Log in

View Full Version : FBI แกะรอย Hacker ได้อย่างไร



arttimus
27-10-2007, 03:33 AM
--------------------------------------------------------------------------------
FBI คงไม่ต้องบอกอะไรกันมากมายนะว่ามันคืออะไร ผมรับข่าวมาจากแหล่งข่าวที่ผมเชื่อถือว่า FBI หรือ NSA หรือ หน่วยงานราชการลับของนานาประเทศมีทีม Hacker เป็นของตัวเองมากขึ้นและมีการว่าจ้าง Hacker เพื่อจับผู้ร้ายที่ต้องการเหมือนกับที่บ้านเราตอนกวาดล้างยาบ้านั่นแหละครับ พอจับได้คนนึกก็เอาเป็นข้อมูลเพื่อตามจับ sideline ต่อไป บางคนอาจจะคิดว่า อะไรกัน ผมไม่เห็นจะมีผลงานอะไรกับเขาเลยมาโม้ให้ฟังเพื่อเอาหน้าหรือป่าว ให้ชาวบ้านเขารับรู้ว่าข้าเป็น “ HACKER ” หรือป่าว ? บอกตรงนี้เลยผมไม่เคยเรียกตัวเองว่าตัวเองเป็น HACKER เลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมเรียกตัวเองว่าเป็นเพียง “SelfLerner” ผมเพียงแค่นับถือที่ Hacker มีความสามารถเหนือใครๆ คนเพียงคนเดียวสามารถที่จะทำให้คนทั้งองค์กรต้องทึ่งไปเลย เอาละบ่นพอและมาว่ากันต่อเรื่องเดิม
ขั้นแรก เรามาดูกันก่อนว่า IP ที่คุณได้มาใช้นั้นมาได้ยังไง มาดูที่ ISP ก่อนเลย เริ่มแรก ISP ต้องไปขอ IP Address ส่วนกลางและจะได้รับ IP Address มาช่วงหนึ่งซึ่งคุณ ผู้ซึ่งเป็นลูกข่ายก็จะมี IP อยู่ในช่วงที่ ISP ได้มา ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว ISP จะได้ IP ใน Class C มา ซึ่งประกอบไปด้วย Network Prefix 24 bit (สามส่วนแรกของ IP ) และ Host number 8 bit ( ส่วนสุดท้าย) ถูกเรียกเป็น 24’s และใช้โดยทั่วไปโดย ISP ส่วนใหญ่

IP Address ให้อะไรกับเราบ้างเราลองมาดูตัวอย่างกันเลยนะคับ
202.144.49.110
202 <<< Network Number มันจะระบุหมายเลขเน็ตเวิร์คที่เป็นโฮส์ตนั้น
144 <<< Host Number หมายเลขของโฮส์ตที่อยู่ภายในเน็ตเวิร์ค ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในเน็ตเวิร์คเดียวกันก็จะมี Network Number เหมือนกัน เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นจึงแบ่งเน็ตเวิร์คออกเป็นหลาย ๆ Class ต่างๆกัน
Class Range

A 0.0.0.0 ถึง 127.255.255.255
B 128.0.0.0 ถึง 191.255.255.255
C 192.0.0.0 ถึง 223.255.255.255
D 224.0.0.0 ถึง 239.255.255.255
E 240.0.0.0 ถึง 255.255.255.255

