gockkok191
30-04-2009, 08:31 PM
วันนี้มีคำถามเรื่องของความหวังมาถามว่า ความหวังประเภทไหนที่ทำให้ผู้ตั้งความปรารถนาต้องพบกับความผิดหวังตลอดมา? ความหวังประเภทไหนที่ทำให้เกิดแต่ความทุกข์? และความหวังประเภทไหนที่ไม่มีทางเป็นไปได้?
คำเฉลยก็คือ ..
ความหวังที่มีแต่ความผิดหวังก็คือ หวังให้ใครๆคิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา ความหวังที่ทำให้พบแต่ความทุกข์ก็คือ หวังให้ใครๆคิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา ความหวังที่ไม่มีทางเป็นไปได้ก็คือ หวังให้ใครๆคิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา
ซึ่งทั้งสามคำถามนี้หลายคนอาจมีคำตอบพร้อมเหตุผลที่แตกต่างกันอยู่ในใจ และไม่ว่าใครจะมีคำตอบเป็นอย่างใดเมื่อนำมาสรุปแล้ว ความแตกต่างกันของคำตอบและเหตุผลของแต่ละคนนี่แหละ.... คือ หัวใจของคำตอบของทั้งสามคำถามข้างต้น ที่หมายถึง นานาจิตตัง นั่นเอง
เพราะความแตกต่างทางความคิดอันเนื่องมาจากภูมิหลังที่ไม่เหมือนกัน ประกอบกับอุปนิสัยที่ต่างกันจึงทำให้แต่ละคนแสดงพฤติกรรมทางกาย วาจา และใจไม่เหมือนกันเลย แม้จะอยู่ในสถานการณ์และช่วงเวลาเดียวกัน เช่น ในการเข้าแถวออกกำลังกายที่ใช้จังหวะท่าทางเดียวกัน แต่ก็มีความต่างในรูปลักษณะที่ปรากฏ รวมทั้งความรู้สึกในใจที่แต่ละคนมีอยู่ซึ่งไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ขณะที่อยู่ในท่านี้ ใครมีความคิดอย่างไร บางคนอาจคิดถึงงาน บางคนอาจคิดถึงอาหาร บางคนอาจคิดถึงบ้าน บางคนอาจคิดถึงคนรัก ฯลฯ
ความแตกต่างเหล่านี้หลายคนยอมรับได้ในทางทฤษฎีว่า มีความแตกต่างกันอยู่จริง แต่เมื่อใดที่เราเข้าสู่ภาคปฏิบัติเพื่อจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นแล้ว เรามักลืมเรื่องความแตกต่างเหล่านี้เสียสิ้น แต่กลับทวีความมุ่งหวัง และอำนาจบังคับให้แต่ละสิ่งเป็นไปตามที่เราปรารถนาไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด
อาจมีหลายๆคนเห็นว่า ทำดีแต่กลับไม่ได้ดี มีแต่ความทุกข์ความเจ็บช้ำขมขื่น บางทีถูกตำหนิจากบุคคลแวดล้อมก็มี แต่ต้องอดทนอดกลั้นเพื่อจะรักษาภาพของคนดีนั้นไว้ การที่เขามีความรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะว่า เขาเหล่านั้นมีความมุ่งหวังให้ผู้อื่นยอมรับ หรือยกย่องชมเชยการกระทำของตน และหวังที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่ไม่ได้พิจารณาแยกแยะว่า ผู้ทำและผู้ที่อยู่แวดล้อมล้วนมีจิตใจที่แตกต่างกัน การกระทำที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นการสร้างเหตุใหม่ ส่วนการไม่ได้รับการยอมรับนั้นเป็นผลที่เกิดมาจากเหตุเก่า ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน
อันที่จริงหากคิดได้ถูกแล้วก็จะเห็นว่า ความดีเมื่อได้กระทำแล้วก็จะได้รับผลตอบแทนทันทีคือ ความดีนั่นเอง แต่เมื่อความหวังนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง ความผิดหวังและความทุกข์ก็ติดตามมาเป็นธรรมดา
