fluoride
19-10-2008, 01:37 PM
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
ในหนังสือพุทธประวัติมหายาน ของ เสถียร พันธรังสี ได้นำเสนอพุทธประวัติในบางตอนที่แปลกไปจากการรับรู้ของเราท่านทั้งหลายในฝ่ายเถรวาท นั่นคือการนำเสนอว่า
เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกบวชเพราะแพ้มติในสภาศากยวงศ์แห่งกบิลพัสดุ์ มติดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การทำสงคราม โดยฝ่ายเจ้าชายสิทธัตถะเป็น เพียงเสียงเดียว ที่ไม่ต้องการทำสงคราม
นี่เป็นข้อนำเสนอที่ขัดแย้งจากความเข้าใจของชาวพุทธเถรวาทอย่างแรง!!! แต่เราก็ควรเปิดใจรับฟังข้อมูลจากส่วนอื่นไว้บ้างเพื่อให้เกิด ปรโตโฆสะ (การฟังเสียงผู้อื่น) อันเป็นเหตุปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
จากข้อมูลข้างต้น ถ้าสิทธัตถราชกุมารแพ้โหวดในสภาดังว่าจริง ก็แสดงว่าเป็นการนำพาพระองค์ออกไปจากกการมีส่วนเกี่ยวข้องกับ การทำสงครามภายนอก
โดยที่พระองค์เองก็เลือกที่จะออกไปทำสงครามอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ สงครามภายใน ซึ่งเป็นทางรอดแห่งชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยเป็นชัยชนะที่ไม่ต้องมีผู้แพ้ เป็นชัยชนะที่ไม่ต้องจองเวรจองกรรมซึ่งกันและกันอีกต่อไป
ในกาลต่อมาพระพุทธเจ้าได้นำพาเหล่าพระญาติวงศ์จำนวนไม่น้อยออกไปจากเงื่อนไขแห่งสงคราม กล่าวคือ พาออกบวช และบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์
ส่วนศากยะที่ไม่เชื่อฟังก็ได้พบจุดจบด้วยน้ำมือของ วิฑูทภะ กษัตริย์หนุ่มแห่งแคว้นโกศลผู้มีความเคียดแค้นชิงชังในความหยิ่งผยองในสายเลือดของชาวศากยะ
นั่นเป็นข้อบ่งชี้ว่า...การทำสงครามย่อมให้ผลเป็นความหายนะแก่ทุกฝ่าย เพราะเมื่อศากยวงศ์ถูกฆ่าล้างโคตรแล้ว กองทัพของกษัตริย์หนุ่มผู้ราวีก็ถูกอุทกภัยท่วมท้นจมหายไปทั้งกองทัพ
และไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะออกบวชด้วยสาเหตุใดแต่การออกบวชของพระพุทธเจ้า ได้นำพาไปสู่การสร้างสันติสุขให้แก่โลกโดยส่วนเดียว
เห็นชัดเจนว่า " พุทธศาสนาไม่เคยมีการทำสงครามในศาสนา "
ผู้ที่ออกบวชและบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายในสังสารวัฏร่ำไป
http://seedang.com/files/comments/46/464339/images/1_display.jpg
แสดงถึงเหตุการณ์ตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับเมืองพระญาติ แต่คราวนี้เสด็จมาลำพังพระองค์เดียว เสด็จมาเพื่อทรงระงับสงครามระหว่างพระญาติทั้งสองฝ่าย พระญาติฝ่ายหนึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพุทธบิดา
"ไอ้พวกสุนัขจิ้งจอกสมสู่กันเอง" ฝ่ายที่ถูกด่าว่าอย่างนี้ เพราะต้นสกุลหลายชั่วคนมาแล้ว ได้อภิเษกสมรสกันระหว่างพี่ชายกับน้องสาว
"ไอ้พวกขี้เรื้อน" ฝ่ายตรงข้ามที่ถูกด่าตอบอย่างนี้ ก็เพราะต้นสกุลเป็นโรคเรื้อน ถูกเนรเทศออกนอกเมืองไปอยู่ป่า