เนื่องจากขนาดที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ของเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้บริหารเน็ตเวิร์คต่าง ๆ จึงเจอปัญหาหลายอย่าง ตารางเส้นทางการติดต่อบนอินเตอร์เน็ตเริ่มโตขึ้น และผู้บริหารระบบจำเป็นต้องร้องขอ Network number จากอินเตอร์เน็ตอีกก่อนที่จะมีเน็ตเวิร์คใหม่ในไซต์ของพวกเขา จึงทำให้เกิด subnet ขึ้นมา ถ้าไอเอสพีของคุณมีขนาดใหญ่และให้บริการไอพีแบบ dynamic IP address คุณจะสังเกตเห็นได้ว่าเมื่อใด ก็ตามที่คุณล๊อกออนเข้าอินเตอร์เน็ต ไอพีแอดเดรสของคุณจะมี 24 บิตแรกที่เหมือนกันแต่มีเพียง 8 บิต สุดท้ายเท่านั้นที่เปลี่ยนไป เนื่องจากการนำ subnet มาใช้ ดังนั้นไอพีแอดเดรสจึงมีลักษณะดังนี้:
xxx.xxx.zzz.yyy
สองส่วนแรกเป็น Network Prefix number, zzz เป็น Subnet number และ yyy คือ Host number ดังนั้นคุณจึงเชื่อมต่ออยู่กับ subnet เดิมทุกครั้งในเน็ตเวิร์คเดียวกัน ด้วยเหตุนี้สามส่วนแรกจึงยังเหมือนเดิม มีเพียงส่วนท้ายสุด เช่น yyy เท่านั้นที่ไม่แน่นอน
เช่น ถ้าไอเอสพี xyz ได้ไอพี 203.98.12.xxx มา ดังนั้นคุณสามารถที่จะมีไอพีใด ๆ ก็ตามที่สามส่วนแรกเป็น 203.98.12.xxx
แต่ละไอเอสพีมีไอพีอยู่ในช่วงหนึ่ง ซึ่งจะจัดสรรให้กับสมาชิกทุกคน หรือ สมาชิกทุกคนที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต โดยใช้ไอเอสพีเดียวกันก็จะมีไอพีอยู่ในช่วงนี้ด้วย จึงมีผลทำให้ทุกคนที่ใช้ไอเอสพีเดียวกัน มีแนวโน้มที่จะมีไอพี แอดเดรสที่มีสามส่วนแรกเหมือนกัน
ถ้าคุณค้นคว้าหาข้อมูลอย่างจริงจัง คุณสามารถบอกได้ว่าไอเอสพีไหน ที่คนนั้นกำลังใช้อยู่อย่างง่าย ๆ โดยดูจาก ไอพีของเขาเอง แล้วชื่อของไอเอสพีนั้นสามารถใช้เพื่อบอกเมืองและประเทศของบุคคลนั้น ลองมาดูที่ตัวอย่าง:
ISP Name Network Address Allotted

ISP I 203.94.47.xx
ISP II 202.92.12.xx
ISP III 203.91.35.xx

ถึงตอนนี้ ถ้าผมรู้จักเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต และรู้ไอพีว่าไอพีของเขาคือ: 203.91.35.12 ผมสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายว่าเขาใช้ ไอเอสพี III เพื่อเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต ถูกไหม ? คุณอาจพูดว่าใคร ๆ ก็ทำอย่างนี้ ได้ เอาละ คำตอบคือใช่และไม่ใช่ คุณจะเห็นได้ว่าวิธีการข้างต้นนี้หาไอเอสพีได้สำเร็จ เพราะว่าเรามีรายการของ ไอเอสพีและ Network Address แล้วเท่านั้น ดังนั้นตามความเห็นของผมวิธีการข้างต้นทำสำเร็จก็ต่อเมื่อ ได้ค้นคว้าและทดลองอย่างหนักแล้วเท่านั้น อย่างไรก็ตามการค้นคว้าอย่างนี้ก็มีประโยชน์ในบางครั้งเช่นกัน
ลองมาคิดดูเล่นๆ คุณคิดว่าในโลกนี้มี ISP กี่แห่ง ? แล้วคุณรู้จักทุกที่หรือป่าว ? เป็นไปได้ยากจิงไหม? แล้วทีนี้เราจะรู้ได้ไงล่ะว่า IP Address พวกเนี้ย มันอยู่ที่ไหน happy.gif IP Address มันเป็นเลขใช่ไหม ? แล้วทำไมไม่ทำให้มันเป็นตัวหนังสือซะล่ะ happy.gif ด้วยวิธีการใดคงไม่ต้องบอกแหละนะครับ ก้อรู้ๆ กันอยู่ และเมื่อคุณเปลี่ยนมันจากตัวเลขที่ดูไม่ค่อยรู้เรื่องมาเป็นตัวหนังสือได้แล้ว เคยเห็นอะไรคล้าย ๆ อย่างนี้ไหม ?
www.Victim.com.xx
ที่เราสนใจคือ .xx เท่านั้น เราลองดูสิว่ามันคล้ายๆ อะไรข้างหลัง Dictionary ของเราหรือป่าว ( ไม่รู้ Dic ของคุณมีป่าวน่ะ - -‘ แต่ของผมมีน่ะ อิอิ โชคดี ป่ะ) ไอ้ตัวย่อข้างหลังนี่แหละมันจะบอกว่า IP เนี้ยมันอยู่ที่ไหน
อย่างเช่น .US .UK .JP .AU ect. มีอีกเยอะเลย ถ้าอยากรู้ว่ามันย่อมาจากอะไรก้อไปดูได้ที่
http://www.alldomains.com/
ของ US โดยเฉพาะ
http://www.usps.gov/ncsc/lookups/abbr_state.txt
ผู้ที่ใช้วินโดวส์สามารถแปลงไอพีให้เป็น hostname ได้โดยการดาวน์โหลดยูทิลิตี้ที่ชื่อ Samspade จาก http://www.samspade.com/
หรือใช้วิธีที่ง่ายกว่า ( แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกฟะ - -“ แล้วมันจะน่าอ่านเหรอ 5 5 5 )
C:\windows>tracert IP หรือ Hostname
เช่นถ้าผมลองแบบนี้นะ
C:\windows>tracert 203.94.12.54