หรืออย่างการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น เราก็มักจะมีความหวังว่า เขาจะเข้าใจเรา ยอมรับเรา ทำในสิ่งที่ถูกใจเรา ทำตามที่เราแนะนำด้วยความเต็มใจ ซึ่งบ่อยครั้งเราก็จะพบกับความขมขื่นในสิ่งที่หวังไว้เหล่านี้ และเรามักจะมีคำถามเสมอว่า ทำไมเขาไม่เข้าใจเราเลย ทำไมเขาไม่เห็นความปรารถนาดีของเราเลย
จริงแท้แน่นอนที่ความปรารถนาดีเป็นสิ่งที่ควรมีแก่กันเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง มีความสุข เพียงการชี้แจงให้ทราบถึงเหตุและผลในเรื่องราว..ก็เพียงพอแล้วกับสัมพันธภาพ ที่ดี หากเมื่อใดที่มีการตั้งความหวังและใช้คำสั่งหรือบังคับ ความอึดอัดคับข้องใจก็จะต้องเกิดขึ้นกับแต่ละฝ่าย และก็ถึงซึ่งความเจ็บช้ำใจเพราะไปเป็นไปตามที่หวังไว้เหมือนดังเนื้อเพลงที่ เขาเขียนไว้ว่า .....หวังสิ่งใดก็ได้แต่สิ้นหวัง สิ้นแรงพลังความหวังสูญสลาย.. ก็เพราะไปหวังผิดที่นั่นเอง ไปหวังเอากับจิตมนุษย์ที่ยากแท้หยั่งถึงนั่นจะได้อย่างไรกัน
ในขณะที่ตั้งคำถามนี้เราได้ลืมเรื่องของนานาจิตตังไปเสียสนิท ลืมว่าแต่ละคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพทางความคิดและมุมมองที่แตกต่างกัน ลืมว่าแต่ละคนมีรสนิยมที่ไม่เหมือนกัน มีความเชื่อความชอบในสิ่งที่ต่างกันไป ลืมว่าแต่ละคนมีเหตุของบุญและบาปที่ทำไว้ต่างกัน จึงต้องประสบกับผลที่ต่างกันและเลือกทำในสิ่งที่ต่างกันไป
นอกจากลืมประเด็นสำคัญเหล่านี้ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว หลายคนยังพยายามฝืนความจริงของธรรมชาติในหลักของอนัตตา ที่จะพยายามบังคับบัญชาผู้อื่นให้รู้สึกนึกคิดตามที่เราต้องการ ความทุกข์จึงทวีคูณเป็นสองเท่าเพราะทำในสิ่งที่ไม่มีทางสำเร็จได้เลยถึงสอง ประการ
ตัวอย่างง่ายๆนี้แสดงให้เห็นถึงทางแห่งความทุกข์ที่เรามักเลือกเดินอยู่ บ่อยๆโดยไม่รู้จักเปลี่ยนเส้นทาง แล้วก็ฟูมฟายร้องไห้เสียน้ำตาอยู่บนเส้นทางนั้นอย่างเดียวดาย คนส่วนมากจึงยอมรับอย่างดุษฎีว่าการใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก
เพราะความหลากหลายของจิตที่แต่ละคนมีนั่นเอง และในทางตรงข้าม การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายหากยอมรับได้ในความแตกต่างเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกนึกคิด หรือสถานการณ์ที่แต่ละคนต้องประสบ หากเราต่างรู้เหตุที่ทำให้ผลเกิด โดยเฉพาะเหตุที่ทำให้เราสบายใจ ไม่ทุกข์ และเราก็รีบสร้างเหตุเพื่อได้รับผลที่เราต้องการนั้นแล้ว
รับรองว่าเราไม่ต้องมาร้องเพลงครวญด้วยความผิดหวังอีกต่อไป
ด้วยความปรารถนาดี
พี่ดอกแก้ว
อ้างอิง http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.p...19adeb31b2b343c (http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=10102&sid=3e90bf26a98041bae19adeb31b2b343c)
คำเฉลยก็คือ ..