ทั้งสองฝ่ายเตรียมกำลังคน คือ กำลังทหารและอาวุธจะเข้าห้ำหั่นกัน พระพุทธเจ้าทรงทราบเข้า จึงเสด็จมาทรงระงับสงคราม ทรงประชุมพระญาติทั้งสองฝ่าย แล้วทรงซักถามถึงต้นตอของตัวปัญหา
พระพุทธเจ้า "ทะเลาะกันเรื่องอะไร"
พระญาติ " เรื่องน้ำ พระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้า " ระหว่างน้ำ กับชีวิตคนนี่ อย่างไหนจะมีค่ามากกว่ากัน"
พระญาติ "ชีวิตคนมากกว่า พระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้า " ควรแล้วหรือ ที่ทำอย่างนี้"
พระญาติดุษณียภาพทุกคน ไม่มีใครกราบทูลเลย
พระพุทธเจ้า " ถ้าเราตถาคตไม่มาที่นี่ในวันนี้ ทะเลเลือดจะไหลนอง"
(โลหิตนที ปวัตติสสติ)
พระญาติทั้งสองฝ่ายเลยเลิกเตรียมทำสงครามกัน
http://seedang.com/files/comments/46/464347/images/1_display.jpg
สันติธรรมนำสู่สันติภาพ
พระพุทธเจ้าย่อมรู้ว่า พระองค์เกิดในภพนั้นชาตินั้น เพราะบุญอะไร เพราะกรรมอะไร บางทีก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางทีก็เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา อินทร์ พรหม เป็นภูตผีปีศาจก็เคยเป็นมาแล้ว ที่ไปเป็นเช่นนั้นเพราะบุญอะไร เพราะกรรมอะไรจึงเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นคำสอนของพระองค์ที่ว่า สิ่งนี้เป็นบาปอย่าทำ นั่นแสดงว่าพระองค์เคยทำบาปตกนรกมาแล้ว สิ่งใดที่พระองค์สอนว่าสิ่งนี้เป็นบุญทำให้มาก ๆ ทำแล้วจะขึ้นสวรรค์ พระองค์ก็เคยทำบุญอย่างนั้น ขึ้นสวรรค์มาแล้ว การบำเพ็ญฌาน การบำเพ็ญสมาธิได้สำเร็จฌานสมาบัติ ได้ไปเกิดเป็นพระพรหม พระองค์ก็เคยบำเพ็ญฌานเกิดเป็นพระพรหมมาแล้ว
http://seedang.com/files/comments/46/464369/images/1_display.gif
ไตรสรณะ ที่พึ่งสาม คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ไตรสรณคมน์ การถึงสรณะสาม, การถึงรัตนะสาม คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ไตรสิกขา สิกขาสาม, ข้อปฏิบัติที่ต้องศึกษา ๓ อย่าง คือ อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา เรียกกันง่าย ๆ ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา
คำสอนของพระองค์ ทุกคำพูดเป็นเรื่องส่วนตัวของพระองค์ ในฐานะที่เราปฏิญาณตนถึงพระองค์ว่า พุทธํ สรณํ คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะที่พึ่ง ที่ระลึก
หมายความว่าเราจะต้องยกท่านเป็นครูเป็นอาจารย์เรา ยอมตัวเป็นศิษย์ของพระองค์ท่าน เมื่อเป็นเช่นนั้นลูกศิษย์ที่ปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนของครูจึงกลายเป็นลูกศิษย์ที่ดีได้
ถ้าหากชาวโลกทั้งหลายเลิกเบียดเบียนกัน แล้วหันมาสนใจพระรัตนตรัย สนใจการประพฤติปฏิบัติธรรม มาฝึกทำใจให้หยุดให้นิ่งให้ถูกต้องตามพุทธวิธี สันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะสันติสุขที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อใจหยุดนิ่ง
ดังพุทธพจน์ที่ว่า...
นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าใจหยุดใจนิ่งไม่มี
ในหนังสือพุทธประวัติมหายาน ของ เสถียร พันธรังสี ได้นำเสนอพุทธประวัติในบางตอนที่แปลกไปจากการรับรู้ของเราท่านทั้งหลายในฝ่ายเถรวาท นั่นคือการนำเสนอว่า
เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกบวชเพราะแพ้มติในสภาศากยวงศ์แห่งกบิลพัสดุ์ มติดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การทำสงคราม โดยฝ่ายเจ้าชายสิทธัตถะเป็น เพียงเสียงเดียว ที่ไม่ต้องการทำสงคราม
นี่เป็นข้อนำเสนอที่ขัดแย้งจากความเข้าใจของชาวพุทธเถรวาทอย่างแรง!!! แต่เราก็ควรเปิดใจรับฟังข้อมูลจากส่วนอื่นไว้บ้างเพื่อให้เกิด ปรโตโฆสะ (การฟังเสียงผู้อื่น) อันเป็นเหตุปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
จากข้อมูลข้างต้น ถ้าสิทธัตถราชกุมารแพ้โหวดในสภาดังว่าจริง ก็แสดงว่าเป็นการนำพาพระองค์ออกไปจากกการมีส่วนเกี่ยวข้องกับ การทำสงครามภายนอก
โดยที่พระองค์เองก็เลือกที่จะออกไปทำสงครามอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ สงครามภายใน ซึ่งเป็นทางรอดแห่งชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยเป็นชัยชนะที่ไม่ต้องมีผู้แพ้ เป็นชัยชนะที่ไม่ต้องจองเวรจองกรรมซึ่งกันและกันอีกต่อไป
ในกาลต่อมาพระพุทธเจ้าได้นำพาเหล่าพระญาติวงศ์จำนวนไม่น้อยออกไปจากเงื่อนไขแห่งสงคราม กล่าวคือ พาออกบวช และบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์
ส่วนศากยะที่ไม่เชื่อฟังก็ได้พบจุดจบด้วยน้ำมือของ วิฑูทภะ กษัตริย์หนุ่มแห่งแคว้นโกศลผู้มีความเคียดแค้นชิงชังในความหยิ่งผยองในสายเลือดของชาวศากยะ
นั่นเป็นข้อบ่งชี้ว่า...การทำสงครามย่อมให้ผลเป็นความหายนะแก่ทุกฝ่าย เพราะเมื่อศากยวงศ์ถูกฆ่าล้างโคตรแล้ว กองทัพของกษัตริย์หนุ่มผู้ราวีก็ถูกอุทกภัยท่วมท้นจมหายไปทั้งกองทัพ
และไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะออกบวชด้วยสาเหตุใดแต่การออกบวชของพระพุทธเจ้า ได้นำพาไปสู่การสร้างสันติสุขให้แก่โลกโดยส่วนเดียว
เห็นชัดเจนว่า " พุทธศาสนาไม่เคยมีการทำสงครามในศาสนา "
ผู้ที่ออกบวชและบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายในสังสารวัฏร่ำไป
http://seedang.com/files/comments/46/464339/images/1_display.jpg
แสดงถึงเหตุการณ์ตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับเมืองพระญาติ แต่คราวนี้เสด็จมาลำพังพระองค์เดียว เสด็จมาเพื่อทรงระงับสงครามระหว่างพระญาติทั้งสองฝ่าย พระญาติฝ่ายหนึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพุทธบิดา
"ไอ้พวกสุนัขจิ้งจอกสมสู่กันเอง" ฝ่ายที่ถูกด่าว่าอย่างนี้ เพราะต้นสกุลหลายชั่วคนมาแล้ว ได้อภิเษกสมรสกันระหว่างพี่ชายกับน้องสาว
"ไอ้พวกขี้เรื้อน" ฝ่ายตรงข้ามที่ถูกด่าตอบอย่างนี้ ก็เพราะต้นสกุลเป็นโรคเรื้อน ถูกเนรเทศออกนอกเมืองไปอยู่ป่า