Tracing route to 203.94.12.54 over a maximum of 30 hops

1 abc.netzero.com (232.61.41.251) 2 ms 1 ms 1 ms
2 xyz.Netzero.com (232.61.41.0) 5 ms 5 ms 5 ms
3 232.61.41.10 (232.61.41.251) 9 ms 11 ms 13 ms
4 we21.spectranet.com (196.01.83.12) 535 ms 549 ms 513 ms
5 isp.net.ny (196.23.0.0) 562 ms 596 ms 600 ms
6 196.23.0.25 (196.23.0.25) 1195 ms1204 ms
7 backbone.isp.ny (198.87.12.11) 1208 ms1216 ms1233 ms
8 asianet.com (202.12.32.10) 1210 ms1239 ms1211 ms
9 south.asinet.com (202.10.10.10) 1069 ms1087 ms1122 ms
10 backbone.vsnl.net.in (203.98.46.01) 1064 ms1109 ms1061 ms
11 newdelhi-01.backbone.vsnl.net.in (203.102.46.01) 1185 ms1146 ms1203 ms
12 newdelhi-00.backbone.vsnl.net.in (203.102.46.02) ms1159 ms1073 ms
13 mtnl.net.in (203.194.56.00) 1052 ms 642 ms 658 ms
ผลลัพธ์ข้างบนแสดงให้เราเห็นถึงเส้นทางที่ข้อมูลได้เดินทางผ่านไปดังนี้:
Netzero (ไอเอสพีที่ส่งข้อมูลออกไป) ---> Spectranet (A Backbone Provider) ----->New York ISP
--->New York Backbone -> Asia --> South Asia -> India Backbone --> New Delhi Backbone
--> Another router in New Delhi Backbone ---> New Delhi ISP
แสดงให้เห็นถึงสถานที่อยู่ของผมจริง ๆ ที่เป็น: นิวเดลลี, อินเดีย, เอเชียใต้
เอาล่ะทีนี้รู้ยังว่า พวก FBI,NSA เค้าตามรอยได้ไง นี้เป็นเพียงวิธีที่ง่ายๆ คิดดูขนาด โง่ๆ อย่างผมยังรู้เลย แล้วพวกมืออาชีพอย่างพวกคุณแหละใช้วิธีไหน

shomon
27-10-2007, 03:43 AM
บทความนี้ ทั่นเขียนเองเลยหรือครับเนี่ย O.o

(ถ้าใช่ นายแน่มาก ถ้าไม่ใช่ กรุณาให้เครดิตที่มาด้วยครับ)