ความหวังที่มีแต่ความผิดหวังก็คือ หวังให้ใครๆคิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา ความหวังที่ทำให้พบแต่ความทุกข์ก็คือ หวังให้ใครๆคิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา ความหวังที่ไม่มีทางเป็นไปได้ก็คือ หวังให้ใครๆคิดเหมือนเราและทำได้ถูกใจเรา
ซึ่งทั้งสามคำถามนี้หลายคนอาจมีคำตอบพร้อมเหตุผลที่แตกต่างกันอยู่ในใจ และไม่ว่าใครจะมีคำตอบเป็นอย่างใดเมื่อนำมาสรุปแล้ว ความแตกต่างกันของคำตอบและเหตุผลของแต่ละคนนี่แหละ.... คือ หัวใจของคำตอบของทั้งสามคำถามข้างต้น ที่หมายถึง นานาจิตตัง นั่นเอง
เพราะความแตกต่างทางความคิดอันเนื่องมาจากภูมิหลังที่ไม่เหมือนกัน ประกอบกับอุปนิสัยที่ต่างกันจึงทำให้แต่ละคนแสดงพฤติกรรมทางกาย วาจา และใจไม่เหมือนกันเลย แม้จะอยู่ในสถานการณ์และช่วงเวลาเดียวกัน เช่น ในการเข้าแถวออกกำลังกายที่ใช้จังหวะท่าทางเดียวกัน แต่ก็มีความต่างในรูปลักษณะที่ปรากฏ รวมทั้งความรู้สึกในใจที่แต่ละคนมีอยู่ซึ่งไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ขณะที่อยู่ในท่านี้ ใครมีความคิดอย่างไร บางคนอาจคิดถึงงาน บางคนอาจคิดถึงอาหาร บางคนอาจคิดถึงบ้าน บางคนอาจคิดถึงคนรัก ฯลฯ
ความแตกต่างเหล่านี้หลายคนยอมรับได้ในทางทฤษฎีว่า มีความแตกต่างกันอยู่จริง แต่เมื่อใดที่เราเข้าสู่ภาคปฏิบัติเพื่อจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นแล้ว เรามักลืมเรื่องความแตกต่างเหล่านี้เสียสิ้น แต่กลับทวีความมุ่งหวัง และอำนาจบังคับให้แต่ละสิ่งเป็นไปตามที่เราปรารถนาไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด
อาจมีหลายๆคนเห็นว่า ทำดีแต่กลับไม่ได้ดี มีแต่ความทุกข์ความเจ็บช้ำขมขื่น บางทีถูกตำหนิจากบุคคลแวดล้อมก็มี แต่ต้องอดทนอดกลั้นเพื่อจะรักษาภาพของคนดีนั้นไว้ การที่เขามีความรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะว่า เขาเหล่านั้นมีความมุ่งหวังให้ผู้อื่นยอมรับ หรือยกย่องชมเชยการกระทำของตน และหวังที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่ไม่ได้พิจารณาแยกแยะว่า ผู้ทำและผู้ที่อยู่แวดล้อมล้วนมีจิตใจที่แตกต่างกัน การกระทำที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นการสร้างเหตุใหม่ ส่วนการไม่ได้รับการยอมรับนั้นเป็นผลที่เกิดมาจากเหตุเก่า ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน
อันที่จริงหากคิดได้ถูกแล้วก็จะเห็นว่า ความดีเมื่อได้กระทำแล้วก็จะได้รับผลตอบแทนทันทีคือ ความดีนั่นเอง แต่เมื่อความหวังนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง ความผิดหวังและความทุกข์ก็ติดตามมาเป็นธรรมดา
