explorited
21-07-2007, 07:21 AM
ไอซีทีเจ๋ง รู้แหล่งแฮกเกอร์แล้ว เตรียมหอบเอกสารแจ้งตำรวจพรุ่งนี้
http://pics.manager.co.th/Images/550000009375902.JPEG
สิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีที
ไอซีทีเตรียมหอบหลักฐานแจ้งตำรวจวันพรุ่งนี้ ระบุรู้แหล่งที่มาคนร้ายแล้ว ด้านรมว.ไอซีทีดีใจ มีคนฉลาดอยากลองดีอำนาจ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฐานละเมิดความมั่นคงของรัฐ โชว์ฝีมือแบบนี้ได้เริ่มใช้ก่อนเป็นรายแรก
นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า เหมือนเป็นการท้าทายกฎหมายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่ได้เริ่มบังคับแล้วตั้งแต่เมื่อ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเรื่องที่เกิดขึ้นตนได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องติดตามข้อมูลการใช้งานแล้วที่จะทราบถึงผู้กระทำผิดและที่มาของการใช้เป็นแหล่งกระทำผิดไม่เกิน 1-2 วันนี้ และจะดำเนินการลงโทษตาม พ.ร.บ.นี้ โดยเป็นความทางอาญา ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถยอมความได้ ที่จัดอยู่ในส่วนของการละเมิดด้านความมั่นคงของรัฐ
“การเข้ามาแสดงตนกระทำผิดในลักษณะแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าดีใจอย่างมากในเรื่องของความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายกับการเอามาใช้แบบสร้างสรรค์ในทางที่ผิด รู้ก็รู้อยู่ว่าทำแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งไอซีทีก็จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ให้สมกับการที่เข้ามาท้าทายกฎหมาย”
การดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.นี้จะพิจารณาที่เจตนาเป็นสำคัญ โดยการสอบสวนที่เกิดขึ้นกระทรวงไอซีทีได้ประสาน บริษัท กสท โทรคมนาคม (กสท) เพื่อตรวจสอบข้อมูลบันทึกการใช้งานส่วนฐานข้อมูล ที่กระทรวงไอซีทีได้นำฐานข้อมูล (เซิร์ฟเวอร์) เว็บไซต์ ฝากไว้ที่ กสท โดยจะติดตามตั้งแต่ช่วงเวลาเกิดขึ้น
ส่วนแผนรับมือด้านการสอบสวนและติดตามช่วงนี้ นายสิทธิชัยได้มีการมอบหมายให้ นายสือ ล้ออุทัย รักษาการปลัดกระทรวงไอซีที เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งส่วนของเจ้าหน้าที่สอบสวนผู้กระทำผิดทางอินเทอร์เน็ต (ไซเบอร์อินสเปกเตอร์) หน่วยงานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินคดี โดยก่อนหน้านี้ได้มีการจัดทำแผนรองรับและประสานความร่วมมือไว้ก่อนล่วงหน้าที่จะมีการประกาศใช้กฎหมาย โดย รมว.ไอซีที ได้หารือกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในด้านการดำเนินคดีและการประสานเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน
สำหรับความคืบหน้าต่อกรณีดังกล่าว ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค. 50) เจ้าหน้าที่จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศจะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทางโฆษกกระทรวงไอซีทีเปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบถึงแหล่งที่มาของมือแฮกเกอร์รายนี้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอาจมีผลต่อรูปคดี
“กระทรวงไอซีทียอมรับว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์กระทรวงยังมีความหละหลวมอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการปรับระดับการรักษาความปลอดภัยให้สูงขึ้น เนื่องจากเว็บไซต์หลักของกระทรวงก็เปรียบเสมือนหน้าบ้าน จึงไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้อีก”
ด้านแหล่งข่าวในกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาแฮกเว็บไซต์ครั้งนี้ เป็นเจตนาที่เหยียดหยามและท้าทายกระทรวงไอซีทีอย่างรุนแรงมาก ในฐานะที่เป็นกระทรวงที่ดูแลและปฏิบัติตามอำนาจใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ การที่มีผู้กระทำผิดในลักษณะแบบนี้ ก็อาจจะทำให้ประชาชนมีความสับสนและมองเห็นอำนาจการบังคับใช้ทางกฎหมายอย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้กระทรวงไอซีที ต้องหันมาเร่งบูรณาการบุคลากรและหน่วยงานที่รับผิดชอบให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ในเมื่อทำเรื่องแบบนี้กับกระทรวงไอซีทีได้ และกระทรวงอื่นๆ มีหรือจะทำไม่ได้ เท่ากับเป็นการตบหน้ากระทรวงไอซีทีอย่างรุนแรง”