potkub
27-10-2007, 05:39 AM
thank

yutthapongm
29-10-2007, 11:05 AM
โอ้เก่งจริงๆ ชอบๆ

cookiesx
29-10-2007, 12:52 PM
ขอบคุณครับ <_<

boldboys
03-11-2007, 06:56 PM
:D เจ๋งดีคร๊าบบ น่าสนใน :o

neverdie
03-11-2007, 09:44 PM
เหอะ เค้าตามกันแบบนั้นแหละ :D
แต่เอาเข้าจิง
คนที่จะ hackคนอื่น นี่ เค้าคงไม่เอาipจิงของตัวเอง ไป hack คนอื่นๆ เลยตรงๆ หรอก ครับ
เค้า คงหาเหยื่อมารับบาปแทนก่อน กล่าวคือ อาจใช้ wifi ของบ้านที่เปิดwifi ทิ้งไว้โดยไม่มีการใส่wep key เพราะฉะนั้น lockกันให้ดี นะครับ (แนะนำ ถ้าไม่ได้ใช้งานwifi ให้ปิดapเลยครับ) เพราะ ถ้าจะhack wifi จิงๆ มันก้อ ทำได้อยู่ดี

หลังจากนั้น hacker เอง คงไปหาproxy ที่ไม่มี การเก็บlog มาออกต่อ สัก สอง -สาม ชั้น ก่อนจะเอาไป hack จิง
ซึ่ง proxy เหล่านั้น มัก อยู่ใน ประเทศที่ อเมริกา ไม่อยากยุ่งเท่าไร เช่น จีน เกาหลี อาไร แบบนั้น

ปล.ผมก้อไม่ได้เป้นhacker หรอกนะ :) hacker ตัวจิงออกมา ชี้แจง หน่อย อิอิอิ ^^"

Lazalas
19-12-2007, 10:16 PM
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ NeVeR DiE! Forever ครับ...

cleanmonk
15-01-2008, 11:51 PM
แล้วพวก hacker เค้าใช้เน็ตอะไรแฮกกันอะครับ คือแบบ ที่เค้าเล่นกันจริงๆอะ
ถ้าต้องผ่าน proxy อ้อมโลกไปๆมาๆแบบนั้นคงหลุด timeout ก่อนแน่เลย
ข้อนี้ขอถามผู้รู้หน่อย

s_oat
18-01-2008, 07:42 PM
ขอออกความเห็นนะครับ(ถ้าผิดขออภัย)
ผมคิดว่าเค้าก็คงทำแบบในเกมส์ Hacker Evolution นั่นแหละครับ คือbounce link ไปserverที่อื่นที่ตนhackเข้าไปได้ก่อนหลายๆที่ เพื่อเพิ่มขอบเขตการตรวจสอบจากเหยื่อ(เป้าหมาย)ให้กว้างมากขึ้น นั่นหมายถึงระยะเวลาในการตามรอยว่ามาจากที่ใดก็จะกินเวลามากขึ้น เปิดโอกาสให้ Hackerมีเวลามากพอที่จะบุกรุกเข้าไปเอาข้อมูลที่ตัวเองต้องการ และปิดconnectionของตัวเอง เพื่อเป็นการตัดช่องทางการติดตามจากเหยื่อ(เป้าหมาย)ครับ


