆแล้วเราสามารถใช้ notepad เขียนทั้ง C# และ Java ได้เหมือนกัน และการสั่ง Complie ก็สามารถสั่งผ่าน Command line ได้เหมือนกัน แต่ พวกเครื่องมือในการพัฒนา เช่น Visual Studio .NET หรือ NetBean จะช่วยซ่อนรายละเอียดเหล่านี้ผ่านทางหน้าจอของ โปรแกรมเหล่านี้ซึ่งเรียกว่า IDE ครับ
-
ความคิดเห็นส่วนตัว ผมว่า ภาษา C++ เข้าใจง่าย ในเรื่องการเขียนเงื่อนไข ของโปรแกรม และจากที่ลองเขียน
ทั้ง Java กับ C++ มาหลายปี สังเกตว่า พวกรุ่นน้องจะชอบ ภาษา c++ กันมากกว่า อาจเพราะ c++ มีการสอนตั้งแต่
ชั้นมัธยม แต่ผมว่าตัวไหนก็ดีเหมือนกัน อยู่ที่ผู้เขียนจะนำไปประยุกต์ใช้ซะมากกว่า
-
ผมว่าไม่ว่าจะเป็น c# หรือว่าเป็น Java ก็เหมือนกันอะครับ
แต่ส่วนมากเมื่อก่อนเขาจะสอน c# มากกว่า
แต่เดี่ยวนี้ก็เริ่มเห็นสอน Java มากขึ้นแล้วละครับ
-
C# กับ JAVA นี่ ในแง่ Productivity กับ Learning Curve ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยครับ ใน 2 แง่นี้ผมว่า JAVA สอบตก (ในมุมมองผม)
ยิ่งตอนนี้ Project Mono ก็เริ่มมีความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีในอนาคต JAVA อาจจะเอาเรื่อง Cross Platform มาเป็นข้อได้เปรียบไม่ได้แล้ว
ปล. ตัวภาษา ยังไงก็เป็นแค่ Tool ครับ กระบี่อยู่ที่ใจ :)
-
ตามความคิดของผมน่ะครับ
ผมคิดว่า ทั้ง 2 ภาษา มีข้อแตกต่างกัน มากน่ะครับ
โดยสิ่งแรกคือ ความรู้
เนื่องจาก Java มีลักษณะของภาษาที่ใกล้เคียงภาษา C มาก และมีความเป็น OOP สูง คนจึงนิยมใช้กันมาก จึงทำให้เกิดแหล่งความรู้เยอะมากมาย
แต่ในทางกลับกัน C# เป็นภาษาเกิดใหม่ ซึ่งได้ดัดแปลง C++ มาบวกกับ VB จนทำให้เกิดภาษานี้ ทำให้คนที่ถนัด C++ ต้องศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของ Visual และเนื่องจากเป็นภาษาเกิดใหม่ จึงมีแหล่งข้อมูลที่น้อยกว่า Java
ข้อสอง คือ การสนับสนุน
Java ได้รับการสนับสนุน จาก Sun ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ทางด้าน Database & Server จึงเป็นผลทำให้ Java ได้รับอิทธิพลให้มีประสิทธิภาพทางด้านนี้สูง ถ้าใช้ร่วมกับระบบของ Sun
C# แน่นอนว่า Microsoft ให้การสนับสนุน ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านคอมพิวเตอร์ จึงดูเหมือนว่าเหมาะสำหรับการพัฒนาบนระบบวินโดว์ที่ Microsoft สนับสนุนเป็นหลัก
ข้อสาม คือ ความเป็นสากล
Java ได้ถูกตั้งขึ้นโดยอิงความเป็นสากล (Global) มาก ซึ่งความเป็นสากลนี้ หมายถึง การติดต่อสื่อสารข้าม OS คือ Java สามารถใช้งานบน OS ไหนก็ได้ที่ Java Runtime เข้าถึง ทำให้เป็นลักษณะของ Write One Use Anywhere (เขียนผิดรึเปล่าไม่รู้น่ะเนี่ย -*-)
C# แน่นอนว่า สามารถใช้งานได้ในบน OS ของ Windows เท่านั้น ถ้าต้องการใช้งาน OS อื่นอาจจะต้องมีการแปลง หรือ Complie ใหม่ ให้สามารถใช้งานกับอีก OS หนึ่งได้ หรือร้ายแรงสุดคือ ไม่สามารถใช้งานกับ OS อื่นได้เลย ต้องเขียนใหม่อย่างเดียว
ข้อสี่ คือ ความง่าย
แน่นอนว่า Java เป็นลักษณะคล้ายคลึงภาษา C ดังนั้น จึงต้องมีการเขียนเยอะมาก จึงจะสามารถใช้งานได้
แต่ในทางกลับกัน C# เป็นลักษณะของ Visual ซึ่งเขียนน้อยกว่ามาก
*แต่ข้อนี้ก็ไม่เสมอไปทุกกรณีขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ใช้ภาษา
ฉะนั้น จากสิ่งที่ผมคิดพอสรุปได้ว่า
ถ้าต้องการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับฐานข้อมูลเป็นหลัก หรือ เขียนโปรแกรมใช้งานได้หลาย OS หรือเพื่อศึกษาการเขียนโปรแกรมเพื่อต่อยอด
แนะนำ Java ครับ
แต่ถ้าต้องการเขียนโปรแกรมให้สวยงาม หรือ เขียนโปรแกรมเพื่อใช้งานใน Windows อย่างเดียว หรือต้องการเขียนโปรแกรมเพื่อส่งโปรเจค
แนะนำ C# ครับ
ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยน่ะครับ
ปล. นี่เป็นตามความคิดของผมน่ะครับ อาจจะผิดพลาดบ้าง หรือเข้าใจผิดบ้าง ขอน้อมรับเพื่อนำไปแก้ไขครับ
-
ในความเห็นส่วนตัวผม มันต่างในการใช้งานจริงในเชิงธุรกิจมากๆ เลยล่ะครับ ในเรื่องของ open source กับ ของ มี License เนี่ย ถ้าผมเปิดบริษัท และยังเล็กอยู่ ผมขอเลือก open source ดีกว่าครับ