หรืออย่างการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น เราก็มักจะมีความหวังว่า เขาจะเข้าใจเรา ยอมรับเรา ทำในสิ่งที่ถูกใจเรา ทำตามที่เราแนะนำด้วยความเต็มใจ ซึ่งบ่อยครั้งเราก็จะพบกับความขมขื่นในสิ่งที่หวังไว้เหล่านี้ และเรามักจะมีคำถามเสมอว่า ทำไมเขาไม่เข้าใจเราเลย ทำไมเขาไม่เห็นความปรารถนาดีของเราเลย
จริงแท้แน่นอนที่ความปรารถนาดีเป็นสิ่งที่ควรมีแก่กันเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง มีความสุข เพียงการชี้แจงให้ทราบถึงเหตุและผลในเรื่องราว..ก็เพียงพอแล้วกับสัมพันธภาพ ที่ดี หากเมื่อใดที่มีการตั้งความหวังและใช้คำสั่งหรือบังคับ ความอึดอัดคับข้องใจก็จะต้องเกิดขึ้นกับแต่ละฝ่าย และก็ถึงซึ่งความเจ็บช้ำใจเพราะไปเป็นไปตามที่หวังไว้เหมือนดังเนื้อเพลงที่ เขาเขียนไว้ว่า .....หวังสิ่งใดก็ได้แต่สิ้นหวัง สิ้นแรงพลังความหวังสูญสลาย.. ก็เพราะไปหวังผิดที่นั่นเอง ไปหวังเอากับจิตมนุษย์ที่ยากแท้หยั่งถึงนั่นจะได้อย่างไรกัน
ในขณะที่ตั้งคำถามนี้เราได้ลืมเรื่องของนานาจิตตังไปเสียสนิท ลืมว่าแต่ละคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพทางความคิดและมุมมองที่แตกต่างกัน ลืมว่าแต่ละคนมีรสนิยมที่ไม่เหมือนกัน มีความเชื่อความชอบในสิ่งที่ต่างกันไป ลืมว่าแต่ละคนมีเหตุของบุญและบาปที่ทำไว้ต่างกัน จึงต้องประสบกับผลที่ต่างกันและเลือกทำในสิ่งที่ต่างกันไป
นอกจากลืมประเด็นสำคัญเหล่านี้ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว หลายคนยังพยายามฝืนความจริงของธรรมชาติในหลักของอนัตตา ที่จะพยายามบังคับบัญชาผู้อื่นให้รู้สึกนึกคิดตามที่เราต้องการ ความทุกข์จึงทวีคูณเป็นสองเท่าเพราะทำในสิ่งที่ไม่มีทางสำเร็จได้เลยถึงสอง ประการ
ตัวอย่างง่ายๆนี้แสดงให้เห็นถึงทางแห่งความทุกข์ที่เรามักเลือกเดินอยู่ บ่อยๆโดยไม่รู้จักเปลี่ยนเส้นทาง แล้วก็ฟูมฟายร้องไห้เสียน้ำตาอยู่บนเส้นทางนั้นอย่างเดียวดาย คนส่วนมากจึงยอมรับอย่างดุษฎีว่าการใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก
เพราะความหลากหลายของจิตที่แต่ละคนมีนั่นเอง และในทางตรงข้าม การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายหากยอมรับได้ในความแตกต่างเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกนึกคิด หรือสถานการณ์ที่แต่ละคนต้องประสบ หากเราต่างรู้เหตุที่ทำให้ผลเกิด โดยเฉพาะเหตุที่ทำให้เราสบายใจ ไม่ทุกข์ และเราก็รีบสร้างเหตุเพื่อได้รับผลที่เราต้องการนั้นแล้ว
รับรองว่าเราไม่ต้องมาร้องเพลงครวญด้วยความผิดหวังอีกต่อไป
ด้วยความปรารถนาดี
พี่ดอกแก้ว
อ้างอิง http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.p...19adeb31b2b343c (http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=10102&sid=3e90bf26a98041bae19adeb31b2b343c)