ข่าว : CyberBiz
http://pics.manager.co.th/Images/550000009375902.JPEG
สิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีที
ไอซีทีเตรียมหอบหลักฐานแจ้งตำรวจวันพรุ่งนี้ ระบุรู้แหล่งที่มาคนร้ายแล้ว ด้านรมว.ไอซีทีดีใจ มีคนฉลาดอยากลองดีอำนาจ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฐานละเมิดความมั่นคงของรัฐ โชว์ฝีมือแบบนี้ได้เริ่มใช้ก่อนเป็นรายแรก
นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า เหมือนเป็นการท้าทายกฎหมายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่ได้เริ่มบังคับแล้วตั้งแต่เมื่อ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเรื่องที่เกิดขึ้นตนได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องติดตามข้อมูลการใช้งานแล้วที่จะทราบถึงผู้กระทำผิดและที่มาของการใช้เป็นแหล่งกระทำผิดไม่เกิน 1-2 วันนี้ และจะดำเนินการลงโทษตาม พ.ร.บ.นี้ โดยเป็นความทางอาญา ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถยอมความได้ ที่จัดอยู่ในส่วนของการละเมิดด้านความมั่นคงของรัฐ
“การเข้ามาแสดงตนกระทำผิดในลักษณะแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าดีใจอย่างมากในเรื่องของความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายกับการเอามาใช้แบบสร้างสรรค์ในทางที่ผิด รู้ก็รู้อยู่ว่าทำแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งไอซีทีก็จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ให้สมกับการที่เข้ามาท้าทายกฎหมาย”
การดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.นี้จะพิจารณาที่เจตนาเป็นสำคัญ โดยการสอบสวนที่เกิดขึ้นกระทรวงไอซีทีได้ประสาน บริษัท กสท โทรคมนาคม (กสท) เพื่อตรวจสอบข้อมูลบันทึกการใช้งานส่วนฐานข้อมูล ที่กระทรวงไอซีทีได้นำฐานข้อมูล (เซิร์ฟเวอร์) เว็บไซต์ ฝากไว้ที่ กสท โดยจะติดตามตั้งแต่ช่วงเวลาเกิดขึ้น
ส่วนแผนรับมือด้านการสอบสวนและติดตามช่วงนี้ นายสิทธิชัยได้มีการมอบหมายให้ นายสือ ล้ออุทัย รักษาการปลัดกระทรวงไอซีที เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งส่วนของเจ้าหน้าที่สอบสวนผู้กระทำผิดทางอินเทอร์เน็ต (ไซเบอร์อินสเปกเตอร์) หน่วยงานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินคดี โดยก่อนหน้านี้ได้มีการจัดทำแผนรองรับและประสานความร่วมมือไว้ก่อนล่วงหน้าที่จะมีการประกาศใช้กฎหมาย โดย รมว.ไอซีที ได้หารือกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในด้านการดำเนินคดีและการประสานเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน
สำหรับความคืบหน้าต่อกรณีดังกล่าว ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค. 50) เจ้าหน้าที่จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศจะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทางโฆษกกระทรวงไอซีทีเปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบถึงแหล่งที่มาของมือแฮกเกอร์รายนี้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอาจมีผลต่อรูปคดี
“กระทรวงไอซีทียอมรับว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์กระทรวงยังมีความหละหลวมอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการปรับระดับการรักษาความปลอดภัยให้สูงขึ้น เนื่องจากเว็บไซต์หลักของกระทรวงก็เปรียบเสมือนหน้าบ้าน จึงไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้อีก”
ด้านแหล่งข่าวในกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาแฮกเว็บไซต์ครั้งนี้ เป็นเจตนาที่เหยียดหยามและท้าทายกระทรวงไอซีทีอย่างรุนแรงมาก ในฐานะที่เป็นกระทรวงที่ดูแลและปฏิบัติตามอำนาจใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ การที่มีผู้กระทำผิดในลักษณะแบบนี้ ก็อาจจะทำให้ประชาชนมีความสับสนและมองเห็นอำนาจการบังคับใช้ทางกฎหมายอย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้กระทรวงไอซีที ต้องหันมาเร่งบูรณาการบุคลากรและหน่วยงานที่รับผิดชอบให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ในเมื่อทำเรื่องแบบนี้กับกระทรวงไอซีทีได้ และกระทรวงอื่นๆ มีหรือจะทำไม่ได้ เท่ากับเป็นการตบหน้ากระทรวงไอซีทีอย่างรุนแรง”
ข่าว : CyberBiz