ทั้งสองฝ่ายเตรียมกำลังคน คือ กำลังทหารและอาวุธจะเข้าห้ำหั่นกัน พระพุทธเจ้าทรงทราบเข้า จึงเสด็จมาทรงระงับสงคราม ทรงประชุมพระญาติทั้งสองฝ่าย แล้วทรงซักถามถึงต้นตอของตัวปัญหา
พระพุทธเจ้า "ทะเลาะกันเรื่องอะไร"
พระญาติ " เรื่องน้ำ พระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้า " ระหว่างน้ำ กับชีวิตคนนี่ อย่างไหนจะมีค่ามากกว่ากัน"
พระญาติ "ชีวิตคนมากกว่า พระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้า " ควรแล้วหรือ ที่ทำอย่างนี้"
พระญาติดุษณียภาพทุกคน ไม่มีใครกราบทูลเลย
พระพุทธเจ้า " ถ้าเราตถาคตไม่มาที่นี่ในวันนี้ ทะเลเลือดจะไหลนอง"
(โลหิตนที ปวัตติสสติ)
พระญาติทั้งสองฝ่ายเลยเลิกเตรียมทำสงครามกัน
http://seedang.com/files/comments/46/464347/images/1_display.jpg
สันติธรรมนำสู่สันติภาพ
พระพุทธเจ้าย่อมรู้ว่า พระองค์เกิดในภพนั้นชาตินั้น เพราะบุญอะไร เพราะกรรมอะไร บางทีก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางทีก็เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา อินทร์ พรหม เป็นภูตผีปีศาจก็เคยเป็นมาแล้ว ที่ไปเป็นเช่นนั้นเพราะบุญอะไร เพราะกรรมอะไรจึงเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นคำสอนของพระองค์ที่ว่า สิ่งนี้เป็นบาปอย่าทำ นั่นแสดงว่าพระองค์เคยทำบาปตกนรกมาแล้ว สิ่งใดที่พระองค์สอนว่าสิ่งนี้เป็นบุญทำให้มาก ๆ ทำแล้วจะขึ้นสวรรค์ พระองค์ก็เคยทำบุญอย่างนั้น ขึ้นสวรรค์มาแล้ว การบำเพ็ญฌาน การบำเพ็ญสมาธิได้สำเร็จฌานสมาบัติ ได้ไปเกิดเป็นพระพรหม พระองค์ก็เคยบำเพ็ญฌานเกิดเป็นพระพรหมมาแล้ว
http://seedang.com/files/comments/46/464369/images/1_display.gif
ไตรสรณะ ที่พึ่งสาม คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ไตรสรณคมน์ การถึงสรณะสาม, การถึงรัตนะสาม คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ไตรสิกขา สิกขาสาม, ข้อปฏิบัติที่ต้องศึกษา ๓ อย่าง คือ อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา เรียกกันง่าย ๆ ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา
คำสอนของพระองค์ ทุกคำพูดเป็นเรื่องส่วนตัวของพระองค์ ในฐานะที่เราปฏิญาณตนถึงพระองค์ว่า พุทธํ สรณํ คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะที่พึ่ง ที่ระลึก
หมายความว่าเราจะต้องยกท่านเป็นครูเป็นอาจารย์เรา ยอมตัวเป็นศิษย์ของพระองค์ท่าน เมื่อเป็นเช่นนั้นลูกศิษย์ที่ปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนของครูจึงกลายเป็นลูกศิษย์ที่ดีได้
ถ้าหากชาวโลกทั้งหลายเลิกเบียดเบียนกัน แล้วหันมาสนใจพระรัตนตรัย สนใจการประพฤติปฏิบัติธรรม มาฝึกทำใจให้หยุดให้นิ่งให้ถูกต้องตามพุทธวิธี สันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะสันติสุขที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อใจหยุดนิ่ง
ดังพุทธพจน์ที่ว่า...
นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าใจหยุดใจนิ่งไม่มี