gangmusic
11-09-2009, 04:12 PM
มีเด็กน้อยคนหนึ่งอารมณ์ไม่ค่อยจะดี
พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุง และบอกเขาว่า...
ทุกครั้งที่ลูกรู้สึกไม่ดี โมโห หรือโกรธใครก็ตาม
ให้ตอกตะปู 1 ตัวลงไปที่รั้วหลังบ้านก็แล้วกัน
วันแรกผ่านไป... เด็กน้อยตอกตะปูเข้าไปที่รั้วถึง 37 ตัว
วันที่ 2 และ วันที่ 3 และแต่ละวันที่ผ่านไป... ผ่านไป
จำนวนตะปูก็ค่อยๆ ลดลง ลดลงๆ เพราะเด็กน้อยรู้สึกว่า...
การรู้จักควบคุมตัวเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
แล้ววันหนึ่ง... หลังจากที่เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
ใจเย็นมากขึ้น เขาเดินไปหาพ่อเพื่อบอกว่า
เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นที่ต้องตอกตะปูอีกแล้ว เพราะเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนแล้ว
พ่อยิ้มแล้วบอกลูกชายว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลองพิสูจน์ให้พ่อดู
ทุกๆ ครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองได้
ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้านที่ละ 1 ตัว
วันแล้ววันเล่า เด็กชายก็ค่อยๆ ถอนตะปูออกทีละตัวๆ
จนในที่สุด วันหนึ่งตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออก
เด็กชายดีใจมาก รีบวิ่งไปบอกพ่อของเขาว่า...
ผมทำได้แล้วครับ ในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ
พ่อไม่ได้พูดว่าอะไร แต่จูงมือลูกของเขาไปที่รั้วนั้น
แล้วบอก... ลูกทำได้ดีมาก ทีนี้ลองมองกลับไปที่รั้วสิ
เห็นไหมว่ารั้วมันไม่เหมือนเดิม
มันไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็นก่อนหน้านี้
ลูกจำไว้นะ ว่าเมื่อไหร่ที่เราทำอะไรลงไปด้วยการใช้อารมณ์
สิ่งนั้นมักจะเกิดรอยแผล เหมือนกับการเอามีดไปกรีดหรือแทงใครเข้า
ต่อให้ใช้คำว่า... ขอโทษ... สักกี่หน
ก็ไม่อาจจะลบรอยแผลหรือความเจ็บปวด ที่เกิดกับเขาคนนั้นได้
ลูกจงจำคำว่า... ขอโทษ... ไว้เสมอนะ
ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตามนะ
จำไว้อีกด้วยว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้น รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเขา
เขาอาจจะไม่มีวันลืมมันได้... ตลอดไป
สิ่งที่สำคัญคือ รู้ทันความโกรธให้เร็วที่สุด
ทันทีที่สติรู้ทันว่า เราปล่อยให้ความโกรธครอบงำ
อย่างน้อยมันจะหยุดเพ่งโทษคนอื่น
วางความยึดมั่นว่าเราถูกลง เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขสถานการณ์
ดีกว่าปล่อยให้ความยึดว่า ตัวเองถูกเสมอ หรือฐิทิมานะ
มาทำลายทุกอย่างรวมทั้งชีวิตตัวเราเอง
พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุง และบอกเขาว่า...
ทุกครั้งที่ลูกรู้สึกไม่ดี โมโห หรือโกรธใครก็ตาม
ให้ตอกตะปู 1 ตัวลงไปที่รั้วหลังบ้านก็แล้วกัน
วันแรกผ่านไป... เด็กน้อยตอกตะปูเข้าไปที่รั้วถึง 37 ตัว
วันที่ 2 และ วันที่ 3 และแต่ละวันที่ผ่านไป... ผ่านไป
จำนวนตะปูก็ค่อยๆ ลดลง ลดลงๆ เพราะเด็กน้อยรู้สึกว่า...
การรู้จักควบคุมตัวเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
แล้ววันหนึ่ง... หลังจากที่เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
ใจเย็นมากขึ้น เขาเดินไปหาพ่อเพื่อบอกว่า
เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นที่ต้องตอกตะปูอีกแล้ว เพราะเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนแล้ว
พ่อยิ้มแล้วบอกลูกชายว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลองพิสูจน์ให้พ่อดู
ทุกๆ ครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองได้
ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้านที่ละ 1 ตัว
วันแล้ววันเล่า เด็กชายก็ค่อยๆ ถอนตะปูออกทีละตัวๆ
จนในที่สุด วันหนึ่งตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออก
เด็กชายดีใจมาก รีบวิ่งไปบอกพ่อของเขาว่า...
ผมทำได้แล้วครับ ในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ
พ่อไม่ได้พูดว่าอะไร แต่จูงมือลูกของเขาไปที่รั้วนั้น
แล้วบอก... ลูกทำได้ดีมาก ทีนี้ลองมองกลับไปที่รั้วสิ
เห็นไหมว่ารั้วมันไม่เหมือนเดิม
มันไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็นก่อนหน้านี้
ลูกจำไว้นะ ว่าเมื่อไหร่ที่เราทำอะไรลงไปด้วยการใช้อารมณ์
สิ่งนั้นมักจะเกิดรอยแผล เหมือนกับการเอามีดไปกรีดหรือแทงใครเข้า
ต่อให้ใช้คำว่า... ขอโทษ... สักกี่หน
ก็ไม่อาจจะลบรอยแผลหรือความเจ็บปวด ที่เกิดกับเขาคนนั้นได้
ลูกจงจำคำว่า... ขอโทษ... ไว้เสมอนะ
ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตามนะ
จำไว้อีกด้วยว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้น รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเขา
เขาอาจจะไม่มีวันลืมมันได้... ตลอดไป
สิ่งที่สำคัญคือ รู้ทันความโกรธให้เร็วที่สุด
ทันทีที่สติรู้ทันว่า เราปล่อยให้ความโกรธครอบงำ
อย่างน้อยมันจะหยุดเพ่งโทษคนอื่น
วางความยึดมั่นว่าเราถูกลง เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขสถานการณ์
ดีกว่าปล่อยให้ความยึดว่า ตัวเองถูกเสมอ หรือฐิทิมานะ
มาทำลายทุกอย่างรวมทั้งชีวิตตัวเราเอง