เพิ่มเติม : ในส่วนการใช้ Home-WiFi ผมอยากแนะว่า ให้set up router ให้ disable -> Wireless SSID Broadcast เอาไว้ครับ เมื่อทำเช่นนี้แล้ว SSID(Service Set Identifier) ของrouterเราก็จะไม่กระจายออกไป ก็จะไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่า SSID ของบ้านเราชื่ออะไร
แน่นอนว่า เมื่อไม่รู้ก็ย่อมไม่สามารถเช็คสัญญาณได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงว่าจะhack keyเลยครับ
ที่นี้เวลาเราใช้งานจริงมันก็ไม่ได้ยุ่งยากหรอกครับ ปกติแล้วผู้ใช้notebookส่วนมาก ผมเข้าใจว่าคงจะset auto detect wifi กันอยู่แล้ว รวมทั้งการใช้งานในบ้านด้วย ทีนี้ถ้า disable Wireless SSID Broadcast ไปแล้ว แน่นอนครับว่า เครื่องเราย่อมไม่เห็นด้วย ถ้าเราไม่มี set up ชื่อ SSID ไว้อยู่แล้ว นั่นแหละครับ สิ่งที่เราต้องทำเพิ่มเติมก็แค่ set SSID ให้กับ notebook, PDA, Pocket PC phone ให้กับทุกเครื่อง(set แค่ครั้งเดียว แล้วก็save settingไว้นะครับ ไม่งั้นคงต้องมานั่งใส่ชื่อกันทุกครั้ง น่าเบื่อแย่) ก็เรียบร้อยครับ ทีนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าบ้านข้างๆจะมาแย่งใช้ของเราฟรีแล้วล่ะครับ
นอกจากนี้แล้วเราสามารถเพิ่มความปลอดภัยให้สูงขึ้นได้อีก(ถึงแม้ผมจะนึกไม่ออกว่าเมื่อไม่รู้ SSID แล้วจะติดต่อได้อย่างไรอีก) โดยการเปลี่ยนการเปลี่ยน Wireless security จาก WEP เป็น WPA2(Personal) หรือ WPA ก็จะปลอดภัยมากขึ้นครับ ด้วยแบบWEPนั้น encryption keys จะใช้ key เดียวกันตลอด เปิดโอกาสให้hackerดักจับข้อมูลได้จนครบ ส่วนWPAนั้นจะมีการกำหนดช่วงเวลาเพื่อเปลี่ยน encryption key ตลอด ทำให้ยากต่อการตรวจจับมากขึ้น (แต่ก็ยังสามารถถูกhackได้ในที่สุดนั่นแหละครับ)

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างบน ผมเขียนจากประสบการณ์โดยตรง ถ้าผิดพลาดประการใด รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะเพิ่มเติมด้วยนะครับ

TheL
21-02-2008, 02:00 AM
ผมคิดว่า ไม่ว่าจะวางระบบดีแค่ไหน ย่อมต้องมีทาง เจาะเข้าไปได้อยู่ดี แต่ สิ่งสำคัญที่ สุดไม่ได้อยู่ที่ ระบบมีช่องโหว่จึงเจาะได้ (ยังไงก็ต้องเจาะได้) แต่ สิ่งสำคัญ อยู่ ที่ เวลา เวลาที่ใช้ในการเจาะ และ เวลา ที่ใช้ในการติดตาม มากกว่าคับ เพราะไม่ว่าท่านจะแสดง ความคิดเห็น อย่างไร สุดท้าย คำตอบ คือ มีช่องโหว่ทุกครั้งอยู่แล้ว :lol: ถ้าผูดผิดไป ก็ขออภัยด้วยคับ เพราะผมเพิ่งศึกษาคับ แต่ที่โพสไป ผมใช้ความรู้สึกที่จับประเด็นที่ ทุกท่านช่วยกัน หาข้อสรุปคับ ฝากเนื้อฝากความรู้ ให้ผมบ้างน่ะคับ

chidkido
29-02-2008, 10:49 AM
แบบคุณ never die forever บอกนั่นแหละครับ
เอาเน็ทชาวบ้านไปใช้งาน
หรือถ้าเขียนโปรแกรมเป็นเราก็ เขียน server ไปวางเครื่องอื่นก่อน
แล้วเราก็เขียน client connect เข้าไปใช้งานได้
คล้าย trojan นั่นแหละ

ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะตรวจสอบคนทำจริงๆได้ยังไง

izad_got
01-03-2008, 12:00 PM
โหยยย สุดยอดเลยครับ ผมว่าแล้วทำไมเขาถึงตามตัวกันได้ ขนาด hacker มือฉมังแล้วนะเนี๊ยย ยังหนีม่ายพ้น เพิ่งจารู้ว่าจิงๆ แล้ว เขาทำกานถึงขนาดนี้ หุหุ

lit000
01-03-2008, 04:28 PM
สุดยอดเลย เว็บนี้คนเก่งเยอะจิงๆ ผมดูเน่าไปเลย แต่ขอบใจมากครับที่เอาความรู้มาบอกกล่าว

matsujunz
01-03-2008, 05:05 PM
ขนาดนี่มันไม่ยากมากเรายังไม่รู้เลย...
แฮกเกอร์นี่เก่งจริงๆ มีความสามารถขนาดนั้นก็ทำให้แกะรอยได้แล้ว น่ากลัวนะ
แล้วถ้าอยากรู้ว่าใครแฮกนี่ ก็ต้องให้แฮกเกอร์มาตามรอยอีกได้รึป่าวนะ?
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องที่เขียนนะคะ เก่งจริงๆ

toryonway
01-03-2008, 05:27 PM
เป็นความรู้ ที่ดี เลยครับผม จะได้ทราบถึงว่าการ เข้าถึงตัว hacker นั้นเข้ากันอย่างไร

คงไม่ต้องสงสัยเลย พออ่านบทความนี้เส็ด แน่นอนจิงๆ

superfast
03-03-2008, 08:44 PM
FBI คงไม่ต้องบอกอะไรกันมากมายนะว่ามันคืออะไร ผมรับข่าวมาจากแหล่งข่าวที่ผมเชื่อถือว่า FBI หรือ NSA หรือ หน่วยงานราชการลับของนานาประเทศมีทีม Hacker เป็นของตัวเองมากขึ้นและมีการว่าจ้าง Hacker เพื่อจับผู้ร้ายที่ต้องการเหมือนกับที่บ้านเราตอนกวาดล้างยาบ้านั่นแหละครับ พอจับได้คนนึกก็เอาเป็นข้อมูลเพื่อตามจับ sideline ต่อไป [/b]

เนื้อหาของบทความตามชื่อหัวข้อ "FBI แกะรอย Hacker ได้อย่างไร" มีเพียงเท่านี้ใช้ป่ะครับ
ส่วนที่เหลือไม่เกี่ยวใช่ป่ะ

งง งง อ่ะ ครับ

imaginative
10-03-2008, 05:51 PM
โอ้ ยอดมากเลยครับ ผมพึ่งรู้เองอ่ะ(จริงๆนะ)

govlawer50
10-03-2008, 06:22 PM
มาถึงไม่ได้ดูด้วยว่า Post ได้มั้ย แต่เห็นมีคนตอบเยอะเลยอยากร่วมบ้าง

พอดีอ่านกระทู้นี้ค้างไว้ แล้วเดินไปร่วมวงกับเพื่อน เลยหลุดปากถามเพื่อนๆออกไปว่า FBI แกะรอย Hacker ได้อย่างไร ?

เงียบกันไปอึดใจนึง มีเพื่อนคนนึงแวะมาเยี่ยมเยียน มาไกลซะด้วย ตอบซะดังเลย

ก็เปิดเสื้อดูซิ ถ้าคนใหนมีรอยสัก คนนั้นแหละ แฮคเชอร์ </span>

(เค้าเรียกยั้งนี้จริงๆไม่ได้พิมพ์ผิด ถ้าฟังรวมสำเนียงด้วยยิ่งได้อรรถรส )

<span style="color:#CC9933">ผมเลยรีบมาตอบกระทู้นี้ หน่อย แต่โทษทีเหอะ พิมพ์จนเสร็จแล้วผมยังหัวเราะอยู่เลย

กลับไปที่วง เพื่อนผมก็ยังนั่งยิ้มอยู่เลย คงคิดว่าตอบได้ถูกต้อง สุดยอดเลยมั๊ง

ไอ้เพื่อนผมคนนี้ มันแน่จริงๆ :lol:

eichiro
10-03-2008, 07:19 PM
เก่งมากๆ

คนที่ hack จะใช้โปรแกรมเปลี่ยนไอพี ก่อนที่จะ hack ไม่มี หรือมีน้อยแน่นอนที่จะใช้ไอพีตัวเอง

xkula
12-03-2008, 11:14 PM
แฮกเกอร์ตัวจริงๆเขาคงไม่ปล่อยให้ถูกจับหรอกใช่มิ
บนความข้างบนนี้พึงเตื่อนสติให้บรรดาเหล้าแฮกเกอร์ให้ระวัง
และมีความรอบคอบ :D

alisa977
13-03-2008, 03:05 AM
อ่านจบแล้วครับทั้งบทความและที่เพื่อนๆได้ตอบกันมา ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ

พวกที่แกะรอยได้นี่ต้องเก่งกว่า hacker ด้วยใช่มั้นครับเนี่ย

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะครับ

momay
15-03-2008, 11:30 PM
เป็นความรู้ใหม่ที่ดีมากๆเลยคะเพิ่งจะรู้นะคะเนี้ยว่ามี hacker ประเภทที่จะทำอะไรไม่รอบคอบดันไม่หาวิธีอำพรางตัวเองก่อนที่จะทำนะคะ
ขอบคุณที่โพสบทความดีๆแบบนี้ให้อ่นแล้วไม่ปิดข้อความบางช่วงออกไปนะคะเพราะสมาชิกใหม่จะได้อ่านได้และมีใจที่จะหาวิธีสมัครให้เป็น
สมาชิกหน่อย

yuyuhaku
15-03-2008, 11:49 PM
เขียนเองเลยหรอเก่งจัง

lucanidae
19-03-2008, 11:22 PM
อย่างนี้เอง ขอบคุณครับ

keebin
20-03-2008, 12:40 AM
รู้สึกว่าบทความนี้ผมเคยเห็นมาแล้วนะครับ แต่จำไม่ได้ว่า จากที่เว็ปอะไร แต่ที่แน่ๆ ผมจำเนื้อหาภายในนี้ได้ แตก็ไม่เป็นอะไรครับ แบ่งปันสำหรับท่านที่ยังไม่รู้ละกัน ถึงผมจะเคยอ่านแล้วก็ตาม แต่อาจารย์ของผมเคยบอกไว้ว่า อ่านแล้วอ่านอีกได้จะได้ชำนาญขึ้น นี้คือเหตุผลที่ผมเข้ามาอ่านซ้ำอีกรอบ แทนที่จะ Close หน้านี้ลงไป
ขอบคุณมากครับท่าน ที่หามาให้ผมอ่านอีกครั้งหนึ่ง

bugjohnyang
22-03-2008, 01:50 PM
เคยได้ยินเขาพูดกันว่า พวก Hacker จะใช้ Proxy Server ในการพรางตัวเพื่อให้ยากแก่การแกะรอยและการตรวจสอบ และมักจะใช้ Server ที่อยู่ในประเทศที่เข้าไปตรวจสอบได้ยาก เช่น ซูดาน บราซิล อัฟกานิสถาน ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งถ้าเราลองหาในเว็บจะมีรายชื่อ Proxy server ให้เราสามารถใช้มาเป็นเครื่องมืออยู่มากเช่นกัน นี่ก็อาจเป็นทางหนึ่ง ผมว่านะ แต่ถ้าจะแฮ็กระดับเซียนจริงๆ คงมีอะไรในกอไผ่อีกเยอะแน่ๆ ที่คนอย่างผมไม่เคยรู้มาก่อน

zirius
23-03-2008, 01:05 AM
มันเหมือนที่ผม เพิ่งเรียนเทอมนี้เรยอะคับ

เรื่อง dns tracking route อะไรเนี่ยแหละ เหอๆ

น่าทึ่งๆ

adison32
23-03-2008, 01:54 AM
สุดยอดดด~*

Ponam
23-03-2008, 06:58 PM
ขอบคุณสำหรับบทความนะครับ :)
อ่านแล้วทำให้อยากรู้ต่อว่าแฮกเกอร์ที่ไม่โดนแกะรอยหรือถูกจับได้
เค้าใช้วิธีอะไร